xs
xsm
sm
md
lg

มองโลกในแง่ดี ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

.
ทุกวันนี้ไม่ว่าหันหน้าไปทางไหน หรือพบปะสนทนากับใคร ดูทุกคนจะอึดอัดขัดข้อง เศร้าหมองถอดใจ หรือไม่ก็เคียดแค้น จุกแน่นอยากอาเจียน เมื่อเห็นหน้าเก่าๆ และกรอบเดิมๆ ของการเมืองไทย เป็นความเซ็งสุดๆ ของสังคมปัจจุบัน

อะไรจะมองโลกในแง่ร้ายถึงปานนั้น หัดมองโลกในแง่ดีดูบ้าง ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ และสวรรค์ย่อมจะช่วยผู้ที่ช่วยตนเอง อย่ามัวแต่งอมืองอเท้าให้อัศวินม้าขาวที่ไหนมาช่วย

เราเคยได้ยินไม่ใช่หรือว่า กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี เราได้ยินอีกเหมือนกันใช่ไหมว่า คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว

เรารีบรวมตัวกันเข้ามาในหมู่คนดี และตั้งใจแก้ไขปัญหากันเถิด อย่ามัวทอดอาลัยหรือเสียกำลังใจฟังข้อแก้ตัวของหมู่คนจัญไรอยู่เลย

ไม่มีปัญหาอะไรที่จะแก้ไม่ได้ ถ้าแก้ไม่ได้ มันก็พ้นสภาพการเป็นปัญหา กลายเป็นค่านิยมหรือสภาวธรรมที่ยอมรับกันทั่วไปในหมู่ชนของสังคม จะยืนยงคงกะพันแค่ไหน ก็คงสุดแล้วแต่เงื่อนไข-เงื่อนเวลาหรือที่ภาษาพระว่าเหตุปัจจัยต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันภายใต้กฎแห่งความเป็นอนิจจัง

นอกจากปัญหาค่าเงินบาทและการปิดงานเลิกจ้างแล้ว เรื่องที่ทำให้คนเซ็งมากกว่าหรือเซ็งที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องประชามติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา เรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 และเรื่องฝูงสุนัขวิ่งหาคอก เอ๋ย ขอโทษครับ เรื่องผู้สมัครวิ่งหาพรรค ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องการเมืองทั้งสิ้น

1. ปัญหาวันเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 เร็วและฉุกละหุกเกินไป

มีเลือกตั้งย่อมดีกว่าไม่มีเลือกตั้ง เลือกตั้งเร็วย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เลือกตั้งเร็วเกินไป ข้อเสียย่อมมีมากกว่าข้อดี

ถามเสียก่อนว่าทำไมจะต้อง 23 ธันวาคม มีคำตอบแดกดันหลายอย่าง เช่น เป็นนายกฯ พูดแล้วไม่คืนคำ กกต.สำคัญตนผิดว่าพร้อมจะได้แก้ภาพพจน์ต่างประเทศ โดยเฉพาะ ไอ้กันทะลึ่งบีบให้รีบเลือก นายทุนกลัวว่าถ้าเลือกช้าหรือไม่แน่นอนเศรษฐกิจจะพัง มีหลายคนหลงว่ามีเลือกตั้งเมื่อใดไทยจะเป็นประชาธิปไตยเมื่อนั้น ฯลฯ

