ฉบับวันพุธที่ 22-8-50
ผู้จัดการรายวัน – ค่ายใหญ่ละเลงศึกตลาดขนมไหว้พระจันทร์ คาดปีนี้ตลาดรวมคงไม่หวือหวาค่อนข้างทรงตัวเหตุภาวะเศรษฐกิจและบรรยากาศการเมือง ชี้แนวโน้มการแข่งขันยังเดิมๆมุ่งเน้นเรื่องแพคเกจ ไส้ และโปรโมชั่น ค่ายใหญ่ทั้ง กาโตว์เฮาส์ สีฟ้า เอสแอนด์พี เชียงการีล่า เปิดเพลงศึกแล้ว
ใกล้ถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์เข้ามาทุกขณะแล้ว ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 25 กันยายน บรรดาผู้ที่อยู่ในวงการนี้ไม่ว่าจะเป็น เอสแอนด์พี เชียงการีล่า กาโตว์เฮาส์ หรือสีฟ้า และค่ายอื่นๆ ต่างก็เริ่มขยับตัวกันแล้ว เพราะหวังที่จะกอบโกยรายได้ในเทศกาลนี้ ซึ่งถือเป็นซีซันนอลมาร์เกตติ้งได้งานหนึ่ง (Seasonal Marketing) ที่จะมาปลุกอารมณ์การซื้อสินค้าในกลุ่มผู้บริโภคได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการหลายรายก็ยังคงหวั่นๆว่าด้วยปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซา จะมาเป็นปัญหาสกัดกั้นตลาดขนมไหว้พระจันทร์ไม่ให้คึกคักเหมือนที่ควรจะเป็น เช่นเดียวกับภาวะตลาดรวมทั่วๆไป แม้ว่าจะเป็นขนมสำคัญที่ต้องใช้ในการไหว้พระจันทร์ก็ตาม
**กาโตว์เฮาส์
แหล่งข่าวจากผู้ผลิตและจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์รายหนึ่งให้ความเห็นผ่าน “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจะเป็นอย่างไร ในแง่ของการไหว้พระจันทร์นั้นถือเป็นประเพณีที่ปฎิบัติกันมานาน ก็ยังคงเชื่อมั่นว่าตลาดยังมีความต้องการสูงอยู่ดี แต่ทั้งนี้อยู่ที่ตัวของผู้ประกอบการเองว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ผู้บริโภคมาซื้อสินค้าแบรนด์ของตัวเองให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้เชื่อว่าในปีนี้แนวโน้มการแข่งขันในปีนี้ยังคงเหมือนกับทุกๆปีที่ผ่านมาคือ เรื่องของการนำเสนอแพคเกจจิ้งให้สามารถดึงดูดผู้บริโภคให้ได้ เพราะแพคเกจจิ้งถือเป็นหน้าตาอย่างหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อ รวมไปถึงการออกไส้ใหม่ๆเข้ามาในท้องตลาดซึ่งจะมีทั้งรูปแบบใหม่ของแบรนด์ตัวเองและไส้ใหม่ของตลาดรวมด้วย อีกทั้งยังแข่งขันกันในเรื่องของโปรโมชั่น
แหล่งข่าวจาก ร้านกาโตว์เฮาส์ กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า บรรยากาศปีนี้คงปรกติไม่คึกคักเท่าที่ควร เพราะส่วนหนึ่งสังเกตุได้จากปีนี้ไม่มีใครติดต่อมาหาให้บริษัทฯผลิตให้เลย ต่างจากปีที่แล้วที่ยังมีติดต่อเข้ามาบ้าง โดยปีนี้กาโตว์เฮาส์เริ่มจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม จนถึงวันที่ 25 กันยายนศกนี้ รวมเวลา 45 วัน โดยจำหน่ายผ่านหน้าร้านกาโตว์เฮาส์ในสาขาแบบออริจินัลจำนวน 43 สาขา และรูปแบบร้านกาโตว์เฮาส์เดลี่อีก 3 สาขาที่ตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมันปิโตรนาส รวมทั้งสิ้น 46 สาขา ไม่มีวางจำหน่ายที่อื่น ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมแน่นอน
