xs
xsm
sm
md
lg

"เคทีซี"ควัก400ล้านลุยแก้ระบบไอที ลูกค้าโวยข้อมูลรวน-รองรับขยายบัตร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – เคทีซีทุ่มเงิน 400 ล้านบาทปรับระบบไอทีครั้งใหญ่ หวังเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการรองรับสมาชิกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาระบบเครือข่ายประมวลผล หลังช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาพบปัญหาในการให้บริการสมาชิกหลายรูปแบบ

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ไว้ที่ 400 ล้านบาท ถือว่าสูงกว่าปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก เพื่อรองรับกับจำนวนฐานสมาชิกของบริษัทที่มีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และเพื่อเพิ่มความสะดวกให้หลายส่วนงานสามารถปฏิบัติงานได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในส่วนของศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า (Call Center) ที่จะทำงานบน Infrastructure ใหม่ที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสูงกว่า เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ระบบการให้บริการและบริหารจัดการที่ศูนย์บริการลูกค้า "เคทีซี ทัช" เพื่ออำนวยความสะดวกให้สมาชิกเคทีซีได้รับบริการที่รวดเร็ว ปลอดภัย ทั้งจากการรับบริการชำระเงินและการซื้อสินค้า ซึ่งคาดว่าระบบจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551

นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพระบบ IT Infrastructure หลัก ในส่วนของระบบป้องกันและตรวจสอบผู้บุกรุกฐานข้อมูล (Security Infrastructure) ทั้งจากภายในและภายนอก เช่น อินเตอร์เน็ต เป็นต้น และโครงสร้างเครือข่ายที่เชื่อมโยงกัน (Network Infrastructure) ระหว่างสำนักงานใหญ่และสาขาต่าง ๆ กว่า 30 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อถึงกันผ่านอินเตอร์เน็ตเพื่อให้ทำงานนอกสถานที่ได้ รวมทั้งโครงสร้างของเครือข่ายในการเก็บรักษาข้อมูล (Storage Area Network Infrastructure) ซึ่งเก็บข้อมูลส่วนกลางและทำ Back up เช่น เซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูล เป็นต้น ระบบบริหารจัดการด้านบัญชี การเงินและงบประมาณของบริษัทฯ ซึ่งทำงานแบบ Workflow, Paperless เพื่อรองรับกับธุรกิจในอนาคต โดยจะเริ่มใช้วันที่ 1 มกราคม 2551 ระบบบริหารจัดการด้านร้านค้าสมาชิกบัตรบนระบบงานใหม่ ซึ่งมีความยืดหยุ่นคล่องตัว และบริหารจัดการได้ดีทั้งการตรวจสอบและควบคุม คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 และ การให้บริการข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการรูปแบบใหม่ผ่านจอสัมผัสแบบทัช สกรีน ซึ่งจะเริ่มใช้ไตรมาสที่ 1 ของปี 2551

นายนิวัตน์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังได้ทำการปรับปรุงระบบเทคโนโลยีเครือข่ายและการประมวลผลด้วย เนื่องจากในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา บริษัทค่อนข้างจะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบดังกล่าว โดยมีลูกค้าร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้บริการผ่านบัตรเครดิตของเคทีซีว่ามีปัญหาหลายรูปแบบ เช่น ไม่สามารถจะใช้จ่ายผ่านบัตรได้ เนื่องจากวงเงินเต็ม หรือคะแนนสมสมหาย เป็นต้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพียงกับลูกค้าบางรายและในบางช่วงเวลาเท่านั้น

โดยปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจากระบบสื่อสารข้อมูลระหว่างประเทศไทยและต่างประเทศขัดข้อง เนื่องจากอุปกรณ์พ่วงต่อและเชื่อมต่อสายสัญญาณที่ส่งข้อมูลออกจากเครื่องรูดบัตรเคทีซี (EDC) ผ่านการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.)ไปยังเอฟ ไอ เอส การ์ด เซอร์วิส (Fidelity Information Services Card : FIS) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบเครือข่ายการประมวลผลสำหรับเคทีซี ตั้งอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เกิดการขัดข้องเป็นระยะระหว่างเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคมที่ผ่านมา ประกอบกับสายสัญญาณที่มีอยู่เดิม มีความสามารถในการทำงาน (Capacity) ไม่สอดคล้องกับปริมาณการใช้บัตร (Transaction) ที่เกิดขึ้น

ดังนั้น ทางเคทีซีจึงได้ทำการแก้ไข โดยปรับปรุงและออกแบบเครือข่ายสื่อสารและอุปกรณ์พ่วงต่อ สวิตช์และอุปกรณ์แยกสัญญาณ (Router) พร้อมทั้งเช่าวงจร Leased Circuit ไปยังประเทศออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นเป็น 3 วงจร โดยแยกเป็นคนละช่องทาง เพื่อให้วงจรดังกล่าวทำงานได้พร้อมกัน และแบ๊คอัพซึ่งกันและกัน ในกรณีที่ระบบเกิดปัญหาหรือได้รับผลกระทบ เช่น จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวใต้ทะเลที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้สายสัญญาณขาด และส่งผลให้การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างประเทศไทยมายังประเทศออสเตรเลียล้มเหลว ซึ่งขณะนี้สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้แล้ว นอกจากนี้ยังได้เพิ่มเติมอุปกรณ์ เพื่อให้วงจรสำรองสามารถทำงานแทนกันได้ทันทีโดยอัตโนมัติ แทนที่จะใช้ Manual แบบเดิม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนกันยายน 2550

ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนบัตรเครดิตจากแถบแม่เหล็กเป็นชิพการ์ด ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่าและสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่า โดยได้ทยอยเปลี่ยนให้สมาชิกตั้งแต่ต้นปี 2550 เป็นต้นมา แต่ด้วยฐานสมาชิกบัตรขนาดใหญ่ จึงทำให้การประมวลผลและตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ในการอนุมัติบัตร (Card Authorization) ต้องใช้เวลามากขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ เคทีซีและฟิเดลิตี้ได้ทบทวนขนาดของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ ให้มีกำลังสำรองเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของปริมาณบัตรที่เพิ่มขึ้น และได้ตัดสินใจเพิ่มขนาดของซีพียู (CPU) ที่ประเทศออสเตรเลียขึ้นอีก 20%-30% ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ เพื่อให้รองรับกับปริมาณการใช้บัตร (Transaction) ที่มากขึ้นตามจำนวนบัตรที่ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเคทีซีจะมีการประชุมและวางแผนกับผู้ให้บริการที่ประเทศออสเตรเลียเป็นประจำทุกไตรมาส เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของจำนวนบัตรและปริมาณการใช้บัตรที่ต้องมีการเก็บข้อมูล ทั้งนี้ เพื่อรองรับและควบคุมให้ขนาดของเครื่อง CPU มีความเหมาะสมมากที่สุด

"ปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกค้านั้นมีประมาณ 60-70 ปัญหา ซึ่งทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องดังกล่าวและต้องขออภัยในความไม่สะดวกนี้ ดังนั้นเรามั่นใจว่าระบบการเชื่อมต่อและระบบการประมวลผลนี้ จะได้รับการพัฒนาให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และคาดว่าระบบจะสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 3 นี้ นอกจากนี้การปรับปรุงระบบเทคโนโลยีเครือข่ายและการประมวลผลดังกล่าวยังทำ เพื่อรองรับกับฐานสมาชิกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีจำนวนบัตรเครดิตมากกว่า 1.43 ล้านใบ " นายนิวัตต์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น