ฉบับวันที่ 29-8-50
ผู้จัดการรายวัน – เอสเอสยูพี เทงบ 30 ล้านบาท ปรับโฉมชอปผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซี ชูวันสตอปชอปปิ้งเจาะคนรุ่นใหม่ เร่งขยายสาขาเพิ่ม 8 แห่งปีหน้า อัดกลยุทธ์ซีอาร์เอ็ม ขยายฐานสมาชิกปีหน้าเพิ่มเป็น 5 หมื่นราย ส่วนรายได้ปีนี้โต 15% กวาด 210 ล้านบาท
นางสาวจันทร์สิริ กุลวราพร กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทเอสเอสยูพี และผู้บริหารธุรกิจศูนย์รวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จีเอ็นซี ประเทศไทย บริษัท เอสเอสยูพี โทแทล เวลเนส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแผนปรับปรุงร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซีใหม่ทั้งหมด 27 สาขา ภายใต้การใช้งบกว่า 30 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1 -1.5 ล้านบาทต่อสาขา ทั้งนี้เนื่องจากต้องการให้ร้านจำหน่ายจีเอ็นซีเป็นแหล่งรวมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอย่างครบวงจรหรือในรูปแบบวันสตอปชอปปิ้ง ทั้งนี้คาดว่าจะทยอยปรับโฉมใหม่ให้ครบกลางปีหน้า โดยปีนี้ได้เริ่มปรับไปแล้ว 4 สาขา เช่น เซ็นทรัล เวิลด์ ,เมเจอร์ ปิ่นเกล้า และเอสพละนาด คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะปรับเพิ่มอีก 5-8 สาขา
สำหรับการปรับปรุงร้านจำหน่ายจีเอ็นซีในครั้งนี้ เพื่อให้ภาพลักษณ์ร้านมีความทันสมัย และสามารถขยายฐานลูกค้าเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป หรือเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ นักศึกษา วัยทำงาน และนักธุรกิจ มีรายได้ระดับ 2.5 หมื่นบาทต่อเดือน จากเดิมฐานลูกค้าหลักกลุ่มอายุ 30 ปีขึ้นไป และแผนขยายสาขา 8 สาขา ภายใต้การใช้งบ 1-1.5 ล้านบาท หรือครบ 35 สาขาในปีหน้านี้ จากปัจจุบันมีทั้งหมด 27 สาขา โดยสถานที่จะเน้นที่มีไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งขนาดของสาขาแต่ละแห่งมีทั้งขนาด 20 ตร.ม.และ100 ตร.ม. ทั้งนี้คาดว่าจากการปรับปรุงรูปแบบใหม่ จะเพิ่มจำนวนการซื้อต่อบิล 25% จากปัจจุบันอัตราการซื้อ 3,000 บาทต่อคนต่อบิล
“ที่ผ่านมา 2-3 ปี กลุ่มเสริมอาหารสปอร์ต นูทรีชัน เป็นสินค้าเรือธงที่ขยายฐานลูกค้าซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 25 ปี ได้เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าซึ่งเป็นอายุ 30 ปี ในสัดส่วน 80% และกลุ่มคนอายุ 20 ปีขึ้นไป 20%”
แผนการตลาดในครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะเร่งสร้างการรับรู้กลุ่มเป้าหมายภายใต้การใช้งบ 17 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% ของรายได้รวม อีกทั้งยังจัดวางสินค้าแบ่งเป็นสีหมวดหมู่ อาทิ สีแดง สำหรับอาหารเสริมออกกำลังกาย เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้กลยุทธ์ซีอาร์เอ็มหรือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย โดยเปิดบริการจีเอ็นซี เฮลธ์ ไลน์ บริการสอบถามเกี่ยวกับสุขภาพทางโทรศัพท์ อีกทั้งยังออกบัตรจีเอ็นซี แพลทินัม การ์ด มอบสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิก มอบส่วนลดและมอบสิทธิการให้บริการสุขภาพ รวมไปถึงการเปิดตัวโครงการ Health Rewards Program หรือการสะสมแต้มกับสมาชิก ทั้งนี้คาดว่ากลยุทธ์ซีอาร์เอ็มจะช่วยขยายฐานสมาชิกเพิ่ม 15% จาก 3 หมื่นรายในปีนี้ และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 5 หมื่นราย
แนวโน้มตลาดเสริมอาหารโดยรวมมูลค่า 5,000 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 10% เนื่องจากภาวะโลกร้อนและมลพิษ ทำให้คนใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น ตลาดเสริมอาหารจึงเป็นตลาดที่เติบโตดีท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยที่ถดถอยลง สำหรับในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานี้บริษัทมีอัตราการเติบโต 15% และคาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทจะมีอัตราการเติบโต 15% หรือมีรายได้ 210 ล้านบาท คิดเป็น 8% ของรายได้รวม จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 180 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการทั้งกรุ๊ปคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตมากกว่า 20% หรือ 3,200 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโต 20%
สำหรับในช่วงไตรมาสสามและสี่บริษัทได้วางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ 5-6 รายการในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพร และสปอร์ต นูทรีชัน จากปัจจุบันมีสินค้าทั้งหมด 300 รายการ แบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อความงามและควบคุมน้ำหนัก คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 25% วิตามินรวม 15% ส่วนกลุ่มสมุนไพร 10% และสปอร์ต นูทรีชันสินค้าเรือธงที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทสัดส่วน 30% ที่เหลือ 20% เป็นกลุ่มน้ำมันจากธรรมชาติ ไฟเบอร์ และดีท็อกซ์