โดยปีนี้กาโตว์เฮาส์ได้ออกเมนูมาทั้งหมด 14 ไส้ คือ หมอนทองล้วน, หมอนทองไข่เดี่ยว, หมอนทองไข่คู่, ลูกบัวไข่เดี่ยว, โหงวยิ้ง, โหงวยิ้งไข่เดี่ยว, งาดำ, บัวหิมะคัสตาร์ด, บัวหิมะงาดำ, บัวหิมะเผือก, มิกซ์ฟรุ้ท ซึ่งเป็นไส้เดิมเหมือนปีที่แล้ว ราคาอยู่ที่ 74 บาทต่อชิ้นขึ้นไป ส่วนไส้ใหม่ที่เพิ่งทำปีนี้คือ เผือก, เกาลัดและบัวหิมะเผือก ราคาสูงสุด 84 บาทต่อชิ้น ซึ่งปีที่แล้วกาโตว์เฮาส์ทำออกมาจำนวน 13 ไส้ ซึ่งไส้ที่เลิกไปในปีนี้คือ ถั่วทองเม็ดฝน
นอกจากนั้นยังมีทำออกมาเป็นชุดด้วย 1 แบบ คือ มินิมูนเค้กเซ็ท จำนวน 6 ชิ้นเล็ก ราคา 159 บาทต่อชุด ซึ่งจะเน้นการออกแบบกล่องให้มีความสวยงาม ทันสมัย เนื่องจากสามารถนำไปเป็นของฝากผู้ใหญ่ได้ด้วย ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์ของบริษัทฯจะเป็นแบบโฮมเมดซึ่งไม่ได้ผลิตออกมาเป็นจำนวนมากมายเหมือนอย่างบางรายที่ใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ทำให้มีจำนวนผลิตมาก
สำหรับโปรโมชั่นของกาโตว์เฮาส์นั้นจะมีเหมือนเดิม ซึ่งเน้นเรื่องราคาและส่วนลดเป็นหลัก คือ ซื้อ 2 ชิ้นขึ้นไป ลด 10% ซื้อ 4 ชิ้นขึ้นไป ลด 15% และเมื่อซื้อ 20 ชิ้นขึ้นไปลด 20% ส่วนที่เป็นชุดนั้น เมื่อซื้อ 2 กล่องลด 10% และเมื่อซื้อ 4 กล่องขึ้นไปลด 15%
**สีฟ้า
ทางด้านร้านอาหารสีฟ้าซึ่งเป็นอีกค่ายหนึ่งที่เล่นตลาดขนมไหว้พระจันทร์มาตลอดต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอและจัดอยู่ในแถวหน้าของตลาดนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม สีฟ้าเองไม่ได้เน้นที่ปริมาณการขายหรือเน้นผลิตมาก แต่จะชูความเป็นผลิตภัณฑ์โฮมเมดเช่นเดียวกันกับค่ายกาโตว์เฮาส์
นายกร รัชไชยบุญ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ห้องอาหารสีฟ้า จำกัด ผู้บริหารร้านสีฟ้า กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ตลาดขนมไว้พระจันทร์ปีนี้ก็คงจะไม่ค่อยคึกคักมากนัก คงจะมีบรรยากาศเป็นไปตามปรกติ เพราะเป็นตลาดเฉพาะเทศฯกาลเท่านั้น เนื่องจากว่า ยังมีปัจจัยลบหลายเรื่องทั้งเรื่องปัญหาทางการเมือง ปัญหาด้านเศรษฐกิจต่างๆ
