xs
xsm
sm
md
lg

สตรีหม้ายเหยื่อใต้ซึ้ง“ราชินี”ทรงชุบชีวิตหลังไร้เสาหลัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปธ.ชมรมหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง เผยสตรีหม้าย เหยื่อความไม่สงบไฟใต้ 163 ชีวิตซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ชุบชีวิตใหม่ หลังไร้เสาหลักครอบครัว ระบุหญิงหม้ายไทย-มุสลิมอยู่ร่วมกันอย่างรู้รักสามัคคี “เบตง” สั่งทุกหน่วยกำลังเตรียมพร้อม-ตรวจสอบเข้มช่วงวันครบรอบ วันสถาปนาขบวนการเบอร์ซาตู ควบคู่ วันชาติมาเลเซีย 31 ส.ค.-2 ก.ย.นี้ หวั่นแนวร่วมแฝงตัวเป็นชาวบ้านป่วน 3 จชต.

นางอ้อยใจ ศรีสุวรรณ ประธานแม่บ้านหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง (หมู่บ้านแม่หม้าย) จ.นราธิวาส ซึ่งสูญเสียสามีที่ถูกคนร้ายลอบสังหาร ขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบในพื้นที่ปัตตานี เปิดเผยวานนี้ (23 ส.ค.) ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ซึ่งพสกนิกรในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ได้เข้าเฝ้ารับเสด็จ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

เสด็จพระราชดำเนินมายังโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ บ้านรอตันบาตู ต.กะลุวอ อ.เมืองนราธิวาส ซึ่งได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 20 ล้านบาทมาจัดซื้อที่ดินว่างเปล่ากว่า 700 ไร่ เพื่อจัดสรรแบ่งแปลงสร้างหมู่บ้าน ประกอบด้วยพื้นที่โครงการหมู่-บ้านเศรษฐกิจพอเพียง 329 ไร่ แบ่งเป็น 150 แปลงๆ ละ 2 ไร่ เพื่อจัดสร้างให้ราษฎรเข้าอยู่อาศัยรวม 150 ครอบครัว ปัจจุบันมีผู้อยู่อาศัยแล้ว 127 ครอบครัว 406 คน

นางอ้อยใจ เปิดเผยต่อว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ พร้อมกับได้พระราชทานกำลังใจในการประกอบอาชีพและการดำเนินชีวิต ซึ่งได้สร้างความปลาบปลื้มแก่ราษฎร ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น โดยเป็นครอบครัว ซึ่งได้รับบาดเจ็บและสูญเสียหัวหน้าครอบครัว 97 ราย ผู้ที่ไม่สามารถอยู่ในภูมิลำเนาเดิมได้ 5 ราย สมาชิกหมู่บ้านที่เป็นอาสาสมัครทหารพรานและสมาชิกอื่นๆ อีกรวม 25 ราย รู้สึกซาบซึ้งน้ำพระทัยเป็นอย่างยิ่ง

“วันนี้ชีวิตเราเหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง หลังจากได้รับน้ำพระทัย จากพระบรมวงศานุวงค์ทุกพระองค์ โอบอุ้มให้มีที่อยู่อาศัย มีงาน มีรายได้ และสามารถอยู่ในพื้นที่แผ่นดินแห่งนี้ได้อย่างมีความสุข”

นางอ้อยใจ กล่าวว่า วันนี้มีหญิงหม้ายในหมู่บ้านแห่งนี้ 163 คนที่อาศัยในโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รู้สึกซาบซึ้งในน้ำพระทัยเป็นล้นพ้น และสุดหาที่เปรียบมิได้ เพราะเปรียบเสมือนมีแสงทองส่องสว่างให้สามารถดำเนินชีวิตได้อีกครั้ง และไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้นกับชีวิตอีกก็จะไม่สนใจแล้ว เพราะวันนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าได้อยู่ในอ้อมกอดแม่ของแผ่นดินอีกแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารคอยรายงานวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของสตรีแม่หม้าย เพื่อรายงานให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้รับทราบทุกระยะ ทันทีที่พสกนิกรของพระองค์ได้รับความเดือดร้อนก็จะได้รับความช่วยเหลือทันที ทำให้เรารู้สึกว่าไม่เคยห่างจากพระองค์เลยแม้แต่วันเดียว

