xs
xsm
sm
md
lg

“มัชฌิมา”ผนึก“รวมใจไทย”อ้าแขนรับ“ประชาราช-สมานฉันท์”เข้าร่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“มัชฌิมา” ประกาศจับมือ “รวมใจไทย” ตั้งพรรคการเมือง ให้เวลา “ประดิษฐ์” 1 สัปดาห์ จัดการรายละเอียด พร้อมเปิดประตูรอกลุ่มอื่นๆ มาร่วมอีก ด้าน “ประชาราช” แบะท่าพร้อมเข้าร่วม ขณะที่ ทรท.เย้ย แค่พรรคเฉพาะกิจ “เสธ.หนั่น” ยันสู้ในนามพรรคมหาชน แนะทุกฝ่ายช่วย กกต.จับตาเลือกตั้ง เพราะกลุ่มอำนาจเก่ามีโอกาสกลับไปรวมตัวกันอีก ด้าน “อภิสิทธิ์” แบไต๋จับขั้วหลังเลือกตั้ง อาจเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมเพราะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่ต้องยึดวาระประชาชนเป็นตัวตั้ง

วานนี้ ( 20 ส.ค.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา แถลงว่า จากผลการลงประชามติ ทำให้เห็นว่า ในอนาคตอาจจะมีการเมือง 2 ขั้ว คือ กลุ่มอำนาจเก่า และกลุ่มอำนาจใหม่ โดยกลุ่มมัชฌิมา จะอยู่ตรงกลาง จึงได้ประสานพูดคุยกับกลุ่มการเมืองอื่นๆ ซึ่งในเบื้องต้นจากการหารือกับกลุ่มรวมใจไทย ได้ข้อสรุปว่า จะทำงานการเมืองร่วมกับมัชฌิมา เพื่อจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง และได้มอบให้นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ดำเนินการในรายละเอียด รวมทั้งประสานกับกลุ่มการเมืองอื่นๆ ด้วย ซึ่งอาจจะมีกลุ่มของ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ กลุ่มสมานฉันท์ และพรรคประชาราช แต่ไม่ได้หวังว่า ทั้งหมดต้องมารวมกัน เพียงแต่พูดคุยถึงแนวโน้มการมารวมกัน

“ส่วนจะจดทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อไร ยังไม่มีความชัดเจน เพราะวันนี้ มีข้อมูลใหม่ จึงต้องพูดคุยกันให้กลุ่มรวมใจไทยหาข้อสรุปที่ดีที่สุด ทั้งนี้ ไม่ได้คิดว่าจะมีอดีต ส.ส.ไหลเข้า หรือไหลออกจากกลุ่ม เพราะที่ผ่านมา อดีต ส.ส.มักสอบตกมากกว่าร้อยละ 40 โดยเฉพาะครั้งนี้ มีการเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งจากเขตเดียวเบอร์เดียว มาเป็นรวมเขตเรียงเบอร์ จะยิ่งทำให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น อย่าชะล่าใจว่า คนเก่าจะได้เป็น ส.ส.ทั้งหมด”นายสมศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นายศุภชัย พานิชภักดิ์ หรือ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ จะมาเป็นหัวหน้าพรรคมัชฌิมา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุย จึงยังไม่มีความชัดเจน ส่วนที่นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ แกนนำกลุ่มรวมใจไทย ระบุว่า คนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรครวมใจไทย คือ นายอุทัย พิมพ์ใจชน ก็ยังไม่ได้พูดถึงเช่นกัน

“แม้ว่าจะยังไม่ได้ตัวหัวหน้าพรรค แต่ก็ไม่กังวล ส่วนเรื่องชื่อพรรคจะยังเป็นมัชฌิมาธิปไตยหรือไม่ ก็ยังไม่มีความชัดเจนเช่นกัน เพราะหลังจากที่ประสานกับกลุ่มรวมใจไทยแล้ว ปล่อยให้เป็นลักษณะของฟรีโหวตไปก่อน เป็นเรื่องที่ต้องหารือกันต่อไป เพราะการบริหารงานของกลุ่มมัชฌิมา จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ไม่ได้ยึดติดกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จึงให้เวลา 1 สัปดาห์ กับ นายประดิษฐ์ ที่จะมาหารือกันถึงเรื่องชื่อพรรค และตัวหัวหน้าพรรค”นายสมศักดิ์ กล่าว