โดยทางสีฟ้าวางแผนเริ่มจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์ในวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ผ่านช่องทางร้านอาหารของสีฟ้าเองทั้งหมด 18 สาขา ซึ่งสาขาล่าสุดที่เพิ่งเปิดไปคือ แฟชั่นไอส์แลนด์ และเตรียมที่จะเปิดเพิ่มอีกที่ ดิเอสพละนาดถนนรัชดาภิเษกและคริสตัลพลาซ่า ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
นอกจากนั้นแล้วยังมีแผนที่จะเปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจที่จะรับผลิตภัณฑ์ขนมไหว้พระจันทร์ ของสีฟ้าไปจำหน่าย ซึ่งเท่ากับเป็นการขยายช่องทางการจำหน่ายให้กว้างมากขึ้นว่า เดิมอีกด้วย พร้อมกับการที่บริษัทฯจะไปเปิดบู้ทของบริษัทฯเองตามดิสเคาน์สโตร์ทั่วไ ป
“ปีที่แล้ว ยอดขายโดยเฉลี่ยก็อยู่ราวๆ 20,000 กว่าก้อน เราผลิตน้อยเพราะใช้กำลังคนผลิต แต่ปีนี้เราวางแผนที่จะผลิตออกมาจำนวน 10 ไส้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นใส้ยอดนิยมทั่วไปของตลาดอยู่แล้ว และมีงาดำสูตรใหม่ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 65-90 บาทแล้วแต่ไส้” นายกรกล่าว
ที่พิเศษสุดปีนี้คือ การเป็นรายแรกที่มีลูกเล่นด้วยการปิดทองบนขนมไหว้พระจันทร์เป็นรายแรกในไทย
***เอสแอนด์พี
ขณะที่บริษัท เอสแอนด์พี ซินดิเคต จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นรายใหญ่ในตลาดนี้ก็ว่าได้ ทั้งในแง่ของปริมาณการผลิต ยอดขาย ส่วนแบ่งตลาด และช่องทางการจำหน่าย
นายวิทูร ศิลาอ่อน ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า ปีนี้เอสแอนด์พีจะทำตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในเชิงรุกมากขึ้น โดยจะยึดหลักการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อกับบริษัทฯ ด้วยแคมเปญ “Fly me to the moon” หรือ บินลัดฟ้าชมจันทร์กับเอสแอนด์พี ไปยังประเทศฮ่องกง หรือเมืองเสิ่นเจิ้นประเทศจีน ตามเงื่อนไขที่กำหนดคือ รับประทานในร้านหรือซื้อขนมไหว้พระจันทร์หรือมังกรทอง ครบทุก 300 บาท รับคูปองชิงโชค แพคเกจทัวร์ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง เซิ่นเจิ้น 3 วัน 2 คืน จำนวน 20 รางวัล เพื่อสร้างความผูกพันธ์และความใกล้ชิดระหว่างลูกค้ากับแบรนด์มากขึ้น
เอสแอนด์พีแทบจะเป็นรายเดียวในตลาดนี้ที่มีการทำโปรโมชั่นไปเที่ยวต่างประเทศ ทั้งๆที่ตลาดผลิตภัณฑ์นี้ไม่ใหญ่และเป็นเพียงแค่ช่วงเทศกาลสั้นๆเท่านั้น
โดยปีนี้ เอสแอนด์พีตั้งเป้ายอดขายในปีนี้อยู่ที่ 2.7 ล้านก้อน เพิ่มจากปีที่แล้วที่มียอดจำหน่ายประมาณ 2.2 ล้านก้อน โดยมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 70 บาทต่อชิ้น ขึ้นอยู่กับไส้ และปีนี้มีการออกรสชาติใหม่เพิ่มมาอีก 3 รสชาติ และยังมีการจัดเป็ฯชุด “ขนมไหว้พระจันทร์ทานคู่กับน้ำชา” เพื่อเป็นทางเลือกใหม่รวมทั้งยังมีแพคเกจที่สดใส สวยงาม ให้เลือกอีกด้วย และเมื่อซื้อครบ 4 กล่อง รับฟรีอีก 1 กล่อง