“เริ่มแรกมีสตรีหม้ายเพียง 103 คนเท่านั้นที่มาอยู่รวมกันในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง แต่ระยะหลังสถานการณ์ความรุนแรง ได้ส่งผลให้เสาหลักหลายครอบครัวจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ส่งผลให้มีสมาชิกเข้ามาอยู่ร่วมกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการสร้างที่พักอีก 47 หลังเพื่อรองรับและเตรียมเพิ่มอีก 23 หลัง เพราะมีแนวโน้มว่าจะมีหญิงหม้าย ที่ได้รับผลจากความรุนแรงเข้ามาอีก”

ประธานหมู่บ้านแม่หม้าย กล่าวว่า ในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ยังมีหญิงหม้ายและพี่น้องไทยมุสลิมมาอยู่ร่วมกัน 95 ครอบครัว ซึ่งทุกคนต่างอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่มีความขัดแย้งแต่อย่างใด โดยทุกคนมีอาชีพสามารถเลี้ยงครอบครัวและลูกหลานได้โดยไม่ลำบาก แม้จะไร้ซึ่งสามี โดยภายในหมู่บ้านมีโครงการฟาร์มตัวอย่าง ประกอบการเกษตรตามแนวพระราชดำริทุกประเภท รวมถึงมีโรงงานเซารามิคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย ทำให้สตรีแม่หม้ายที่อาศัยในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงมีรายได้เลี้ยงครอบครัวทุกคน

นางอ้อยใจ กล่าวว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น และจะขอน้อมรับพระราชดำรัส และจะนำไปประพฤติปฏิบัติในชีวิตต่อไป โดยจะไม่ทิ้งแผ่นดิน และหมู่บ้านแห่งนี้ไปไหน ไม่ว่าจะเกิดความรุนแรงมากน้อยขนาดไหนก็ตาม เพื่อสนองพระราชดำรัส รักชาติ รักแผ่นดิน ตลอดไป

ด้าน นายนพดล สองเมือง นายอำเภอเบตง จ.ยะลา เผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ทุกหน่วยในพื้นที่ได้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ความไม่สงบตลอดเวลา เนื่องจากช่วงนี้มีกระแสข่าวความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ได้พยายามเฝ้าระวังเหตุร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างเข้มงวด เพราะได้มีการแจ้งเตือนไว้ล่วงหน้าแล้ว

นอกจากนี้ ยังได้แจ้งขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเอื้อประโยชน์ให้คนร้ายลอบก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดได้ โดยเฉพาะจากกลุ่มแนวร่วมที่อยู่นอกประเทศและกลับเข้ามาในช่วงนี้โดยแอบอ้างว่ากลับเข้ามาฉลองวันชาติมาเลเซีย ที่มีวันหยุดยาวถึง 3 วันคือระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-2 ก.ย.เพื่อเข้ามาก่อเหตุใหญ่ก่อนที่จะหนีออกนอกประเทศไปกบดานต่อโดยอ้างไปทำงานเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ติดตาม

พ.ต.ท.จุมพล เปรมศิริ รองผกก.(ป)สภ.อ.เบตง เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ คนร้ายลอบก่อเหตุในพื้นที่ อ.บันนังสตา และพื้นที่รอยต่อ อ.เบตง จนทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น อีกทั้งเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับวันชาติมาเลเซียวันที่ 31 ส.ค.-2 ก.ย.และสอดคล้องกับหน่วยข่าวกรอง ได้แจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการเบอร์ซาตู ซึ่งเป็นองค์กรกลางของขบวนการแบ่งแยกดินแดนหลายกลุ่มในพื้นที่แอบอ้างเป็นวันครบรอบสถาปนาขบวนการเบอร์ซาตูในวันที่ 31 ส.ค.ด้วย โดยกลุ่มเหล่านี้มีเป้าหมายจะปฏิบัติการสร้างความปั่นป่วน และสร้างความเสียหายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
กำลังโหลดความคิดเห็น