ฟังๆ ดู ผู้ที่ไม่เห็นด้วยบอกว่า ฟังไม่ขึ้นสักอย่าง เร่งจนขี้แตกอย่างนี้ เดี๋ยวก็เลอะกันใหญ่ ก็เห็นอยู่แล้วรัฐบาลขิงแก่ขาดคนมีประสบการณ์เรื่องเลือกตั้ง ซ้ำเวลาที่ผ่านมาสิ้นสงสัยว่าฝีมือบริหารจัดการไม่เข้าขั้น กกต.ยิ่งแล้วใหญ่ล้วนแต่อ่อนหัด ทั้งชีวิตนั่งอยู่แต่บนบัลลังก์ เปิดแต่ตัวบทกฎหมาย ขาดความรู้เรื่องพรรคการเมืองการเลือกตั้งทั้งในภาคทฤษฎีภาคปฏิบัติโดยสิ้นเชิง ยังไงๆ ก็เตรียมตัวไม่ทัน ทันก็ทันแบบลวกๆ ขอไปที การประสานงานร่วมมือกับหน่วยราชการอื่นๆ ก็ลำบาก เพราะเดือนตุลาคมนี้ก็จะเลื่อนยศปลดย้ายกันหมด แต่ละแห่งแต่ละจังหวัดก็จะมีแต่คนหน้าใหม่ มิหนำซ้ำกฎหมายลูกก็ยังไม่ได้ออก จะมักง่ายกันไปถึงไหน ส่วนเรื่องต่างประเทศนั้น ไอ้กันไม่ใช่พ่อ กลัวมันทำไม ทีปากีสถานเขามีรัฐบาลเลือกตั้งอยู่ดีๆ ยุให้ทหารปฏิวัติ กี่ปีกี่ชาติแล้วก็ยังไม่เลือกตั้ง อย่ามาทำปากหมากับไทยจะได้ไหม เลือกตั้งน่ะดีแน่ แต่เงื่อนไขเงื่อนเวลาต้องเหมาะสม ไม่แน่หรอกว่าเศรษฐกิจจะดีเสมอไปเพราะรัฐบาลเลือกตั้ง มันขึ้นอยู่กับฝีมือรัฐบาลและเหตุการณ์ของโลกต่างหาก

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือเดือนธันวาคมนี้เป็นวโรกาสเฉลิมพระชนมายุครบ 80 พรรษา จะปล่อยให้นักการเมืองด่ากันเหม็นไปทั้งประเทศนะหรือ ห้ามไม่ได้หรอก ใครต่อใครแม้แต่เจ้าชีวิตจะถูกลูกหลง หรือตีวัวกระทบคราด แม้แต่ช่วงประชามติมันยังไม่เว้น เห็นพฤติกรรมโจ่งแจ้งและมีพยานหลักฐานมากมาย ในภาคอีสาน

มองโลกในแง่ร้าย การลงประชามติหากมิใช่เรื่องรัฐธรรมนูญดีหรือไม่ดี กลับเป็นการประลองกำลังระหว่างทักษิณกับ คมช.และรัฐบาล ทักษิณหลังพิงกำแพง ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว จึงสู้สุดฤทธิ์ ประชามติกลายเป็นการมัดจำเลือกตั้งล่วงหน้าไปด้วย กกต.ไก่อ่อนแบบนี้ จ้างก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ทักษิณกับบริวารกะว่า ได้สัก 7 ล้านคะแนน ก็จะทุ่มเลือกตั้งสัก 3 หมื่นล้าน เป็นศึกชิงแผ่นดิน รักษาทรัพย์สินและเสรีภาพของตนกับลูกเมียและบริวาร ผลออกมา กว่า 10 ล้าน เกินคาด ทักษิณชนะขาด เลือกตั้ง 23 ธันวาคมนี้ แค่ภาคอีสานกับภาคเหนือตอนบน บวกปาร์ตี้ลิสต์ ร้อยบาทเอาขี้หมากองเดียว มาแน่ๆ ทักษิณกับพลพรรคเสื้อแดง (ไม่ได้ติดฆ้อนกับเคียวเพราะฝากสหายเก็บไว้ในป่าอีสาน) รัฐบาลกับ คมช.ทำยังงี้ซูเอี๋ยเอาตัวรอดนี่หว่า ปล่อยให้ชาติกับราชบัลลังก์เสี่ยงอย่างนึกไม่ถึง ฯลฯ

เล็งผลเลิศหรือประมาทจนเกินไป อะไรจะขนาดนั้น กกต.มีดาบอาญาสิทธิ์อยู่ในมือ ไอ้พวกผึ้งแตกรังเดนตาย หมายจะพึ่งบารมีเก่า เงินถุงเงินถัง และพลังมหาประชาชน ทำทะล่อทะแล่ ปล่อยให้ปากหมาพาไป ก็ยุบพรรคแม่งซะเลย จะไปยากอะไร ไอ้ตัวที่ซ่อนเร้นไปเลือกตั้งจนได้ ก็หลับหูหลับตา ใบแดงแม่งซะหมด เอาให้สิ้นโคตร แผ่นดินการเมืองไทยก็จะสดศรีเสียที หากเหลือกำลัง กองทัพก็ยังสมทบเข้าบี้ได้อีก คราวที่แล้ว อ่อนข้อให้ แกล้งปล่อยตามสบาย เพื่อจะคอยจับทางมันต่างหาก ไอ้พวกพันธมิตรฯ รู้อะไรไม่จริง ปากมากอยู่ได้

