xs
xsm
sm
md
lg

“ขิงแก่”ถกวันเลือกตั้งจันทร์นี้ กกต.ชง 16 หรือ 23 ธันวาคม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สุรยุทธ์” นัด กกต.และผู้เกี่ยวข้องหารือกำหนดวันเลือกตั้งจันทร์นี้ ด้าน กกต.เตรียมเสนอระหว่างวันที่ 16 หรือ 23 ธ.ค. ขณะที่วอร์รูมรัฐบาล เตรียมจัดแคมเปญต้านโกงเลือกตั้ง ป้องกันวงจรอุบาทว์ การคอร์รัปชั่นคืนชีพ ด้าน กมธ.ส่งเสริมคุณธรรม สนช.ติงรัฐบาลไม่สนใจรณรงค์เลือกตั้งโปร่งใส แฉสื่อรัฐไม่มีเวลาให้ “ครูหยุย” เผย “สุจิต-วิษณุ-ประสงค์” ตัวเต็ง ปธ.กมธ.พิจารณา กม.เลือกตั้ง เล็งตั้งอนุ กมธ. 3 ชุดพิจารณาแต่ละฉบับ

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ (23 ส.ค.)ว่า ในวันจันทร์ที่ 27 สิงหาคมนี้จะมีความชัดเจนถึงวันเลือกตั้ง

ด้าน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ได้รับการประสานทางโทรศัพท์จากนายกรัฐมนตรีมายัง กกต. เพื่อขอหารือเรื่อง การกำหนดวันเลือกตั้งในต้นสัปดาห์หน้า โดย กกต. จะเตรียมข้อมูลและรายละเอียดในการกำหนดวันเลือกตั้งเพื่อเป็นข้อมูลประกบในการตัดสินใจว่าจะให้มีการเลือกตั้งในวันใด โดยเบื้องต้นจะเสนอในกรอบเดิมคือจัดระหว่างวันที่ 16 หรือ 23 ธ.ค.

นายสุทธิพล กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการเตรียมแผนการจัดการเลือกตั้ง ทั้งการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. เขต และแบบสัดส่วน ที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับ นอกจากนี้จะมีการปรับปรุงการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าและการเลือกตั้งในต่างประเทศ โดยเฉพาะในต่างประเทศ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง ดังนั้นเราอาจจะจัดให้มีการนับคะแนนในต่างประเทศเลย เพราะเรากำหนดให้สถานทูตแต่ละประเทศเป็นหน่วยเลือกตั้งอยู่แล้ว

ด้าน นายอรัญ วงศ์อนันต์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ แถลงว่า ผลการลงประชามติในภาคอีสานและภาคเหนือบางส่วนที่มีเสียงไม่เห็นชอบ สูงกว่าเห็นชอบนั้น คงไม่ใช้ตัวชี้วัดกระแสความนิยมของพรรคการเมืองบางพรรคดั่งที่มีความพยายามกล่าวอ้างกัน เพราะในการรณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญนั้นรัฐบาลได้พยายามให้ข้อมูลเปรียบเทียบเพื่อเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้เสียงลงประชามติ โดยไม่มีการชี้นำว่าให้รับหรือไม่รับ และเมื่อผลออกมาดังนี้คงไม่ใช่เรื่องพิสูจน์กระแสความนิยมของพรรคการเมืองบางพรรคดังที่มีการกล่าวอ้างกัน

“ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้าการลงประชามติ ฝ่ายที่ต่อต้านได้สร้างกระแสไม่รับอย่างต่อเนื่อง และเป็นการสร้างกระแสที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับข่าวเรื่องการใช้เงิน ซื้อเสียงในหลายพื้นที่ รวมทั้งเรื่องการใช้วิชามารเขียนจดหมายและปล่อยข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงร่างรัฐธรรมนูญในหลายมาตรา ประกอบกับในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือหลายจังหวัด เครือข่ายกลุ่มอำนาจเก่าได้รับท่อน้ำเลี้ยงเพื่อการล้มประชามติอย่างเป็นระบบ โดยไม่มีพรรคการเมืองอื่นร่วมต่อสู้ ดังนั้นคะแนนเสียงไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่ดังกล่าวจึงสูง แต่ในการเลือกตั้ง ส.ส.นั้นจะมีตัวแทนจากพรรคๆ ต่างเข้าร่วมแข่งขันหลายพรรค ดังนั้นผลจากการเลือกตั้ง ส.ส. จะเป็นตัวชี้วัดความนิยมที่ชัดเจนกว่าเรื่องการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ”

สำหรับแนวทางการป้องกันการทุจริตในการเลือกตั้งโดยเฉพาะพื้นที่ใน ภาคอีสานและภาคเหนือบางส่วนที่เป็นพื้นที่อิทธิพลของอำนาจเก่านั้น นายอรัญ กล่าวว่า ศูนย์ประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ ได้ประชุมกำหนดมาตรการเพื่อรณรงค์ ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับประชาชนให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการทุจริตการเลือกตั้ง ที่สุดท้ายก็จะนำไปสู่การทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเป็นวงจรอุบาทว์เดิมๆ ที่เกิดขึ้นและมีตัวอย่างให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน

นายอรัญ กล่าวว่า จากผลประชามติโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ ประกอบกับกระแสข่าวเรื่องการใช้เงินซื้อเสียง คณะกรรมการฯ จึงได้กำหนดแนวทาง การประชาสัมพันธ์เชิงรุก ให้ประชาชนรับทราบถึงพิษภัยและผลเสียหายจากการทุจริต การเลือกตั้ง ที่จะนำไปสู่การคอรัปชั่นที่สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติ ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำแผนการออกพบปะประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคเหนือ รวมทั้งจัดทำซีดี รวบรวมเรื่องการคอรัปชั่นต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจให้ประชาชนใช้เป็นแนวทางในการเลือก ส.ส. ในอนาคต ต่อไป

วันเดียวกัน มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญศึกษาและส่งเสริมการสร้างคุณธรรม และจริยธรรมแก่นักการเมือง ข้าราชการ และประชาชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีท่านผู้หญิงปรียา เกษมสันต์ ณ อยุธยา รองประธาน กมธ. เป็นประธานฯ ได้พิจารณาแนวทางการรณรงค์การเลือกตั้ง เพื่อประยุกต์ใช้ในกิจกรรม “รณรงค์การเลือกตั้งไทยใสสะอาด” โดยมีตัวแทนจากหน่วยงาน ต่างๆ อาทิ สำนักนายกรัฐมนตรี ,กกต. กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานเอกชน เข้าร่วม

ท่านผู้หญิงปรียา แสดงความห่วงว่า ขณะนี้เหลือเวลาแค่ 3 เดือนก็จะมีการเลือกตั้งแล้ว ถือเป็นระยะเวลากระชั้นชิด แต่การรณรงค์การเลือกตั้งให้เกิดความโปร่งใสยังไม่ไปถึงไหน แม้ สนช. และบริษัทเอกชนจะผลิตสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ก็ไม่ช่องทางนำเสนอ สื่อของรัฐโดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ก็ไม่มีเวลาให้ ขอร้องไปยังรัฐบาลหลายครั้งก็ได้รับคำตอบว่าเวลาเต็มหมด ไม่สามารถบังคับได้ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องจัดสรรงบประมาณตรงนี้ให้ภาคประชาชนได้ตระหนักถึงการเลือกตั้งที่ใสสะอาด ตั้งแต่เด็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่ ส่วนนักการเมืองเป็นหน้าที่ของ กกต.

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สมาชิก สนช.) ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับที่จำเป็นต่อการเลือกตั้ง กล่าวว่า ในการประชุมวันที่ 24 สิงหาคม ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรก เข้าใจว่าจะมีการคุยกันถึงการทำงาน 2 ประเด็น คือ 1.ตำแหน่งต่างๆ ใน คณะกรรมาธิการเช่น ประธาน ซึ่งจะดูที่อาวุโส มีตัวเก็ง 3 คนคือ นายสุจิต บุญบงการ นายวิษณุ เครืองาม และ น.ต. ประสงค์ สุ่นศิริ

2.วิธีการทำงาน เพราะเวลากระชัดชิด ซึ่งคงมีการตั้งอนุกรรมาธิการฯจำนวน 3 ชุด เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายในแต่ละฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. แต่จะได้เพียงชุดละ 10 คน เพราะไม่ได้ขอยกเว้นข้อบังคับ

นายวัลลภ กล่าวว่า การทำงานของอนุกรรมาธิการและ กรรมาธิการวิสามัญ จะเชื่อมกันตลอด อาจต้องประชุมร่วมกันทุก 3 วัน เพราะเวลามีน้อยและเนื้อหาของทั้ง 3 ฉบับต้องเชื่อมกัน และช่วงท้ายๆ อาจต้องไปประชุมที่ต่างจังหวัด ทั้งนี้ การพิจารณาของ กรรมาธิการฯ เนื่องจากเคยมีกฎหมายนี้มาแล้ว กรรมาธิการฯ อาจจะแตะแค่ ประเด็นสำคัญ เช่น ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วย กกต.จะล้อมคอกเรื่องการซื้อเสียงได้อย่างไร หรือเรื่องการกระจายอำนาจของ กกต. ร่างพ.ร.บ. พรรคการเมือง อาจจะดูเรื่องการรับเงินบริจาคและเรื่องสมาชิก ส่วนร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วย ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. อาจจะต้องดูเรื่องที่มา เรื่องกลุ่มอาชีพที่จะเป็นที่มาให้สรรหา ส.ว.ซึ่งจะเสียเวลาเรื่องนี้มาก อาจจะต้องดูว่าเราไว้ใจ กกต.หรือไม่ หากไม่ไว้ใจก็ต้องลงในรายละเอียดมากกว่าเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น