ทั้งนี้ช่องทางการจำหน่ายหลักของเอสแอนด์พีคือ ร้านอาหารเอสแอนด์พีรวมทั้งร้านในเครือทั้งหมดที่มีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งถือได้ว่าสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุดมากกว่าแบรนด์อื่นๆหลายเท่าตัวยิ่งนัก
**เชียงการีล่า
ส่วนอีกแบรนด์ที่ติดตลาดและทำมานานแล้วคือ ขนมไหว้พระจันทร์เชียงการีลาของกลุ่มภัตตาคารเชียงการีล่า จนผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักกันดีในท้องตลาดและผู้บริโภคที่ชื่นชอบขนมชนิดนี้
ทั้งนี้ในปีนี้เชียงการีล่ามีการผลิตและวางตลาดจำนวน 9 ไส้เช่น ไส้ทุเรียนหมอนทอง ไส้ลูกบัว ไส้โหงวยิ้ง เป็นต้น โดยวางจำหน่ายในร้านอาหารในกลุ่มเชียงการีล่าทั้งหมด
เชียงการีล่ามุ่งเน้น 2 ประเด็นหลักในปีนี้คือ 1.เรื่องของบรรจุภัณฑ์ ที่จะมีการปรับใหม่ให้ดูสดใสและทันสมัยมากขึ้น แบ่งเป็น 2 ลายคือ ชุด 4 ชิ้นต่อกล่อง ชื่อ “มั่งคั่งยั่งยืน” เป็นลายกำแพงเมืองจีน และชุด 2 ชิ้นต่อกล่องชื่อว่า “สุขสำราญ” เป็นภาพเด็กๆวิ่งเล่นในสนามเด็กเล่น
โดยปีนี้เชียงการีล่าตั้งเป้ายอดขายขนมไหว้พระจันทร์เติบโตขึ้นประมาณ 10% จากปีที่แล้ว
**ยูเอฟเอ็มผนึกแอมเวย์
กลุ่มธุรกิจขายตรงอย่างเช่น บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็ยังคงเป็นค่ายขายตรงที่ทำตลาดขนมไหว้พระจันทร์ต่อเนื่อง โดยจับมือกับพันธมิตรายเดิมคือ ยูเอฟเอ็ม ผู้ผลิตเบเกอรี่รายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ผลิต และทางแอมเวย์เป็นผู้จำหน่ายผ่านช่องทางขายตรง ซึ่งปีนี้ออกมา 2 แพคเกจคือ กล่องสีแดง ราคา 289 บาท (หากเป็นสมาชิกราคา 241 บาท) ซึ่งจะมี 4 ชิ้นคือ ไส้ลูกบัวชาเขียว งาดำ โหงวยิ้งและแมคคาเดเมียถั่วแดง อย่างละ 1 ชิ้น ส่วนอีกแบบคือ กล่องสีทอง ประกอบด้วย ไส้ทุเรียนหมอนทองและทุเรียนหมอนทองไข่เดี่ยวอย่างละ 2 ชิ้น ราคา 292 บาท (หากเป็นสมาชิกราคา 243 บาท) เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม – 29 กันยายนศกนี้ ซึ่งปัจจุบันแอมแวย์มีนักธุรกิจหรือนักขายที่ทำธุรกิจอย่างจริงจังและต่ออายุสมาชิกต่อเนื่องทุกปี 300,000 รหัส มีสมาชิกที่สมัครเพื่อใช้สินค้า 440,000 รหัสทั่วประเทศ
ทางด้านสตาร์บัคส์ ร้านกาแฟเชนใหญ่ในไทย ออก 2 รสชาติใหม่คือ ไส้ชาเขียวผสมถั่วแดงและไส้แปดเซียน พร้อมกับการกลับมาของรสชาติไส้กาแฟเอสเพรสโซ่ โรสท์ และไส้หมอนทอง โดยโปรโมชั่น จัดแพคเกจ 1 กล่อง มี 4 รสชาติ ราคา 250 บาท และเมื่อซื้อ 2 ชิ้น จะได้รับถุงของขวัญ