ผู้จัดการรายวัน – เอสเอสยูพี เทงบ 30 ล้านบาท ปรับโฉมชอปผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซี ชูวันสตอปชอปปิ้งเจาะคนรุ่นใหม่ เร่งขยายสาขาเพิ่ม 8 แห่งปีหน้า อัดกลยุทธ์ซีอาร์เอ็ม ขยายฐานสมาชิกปีหน้าเพิ่มเป็น 5 หมื่นราย ส่วนรายได้ปีนี้โต 15% กวาด 210 ล้านบาท
นางสาวจันทร์สิริ กุลวราพร กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทเอสเอสยูพี และผู้บริหารธุรกิจศูนย์รวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จีเอ็นซี ประเทศไทย บริษัท เอสเอสยูพี โทแทล เวลเนส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแผนปรับปรุงร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซีใหม่ทั้งหมด 27 สาขา ภายใต้การใช้งบกว่า 30 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1 -1.5 ล้านบาทต่อสาขา ทั้งนี้เนื่องจากต้องการให้ร้านจำหน่ายจีเอ็นซีเป็นแหล่งรวมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอย่างครบวงจรหรือในรูปแบบวันสตอปชอปปิ้ง ทั้งนี้คาดว่าจะทยอยปรับโฉมใหม่ให้ครบกลางปีหน้า โดยปีนี้ได้เริ่มปรับไปแล้ว 4 สาขา เช่น เซ็นทรัล เวิลด์ ,เมเจอร์ ปิ่นเกล้า และเอสพละนาด คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะปรับเพิ่มอีก 5-8 สาขา
สำหรับการปรับปรุงร้านจำหน่ายจีเอ็นซีในครั้งนี้ เพื่อให้ภาพลักษณ์ร้านมีความทันสมัย และสามารถขยายฐานลูกค้าเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป หรือเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ นักศึกษา วัยทำงาน และนักธุรกิจ มีรายได้ระดับ 2.5 หมื่นบาทต่อเดือน จากเดิมฐานลูกค้าหลักกลุ่มอายุ 30 ปีขึ้นไป และแผนขยายสาขา 8 สาขา ภายใต้การใช้งบ 1-1.5 ล้านบาท หรือครบ 35 สาขาในปีหน้านี้ จากปัจจุบันมีทั้งหมด 27 สาขา โดยสถานที่จะเน้นที่มีไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งขนาดของสาขาแต่ละแห่งมีทั้งขนาด 20 ตร.ม.และ100 ตร.ม. ทั้งนี้คาดว่าจากการปรับปรุงรูปแบบใหม่ จะเพิ่มจำนวนการซื้อต่อบิล 25% จากปัจจุบันอัตราการซื้อ 3,000 บาทต่อคนต่อบิล
“ที่ผ่านมา 2-3 ปี กลุ่มเสริมอาหารสปอร์ต นูทรีชัน เป็นสินค้าเรือธงที่ขยายฐานลูกค้าซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 25 ปี ได้เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าซึ่งเป็นอายุ 30 ปี ในสัดส่วน 80% และกลุ่มคนอายุ 20 ปีขึ้นไป 20%”
แผนการตลาดในครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะเร่งสร้างการรับรู้กลุ่มเป้าหมายภายใต้การใช้งบ 17 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% ของรายได้รวม อีกทั้งยังจัดวางสินค้าแบ่งเป็นสีหมวดหมู่ อาทิ สีแดง สำหรับอาหารเสริมออกกำลังกาย เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้กลยุทธ์ซีอาร์เอ็มหรือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย โดยเปิดบริการจีเอ็นซี เฮลธ์ ไลน์ บริการสอบถามเกี่ยวกับสุขภาพทางโทรศัพท์ อีกทั้งยังออกบัตรจีเอ็นซี แพลทินัม การ์ด มอบสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิก มอบส่วนลดและมอบสิทธิการให้บริการสุขภาพ รวมไปถึงการเปิดตัวโครงการ Health Rewards Program หรือการสะสมแต้มกับสมาชิก ทั้งนี้คาดว่ากลยุทธ์ซีอาร์เอ็มจะช่วยขยายฐานสมาชิกเพิ่ม 15% จาก 3 หมื่นรายในปีนี้ และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 5 หมื่นราย
แนวโน้มตลาดเสริมอาหารโดยรวมมูลค่า 5,000 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 10% เนื่องจากภาวะโลกร้อนและมลพิษ ทำให้คนใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น ตลาดเสริมอาหารจึงเป็นตลาดที่เติบโตดีท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยที่ถดถอยลง สำหรับในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานี้บริษัทมีอัตราการเติบโต 15% และคาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทจะมีอัตราการเติบโต 15% หรือมีรายได้ 210 ล้านบาท คิดเป็น 8% ของรายได้รวม จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 180 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการทั้งกรุ๊ปคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตมากกว่า 20% หรือ 3,200 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโต 20%
สำหรับในช่วงไตรมาสสามและสี่บริษัทได้วางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ 5-6 รายการในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพร และสปอร์ต นูทรีชัน จากปัจจุบันมีสินค้าทั้งหมด 300 รายการ แบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อความงามและควบคุมน้ำหนัก คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 25% วิตามินรวม 15% ส่วนกลุ่มสมุนไพร 10% และสปอร์ต นูทรีชันสินค้าเรือธงที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทสัดส่วน 30% ที่เหลือ 20% เป็นกลุ่มน้ำมันจากธรรมชาติ ไฟเบอร์ และดีท็อกซ์