xs
xsm
sm
md
lg

เทวทูต 4 สัจธรรมใกล้ตัว

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

.
ท่านผู้อ่านที่เป็นพุทธมามกะ หรือมิได้เป็นแต่สนใจศึกษาประวัติศาสตร์แห่งศาสนาพุทธ ก็คงจะได้ยินได้ฟังเหตุที่ทำให้เจ้าชายสิทธัตถะเกิดความเบื่อหน่ายและออกผนวช เหตุที่ว่านี้ก็คือ เทวทูต 4 อันได้แก่ การเกิด แก่ เจ็บ และตาย อันถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน หรือที่พระพุทธองค์ตรัสเรียกว่า ทุกข์ประจำสังขารทุกรูปทุกนามที่เริ่มต้นด้วยการเกิด จะต้องตามด้วยการแก่ เจ็บ และตายในที่สุด

การเกิด แก่ เจ็บ และตาย เรียกว่า ทุกข์ ได้อย่างไร?

เพื่อให้ท่านผู้อ่านมองเห็นประเด็นแห่งปัญหาดังกล่าวข้างต้น ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านเข้าใจคำว่า ทุกข์ ก่อน

โดยปกติเมื่อพูดถึงคำว่า ทุกข์ คนปกติทั่วไปจะเข้าใจว่าหมายถึง ภาวะเดือดร้อนใจ เช่น ความเดือดร้อนอันเกิดจากการสูญเสียบุคคลหรือสิ่งของอันเป็นที่รัก เป็นต้น

แต่ทุกข์โดยนัยแห่งเทวทูต 4 มิได้หมายถึงความเดือดร้อนใจในทำนองดังกล่าวข้างต้นเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการทนต่อการเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากกาลเวลาผ่านไปไม่ได้ โดยการเป็นภาวะหยุดนิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลง และโดยนัยแห่งทุกข์ที่ว่านี้ การที่เด็กเกิดมาเป็นทารก และเติบโตเป็นเด็กใหญ่ เป็นหนุ่ม เป็นสาว และเป็นคนแก่ถือได้ว่าเข้าข่ายต้องเปลี่ยนแปลง หรือพูดเป็นภาษาธรรมว่าเป็นอนิจจัง คือความไม่เที่ยง และสิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นก็เป็นอนัตตา ไม่มีตัวตนหรือไม่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของใครนั่นเอง

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ความเจ็บป่วยอันเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงก็ตามมา และในที่สุดก็จะจบลงด้วยการแตกดับหรือตาย อันเป็นจุดสุดท้ายของสิ่งมีชีวิต

ดังนั้นจึงพูดได้ว่า เทวทูต 4 คือ การเกิด แก่ เจ็บ และตายเป็นสัจธรรมที่เกิดขึ้น มีอยู่ในโลกใบนี้ก่อนพุทธกาล เพียงแต่ว่าก่อนที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาไม่มีใครค้นพบสัจธรรมข้อนี้เท่านั้น

ท่านผู้อ่านคงจะงงที่จู่ๆ ผู้เขียนได้หยิบเรื่องทำนองนี้ขึ้นมาเขียน แทนที่จะเขียนถึงปัญหาการเกิดพรรคการเมืองที่บรรดากลุ่มต่างๆ กำลังวิ่งเต้นจดทะเบียนกันอยู่ในขณะนี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอบอกว่ามิใช่เรื่องแปลกประการใด แต่เป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าค่อนข้างจะปกติ และเป็นเรื่องที่ควรจะเขียนด้วยเหตุดังต่อไปนี้

1. ในสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เขียนได้รับการมาเยี่ยมเยือนของเทวทูตตนหนึ่งที่ชื่อว่า พยาธิ หรือการเจ็บป่วย โดยเริ่มตั้งแต่เย็นวันอังคารหลังกลับจากทำงานได้เกิดอาการป่วยด้วยโรคท้องเสีย และบวกกับอาการอาเจียนจนถึงเย็นวันพฤหัสฯ กินยาแก้ท้องเสียก็แล้ว แก้อาเจียนก็แล้วอาการไม่ดีขึ้น สุดท้ายต้องโทรศัพท์เรียกเพื่อนรุ่นน้องให้นำส่งโรงพยาบาล และต้องได้รับการรักษาโดยการให้น้ำเกลือ และยาฆ่าเชื้อไปจนถึงวันเสาร์เช้าจึงออกจากโรงพยาบาลได้

ตลอดเวลาที่เทวทูตอยู่กับผู้เขียน ได้มองเห็นสัจธรรมอันเกิดขึ้นกับตัวเองได้อย่างเป็นรูปธรรม และสัมผัสได้อย่างชัดเจนมากกว่าที่เห็นคนอื่นป่วยและทรมาน และนี่เองคือจุดที่เป็นมูลเหตุจูงใจให้เขียนเรื่องนี้

2. ในสังคมไทยวันนี้ถึงแม้ว่าคนไทยส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา และเกือบทุกคนได้เรียนรู้เรื่องเทวทูต 4 ว่าเป็นเหตุจูงใจให้เจ้าชายสิทธัตถะออกผนวช ก็ใช่ว่าทุกคนหรือส่วนใหญ่ที่รู้เรื่องนี้ได้มองเห็นสัจธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเกิดความไม่ประมาทในการใช้ชีวิตด้วยการละ โลภ โกรธ หลงลง ทั้งนี้จะเห็นได้จากนักการเมืองหลายคนที่อายุย่างเข้าสู่วัยชราควรแก่การพักผ่อน และพิจารณาสัจธรรมอันเกิดจากเทวทูต คือความชรามาเยือน แต่กลับออกโลดแล่นในเวทีการเมืองต้อนรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง เหมือนประหนึ่งว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับเทวทูต 4 มิได้ช่วยให้พวกเขาในฐานะเป็นพุทธมามกะได้สำนึกถึงความไม่เที่ยงแห่งสังขารได้บ้างเลยหรือ