ผู้จัดการรายวัน – ค่ายใหญ่ละเลงศึกตลาดขนมไหว้พระจันทร์ คาดปีนี้ตลาดรวมคงไม่หวือหวาค่อนข้างทรงตัวเหตุภาวะเศรษฐกิจและบรรยากาศการเมือง ชี้แนวโน้มการแข่งขันยังเดิมๆมุ่งเน้นเรื่องแพคเกจ ไส้ และโปรโมชั่น ค่ายใหญ่ทั้ง กาโตว์เฮาส์ สีฟ้า เอสแอนด์พี เชียงการีล่า เปิดเพลงศึกแล้ว
ใกล้ถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์เข้ามาทุกขณะแล้ว ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 25 กันยายน บรรดาผู้ที่อยู่ในวงการนี้ไม่ว่าจะเป็น เอสแอนด์พี เชียงการีล่า กาโตว์เฮาส์ หรือสีฟ้า และค่ายอื่นๆ ต่างก็เริ่มขยับตัวกันแล้ว เพราะหวังที่จะกอบโกยรายได้ในเทศกาลนี้ ซึ่งถือเป็นซีซันนอลมาร์เกตติ้งได้งานหนึ่ง (Seasonal Marketing) ที่จะมาปลุกอารมณ์การซื้อสินค้าในกลุ่มผู้บริโภคได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการหลายรายก็ยังคงหวั่นๆว่าด้วยปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซา จะมาเป็นปัญหาสกัดกั้นตลาดขนมไหว้พระจันทร์ไม่ให้คึกคักเหมือนที่ควรจะเป็น เช่นเดียวกับภาวะตลาดรวมทั่วๆไป แม้ว่าจะเป็นขนมสำคัญที่ต้องใช้ในการไหว้พระจันทร์ก็ตาม
**กาโตว์เฮาส์
แหล่งข่าวจากผู้ผลิตและจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์รายหนึ่งให้ความเห็นผ่าน “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจะเป็นอย่างไร ในแง่ของการไหว้พระจันทร์นั้นถือเป็นประเพณีที่ปฎิบัติกันมานาน ก็ยังคงเชื่อมั่นว่าตลาดยังมีความต้องการสูงอยู่ดี แต่ทั้งนี้อยู่ที่ตัวของผู้ประกอบการเองว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ผู้บริโภคมาซื้อสินค้าแบรนด์ของตัวเองให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้เชื่อว่าในปีนี้แนวโน้มการแข่งขันในปีนี้ยังคงเหมือนกับทุกๆปีที่ผ่านมาคือ เรื่องของการนำเสนอแพคเกจจิ้งให้สามารถดึงดูดผู้บริโภคให้ได้ เพราะแพคเกจจิ้งถือเป็นหน้าตาอย่างหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อ รวมไปถึงการออกไส้ใหม่ๆเข้ามาในท้องตลาดซึ่งจะมีทั้งรูปแบบใหม่ของแบรนด์ตัวเองและไส้ใหม่ของตลาดรวมด้วย อีกทั้งยังแข่งขันกันในเรื่องของโปรโมชั่น
แหล่งข่าวจาก ร้านกาโตว์เฮาส์ กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า บรรยากาศปีนี้คงปรกติไม่คึกคักเท่าที่ควร เพราะส่วนหนึ่งสังเกตุได้จากปีนี้ไม่มีใครติดต่อมาหาให้บริษัทฯผลิตให้เลย ต่างจากปีที่แล้วที่ยังมีติดต่อเข้ามาบ้าง โดยปีนี้กาโตว์เฮาส์เริ่มจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม จนถึงวันที่ 25 กันยายนศกนี้ รวมเวลา 45 วัน โดยจำหน่ายผ่านหน้าร้านกาโตว์เฮาส์ในสาขาแบบออริจินัลจำนวน 43 สาขา และรูปแบบร้านกาโตว์เฮาส์เดลี่อีก 3 สาขาที่ตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมันปิโตรนาส รวมทั้งสิ้น 46 สาขา ไม่มีวางจำหน่ายที่อื่น ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมแน่นอน