มองโลกในแง่ดี มีพังเพยว่า “7 วันเป็นเวลานานที่นานเกินสำหรับการเมือง” นี่กว่าจะถึง 23 ธันวาคม 2550 ยังมีเวลาเหลืออยู่ตั้ง 124 วัน อะไรๆ ดีๆ ก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้ในระหว่างนี้ ถ้าหากคนไทยต้องการประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขจริงๆ แล้ว ยังมีเวลาและหนทางแก้ไขอีกมาก กว่าพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งจะประกาศก็กลางเดือนตุลาคมโน่น ใครว่านายกรัฐมนตรีกับ กกต.จะผูกขาดการตัดสินใจได้ยังงั้นหรือประชาชนและองค์กรของประชาชนทั่วประเทศก็ยังมีสิทธิเคลื่อนไหวอยู่ สนช.ก็ยังไม่ตาย คมช.ก็อยู่ ยังไม่ทันครบปีดีเลย อย่าว่าแต่กำหนดวันเลือกตั้งเลย รัฐธรรมนูญ 2550 ที่ลงพระปรมาภิไธยแล้ว รัฐบาลก็ดี สนช.ก็ดี หรือประชาชน 5 หมื่นคนก็ดี ยังมีสิทธิเสนอแก้ไขได้อย่างง่ายๆ ด้วยซ้ำ

เมื่อวิกฤตที่สุดในโลกยังไม่ผ่านพ้นและทำท่าจะโหมมาใหญ่กว่าเดิมอีก คนไทยที่มีปัญญาสมาธิ ที่ “รักในหลวง-ห่วงแผ่นดิน” ยังมีอยู่นับไม่ถ้วน ผมเชื่อว่าเขาจะรู้รักสามัคคีและมีความกล้าหาญพอที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสิ่งที่เขารัก-เชื่อมั่น-และบูชา

ฉบับหน้าตอน 2 ปัญหารัฐธรรมนูญบกพร่องเกินความคาดหมาย และตอน 3 ปัญหาพรรคการเมืองทำตนเป็นแก๊งเลือกตั้งผูกขาด รวมข้อคิดของคนที่ มองโลกในแง่ร้าย เล็งผลเลิศหรือประมาทจนเกินไป และมองโลกในแง่ดี พร้อมข้อเสนอวิธีแก้ไขปัญหาและทางออกของประเทศไทย

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมยังเชื่อมั่นไม่เปลี่ยนแปลงว่า ทางรอดของประเทศ ขึ้นอยู่กับในหลวงและปวงชนชาวไทย มีส่วนร่วมสร้างราชประชาสมาสัยหรือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขที่แท้จริง

เพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหว ผมได้รวบรวมบทความ 32 บทในบทความทั้งหมด 259 บท วิเคราะห์การเมืองไทยและนำเสนอวิธีการราชประชาสมาสัยที่ง่ายๆ แต่เป็นระบบและจริงจัง นำมาจัดพิมพ์พร้อมกับ “จดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้าคณะปฏิวัติ” ภายใต้ชื่อว่า “ใครทำลายราชประชาสมาสัย คนนั้นทำลายประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” รวมแล้วเฉพาะเนื้อๆ มีความยาว 158 หน้า

หากท่านจะกรุณาสนับสนุนและมีส่วนร่วม โปรดกรุณาสอบถามและสั่งจองได้ที่ penpukdee@yahoo.com หรือโทรศัพท์คุณอรุณี 08-1987-1353 หรือ 02-573-0611

                       “แด่..ชาวไทย ทุกหมู่ ผู้เสียเปรียบ
                 หากนิ่งเงียบ พวกมัน จะหยันหยาม
                 ว่าโง่เง่า เต่าตุ่น ทุกเขตคาม
                 ไม่สมนาม ฉกาจกล้า มหาชน

                        ลุกขึ้นยืน ตื่นเถิด เพื่อนไทยเอ๋ย
                  พวกเราเคย แกว่นกล้า มาทุกหน
                  จงฝากชื่อ ลือชา ทั่วสากล
                  อย่าให้คน จูงจมูก ดูถูกไทย”
กำลังโหลดความคิดเห็น