3. ในทำนองเดียวกัน บุคคล พรรคการเมืองในฐานะเป็นนิติบุคคลที่บุคคลตั้งขึ้นก็เป็นไปตามกฎแห่งอนิจจัง คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ดังที่เกิดขึ้นกับพรรคการเมืองหลายๆ พรรค รวมทั้งพรรคไทยรักไทยอันเป็นพรรคการเมืองใหญ่และเต็มไปด้วยศักยภาพทางการเมืองในด้านการใช้เงินเพื่อแสวงหาอำนาจ แต่สุดท้ายก็ต้องแตกดับไปตามกฎแห่งอนิจจังหนีไม่พ้น

จากเหตุปัจจัย 3 ประการนี้ ผู้เขียนจึงเห็นว่าช่วงนี้เป็นฤดูก่อนการเลือกตั้ง และอยู่ในระยะที่หลายพรรคการเมืองกำลังจะถือกำเนิดขึ้นมา ด้วยการดำเนินการของนักการเมืองเก่าๆ และเกิดจากนักการเมืองหน้าใหม่ที่เกิดความอยากมีอำนาจทางการเมืองไว้รองรับโอกาสในการแสวงหาประโยชน์จากการมีตำแหน่งทางการเมือง จึงถือว่าโอกาสนี้เหมาะที่จะให้ทุกคนมีกำลังตกอยู่ในภาวะแห่งความประมาทได้รู้ได้เห็นความเป็นจริงอันเกิดจากเทวทูต 4 ประการดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ได้คิดว่าควรทำอะไร และไม่ควรทำอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับเทวทูตตนแรก คือ การเกิด ไม่ว่าจะเป็นการเกิดของพรรคหรือของตัวบุคคล เพราะมันหมายถึงว่าจะมีความทุกข์ตามมาหลังจากการเกิด นั่นก็คือ ต้องต่อสู้กับความเสื่อมถอยเมื่อกาลเวลาผ่านไป หรือมีความชรา และความเจ็บป่วย อันได้แก่ ความแตกร้าว และสุดท้ายถ้ารักษาประคับประคองไม่ดีก็จะถึงภาวะแตกดับได้ ทั้งในส่วนของความเป็นพรรคการเมือง และความเป็นนักการเมืองที่ต้องอาศัยทั้งพลังเงิน และพลังศรัทธาจากประชาชนเพื่อการดำรงอยู่ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ถ้านำนัยแห่งความหมายตามลักษณะแห่งเทวทูต 4 แล้ว จะเห็นได้ว่า ในวงการเมืองไทยต่อจากนี้จะมีการเกิดขึ้นของพรรคการเมืองมากมาย ทั้งที่เกิดขึ้นด้วยความพร้อมที่จะอยู่รอดและโตได้ต่อไปในสนามการเมือง ทั้งที่ไม่พร้อมจะเกิดแต่คนบางคนอยากให้เกิดเพื่อรองรับความอยากทางการเมือง และรองรับการระดมทุนเพื่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจในวัยที่ทำงานไม่เหมาะแก่วัย และที่สำคัญเพื่อเป็นทุนในการรักษาอำนาจของตนเองไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เชื่อได้ว่าพรรคการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ จะเกิดขึ้นและดำรงอยู่ใน 3 ลักษณะต่อไปนี้

1. เกิดขึ้นเพื่อรองรับอำนาจเก่าที่รอจังหวะหวนคืนสู่สนามการเมือง หลังพ้นจากระยะที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง

2. เกิดขึ้นและดำรงอยู่เพื่อสร้างอำนาจต่อในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ในกรณีพรรคไหน เช่น พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคในขั้วตรงกันข้ามไม่มีความพร้อมเพราะเสียงไม่พอ

3. เกิดขึ้นและดำรงอยู่เพียงเพื่อเป็นแหล่งระดมทุนไว้รองรับอำนาจของตนเองหลังหลุดจากตำแหน่งหน้าที่ประจำ

ส่วนว่าพรรคใดและกลุ่มไหนจะเข้าข่ายข้อใดใน 3 เหตุปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ขอให้ดูจากพฤติกรรมของผู้นำกลุ่มแต่ละกลุ่มก็พอจะคาดเดาได้ไม่ยาก

แต่ในขั้นที่ตอบได้ก็คือ พรรคการเมืองยิ่งเกิดมากจะยิ่งเพิ่มความทุกข์ ความเดือดร้อนให้แก่วงการเมืองไทยเพิ่มขึ้นเท่านั้น

ทางที่ดีประชาชนในฐานะผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยควรจะคุมกำเนิดพรรคการเมือง โดยการไม่เลือกพรรคที่เกิดขึ้นด้วยความไม่พร้อมที่จะดำรงอยู่ แต่พร้อมที่จะยุบตัวเองไปรวมกับพรรคอื่นเพื่อต่อรองผลประโยชน์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันโสเภณีการเมืองมิให้เกิดขึ้น และแพร่เชื้อในการเมืองต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น