โดยปีนี้กาโตว์เฮาส์ได้ออกเมนูมาทั้งหมด 14 ไส้ คือ หมอนทองล้วน, หมอนทองไข่เดี่ยว, หมอนทองไข่คู่, ลูกบัวไข่เดี่ยว, โหงวยิ้ง, โหงวยิ้งไข่เดี่ยว, งาดำ, บัวหิมะคัสตาร์ด, บัวหิมะงาดำ, บัวหิมะเผือก, มิกซ์ฟรุ้ท ซึ่งเป็นไส้เดิมเหมือนปีที่แล้ว ราคาอยู่ที่ 74 บาทต่อชิ้นขึ้นไป ส่วนไส้ใหม่ที่เพิ่งทำปีนี้คือ เผือก, เกาลัดและบัวหิมะเผือก ราคาสูงสุด 84 บาทต่อชิ้น ซึ่งปีที่แล้วกาโตว์เฮาส์ทำออกมาจำนวน 13 ไส้ ซึ่งไส้ที่เลิกไปในปีนี้คือ ถั่วทองเม็ดฝน
นอกจากนั้นยังมีทำออกมาเป็นชุดด้วย 1 แบบ คือ มินิมูนเค้กเซ็ท จำนวน 6 ชิ้นเล็ก ราคา 159 บาทต่อชุด ซึ่งจะเน้นการออกแบบกล่องให้มีความสวยงาม ทันสมัย เนื่องจากสามารถนำไปเป็นของฝากผู้ใหญ่ได้ด้วย ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์ของบริษัทฯจะเป็นแบบโฮมเมดซึ่งไม่ได้ผลิตออกมาเป็นจำนวนมากมายเหมือนอย่างบางรายที่ใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ทำให้มีจำนวนผลิตมาก
สำหรับโปรโมชั่นของกาโตว์เฮาส์นั้นจะมีเหมือนเดิม ซึ่งเน้นเรื่องราคาและส่วนลดเป็นหลัก คือ ซื้อ 2 ชิ้นขึ้นไป ลด 10% ซื้อ 4 ชิ้นขึ้นไป ลด 15% และเมื่อซื้อ 20 ชิ้นขึ้นไปลด 20% ส่วนที่เป็นชุดนั้น เมื่อซื้อ 2 กล่องลด 10% และเมื่อซื้อ 4 กล่องขึ้นไปลด 15%
**สีฟ้า
ทางด้านร้านอาหารสีฟ้าซึ่งเป็นอีกค่ายหนึ่งที่เล่นตลาดขนมไหว้พระจันทร์มาตลอดต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอและจัดอยู่ในแถวหน้าของตลาดนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม สีฟ้าเองไม่ได้เน้นที่ปริมาณการขายหรือเน้นผลิตมาก แต่จะชูความเป็นผลิตภัณฑ์โฮมเมดเช่นเดียวกันกับค่ายกาโตว์เฮาส์
นายกร รัชไชยบุญ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ห้องอาหารสีฟ้า จำกัด ผู้บริหารร้านสีฟ้า กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ตลาดขนมไว้พระจันทร์ปีนี้ก็คงจะไม่ค่อยคึกคักมากนัก คงจะมีบรรยากาศเป็นไปตามปรกติ เพราะเป็นตลาดเฉพาะเทศฯกาลเท่านั้น เนื่องจากว่า ยังมีปัจจัยลบหลายเรื่องทั้งเรื่องปัญหาทางการเมือง ปัญหาด้านเศรษฐกิจต่างๆ
โดยทางสีฟ้าวางแผนเริ่มจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์ในวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ผ่านช่องทางร้านอาหารของสีฟ้าเองทั้งหมด 18 สาขา ซึ่งสาขาล่าสุดที่เพิ่งเปิดไปคือ แฟชั่นไอส์แลนด์ และเตรียมที่จะเปิดเพิ่มอีกที่ ดิเอสพละนาดถนนรัชดาภิเษกและคริสตัลพลาซ่า ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
นอกจากนั้นแล้วยังมีแผนที่จะเปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจที่จะรับผลิตภัณฑ์ขนมไหว้พระจันทร์ ของสีฟ้าไปจำหน่าย ซึ่งเท่ากับเป็นการขยายช่องทางการจำหน่ายให้กว้างมากขึ้นว่า เดิมอีกด้วย พร้อมกับการที่บริษัทฯจะไปเปิดบู้ทของบริษัทฯเองตามดิสเคาน์สโตร์ทั่วไ ป
“ปีที่แล้ว ยอดขายโดยเฉลี่ยก็อยู่ราวๆ 20,000 กว่าก้อน เราผลิตน้อยเพราะใช้กำลังคนผลิต แต่ปีนี้เราวางแผนที่จะผลิตออกมาจำนวน 10 ไส้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นใส้ยอดนิยมทั่วไปของตลาดอยู่แล้ว และมีงาดำสูตรใหม่ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 65-90 บาทแล้วแต่ไส้” นายกรกล่าว
ที่พิเศษสุดปีนี้คือ การเป็นรายแรกที่มีลูกเล่นด้วยการปิดทองบนขนมไหว้พระจันทร์เป็นรายแรกในไทย
***เอสแอนด์พี
ขณะที่บริษัท เอสแอนด์พี ซินดิเคต จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นรายใหญ่ในตลาดนี้ก็ว่าได้ ทั้งในแง่ของปริมาณการผลิต ยอดขาย ส่วนแบ่งตลาด และช่องทางการจำหน่าย
นายวิทูร ศิลาอ่อน ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า ปีนี้เอสแอนด์พีจะทำตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในเชิงรุกมากขึ้น โดยจะยึดหลักการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อกับบริษัทฯ ด้วยแคมเปญ “Fly me to the moon” หรือ บินลัดฟ้าชมจันทร์กับเอสแอนด์พี ไปยังประเทศฮ่องกง หรือเมืองเสิ่นเจิ้นประเทศจีน ตามเงื่อนไขที่กำหนดคือ รับประทานในร้านหรือซื้อขนมไหว้พระจันทร์หรือมังกรทอง ครบทุก 300 บาท รับคูปองชิงโชค แพคเกจทัวร์ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง เซิ่นเจิ้น 3 วัน 2 คืน จำนวน 20 รางวัล เพื่อสร้างความผูกพันธ์และความใกล้ชิดระหว่างลูกค้ากับแบรนด์มากขึ้น
เอสแอนด์พีแทบจะเป็นรายเดียวในตลาดนี้ที่มีการทำโปรโมชั่นไปเที่ยวต่างประเทศ ทั้งๆที่ตลาดผลิตภัณฑ์นี้ไม่ใหญ่และเป็นเพียงแค่ช่วงเทศกาลสั้นๆเท่านั้น
โดยปีนี้ เอสแอนด์พีตั้งเป้ายอดขายในปีนี้อยู่ที่ 2.7 ล้านก้อน เพิ่มจากปีที่แล้วที่มียอดจำหน่ายประมาณ 2.2 ล้านก้อน โดยมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 70 บาทต่อชิ้น ขึ้นอยู่กับไส้ และปีนี้มีการออกรสชาติใหม่เพิ่มมาอีก 3 รสชาติ และยังมีการจัดเป็ฯชุด “ขนมไหว้พระจันทร์ทานคู่กับน้ำชา” เพื่อเป็นทางเลือกใหม่รวมทั้งยังมีแพคเกจที่สดใส สวยงาม ให้เลือกอีกด้วย และเมื่อซื้อครบ 4 กล่อง รับฟรีอีก 1 กล่อง
ทั้งนี้ช่องทางการจำหน่ายหลักของเอสแอนด์พีคือ ร้านอาหารเอสแอนด์พีรวมทั้งร้านในเครือทั้งหมดที่มีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งถือได้ว่าสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุดมากกว่าแบรนด์อื่นๆหลายเท่าตัวยิ่งนัก
**เชียงการีล่า
ส่วนอีกแบรนด์ที่ติดตลาดและทำมานานแล้วคือ ขนมไหว้พระจันทร์เชียงการีลาของกลุ่มภัตตาคารเชียงการีล่า จนผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักกันดีในท้องตลาดและผู้บริโภคที่ชื่นชอบขนมชนิดนี้
ทั้งนี้ในปีนี้เชียงการีล่ามีการผลิตและวางตลาดจำนวน 9 ไส้เช่น ไส้ทุเรียนหมอนทอง ไส้ลูกบัว ไส้โหงวยิ้ง เป็นต้น โดยวางจำหน่ายในร้านอาหารในกลุ่มเชียงการีล่าทั้งหมด
เชียงการีล่ามุ่งเน้น 2 ประเด็นหลักในปีนี้คือ 1.เรื่องของบรรจุภัณฑ์ ที่จะมีการปรับใหม่ให้ดูสดใสและทันสมัยมากขึ้น แบ่งเป็น 2 ลายคือ ชุด 4 ชิ้นต่อกล่อง ชื่อ “มั่งคั่งยั่งยืน” เป็นลายกำแพงเมืองจีน และชุด 2 ชิ้นต่อกล่องชื่อว่า “สุขสำราญ” เป็นภาพเด็กๆวิ่งเล่นในสนามเด็กเล่น
โดยปีนี้เชียงการีล่าตั้งเป้ายอดขายขนมไหว้พระจันทร์เติบโตขึ้นประมาณ 10% จากปีที่แล้ว
**ยูเอฟเอ็มผนึกแอมเวย์
กลุ่มธุรกิจขายตรงอย่างเช่น บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็ยังคงเป็นค่ายขายตรงที่ทำตลาดขนมไหว้พระจันทร์ต่อเนื่อง โดยจับมือกับพันธมิตรายเดิมคือ ยูเอฟเอ็ม ผู้ผลิตเบเกอรี่รายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ผลิต และทางแอมเวย์เป็นผู้จำหน่ายผ่านช่องทางขายตรง ซึ่งปีนี้ออกมา 2 แพคเกจคือ กล่องสีแดง ราคา 289 บาท (หากเป็นสมาชิกราคา 241 บาท) ซึ่งจะมี 4 ชิ้นคือ ไส้ลูกบัวชาเขียว งาดำ โหงวยิ้งและแมคคาเดเมียถั่วแดง อย่างละ 1 ชิ้น ส่วนอีกแบบคือ กล่องสีทอง ประกอบด้วย ไส้ทุเรียนหมอนทองและทุเรียนหมอนทองไข่เดี่ยวอย่างละ 2 ชิ้น ราคา 292 บาท (หากเป็นสมาชิกราคา 243 บาท) เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม – 29 กันยายนศกนี้ ซึ่งปัจจุบันแอมแวย์มีนักธุรกิจหรือนักขายที่ทำธุรกิจอย่างจริงจังและต่ออายุสมาชิกต่อเนื่องทุกปี 300,000 รหัส มีสมาชิกที่สมัครเพื่อใช้สินค้า 440,000 รหัสทั่วประเทศ
ทางด้านสตาร์บัคส์ ร้านกาแฟเชนใหญ่ในไทย ออก 2 รสชาติใหม่คือ ไส้ชาเขียวผสมถั่วแดงและไส้แปดเซียน พร้อมกับการกลับมาของรสชาติไส้กาแฟเอสเพรสโซ่ โรสท์ และไส้หมอนทอง โดยโปรโมชั่น จัดแพคเกจ 1 กล่อง มี 4 รสชาติ ราคา 250 บาท และเมื่อซื้อ 2 ชิ้น จะได้รับถุงของขวัญ