“ประชาราช”แบะท่าจับมือการเมือง

นายบุญถึง ผลพานิชย์ รองหัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ระบุว่า พรรคประชาราชจะไปรวมกับกลุ่มมัชฌิมา กลุ่มรวมใจไทย และกลุ่มสมานฉันท์ทางการเมือง เนื่องจากก่อนหน้านี้แกนนำของแต่ละกลุ่ม อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ทุกคนได้มาคุยกันหลายครั้ง ถึงสถานการณ์ทางการเมือง อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกกลุ่มการเมืองมีนโยบายที่ตรงกัน คือ ทำเพื่อประชาชน ซึ่งนายเสนาะก็เห็นว่า หากเรื่องใดที่ทำเพื่อชาติ ก็พร้อม

เมื่อถามว่า จะมีความชัดเจนในการจับมือกับกลุ่มการเมืองอื่นเมื่อไร นายบุญถึง กล่าวว่า ขอเวลาอีก 2-3 วัน เชื่อว่าจะได้ข้อสรุป

ทรท.เย้ยแค่พรรคเฉพาะกิจ

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ประธานคณะกรรมการบริหารกลุ่มไทยรักไทย กล่าวกรณีที่ 3 กลุ่มการเมือง กับ พรรคประชาราช จะมารวมกันเพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ว่า เป็นการรวมกันเฉพาะกิจ ถึงแม้ว่าจะรวมตัวกันเพื่อสู้กับเรา จัดตั้งรัฐบาล แต่ของจริงอยู่ที่ตัวเลขจำนวนส.ส.ในการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ขออวยพรให้โชคดี เมื่อจัดตั้งพรรคใหม่ถ้ามีโอกาสเป็นรัฐบาลก็อย่าให้แตกกัน แม้จะพยายามเขี่ยเราก็ตาม

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง แกนนำกลุ่มไทยรักไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้วเพราะทรัพยากรบุคคลของแต่ละกลุ่มกระจัดกระจายอยู่ ดังนั้นจะต้องรวมกันเพื่อให้เกิดพลังเพื่อต่อสู้กับกลุ่มไทยรักไทย ทั้งนี้ถ้าเป็นการรวมตัวกันโดยธรรมชาติก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากมีฝ่ายทหารชักใยอยู่เบื้องหลัง หรือได้รับบัญชาการจากทหารเพื่อโค่นไทยรักไทยแล้ว จะเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ และคงไม่สร้างความสมานฉันท์ให้กับสังคมไทย

ด้าน นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ประธานที่ปรึกษากลุ่ม กรุงเทพ 50 กล่าวถึงกรณีกลุ่มมัชฌิมา ประกาศรวมกับกลุ่มรวมใจไทย ว่า ก็เป็นเรื่องที่ตนคาดการไว้อยู่แล้ว แต่ในส่วนของกลุ่มกรุงเทพ 50 คงต้องมีการหารือกันก่อนจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ตนคิดว่าการรวมกันก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เป็นทางเลือกที่สาม อีกทั้งการรวมกันของสองกลุ่มนี้ ตนมั่นใจว่าจะไปได้ดี เนื่องจากรวมใจไทย ก็มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อยู่เบื้องหลัง แล้วมาร่วมกับกลุ่มมัชฌิมา ที่มีอดีตส.ส. เชื่อว่าจะไปได้ดี ทั้งนี้ในส่วนกลุ่มกรุงเทพ 50 ถ้าจะมีการวมกันจริงๆ คงต้องหารือกันอีกเยอะทั้งเรื่อง นโยบาย ส่วนตัวเห็นว่า การรวมตัวกันเป็นเรื่องที่ดีถ้ามีเป้าหมายเพื่อช่วยกันทำงานแก้ไขปัญหาให้ประเทศ แต่คงไม่ใช่การร่วมตัวเพื่อสร้างขั้วการเมืองใหม่

นายเฉลิมชัย อุฬารกูล อดีต ส.ส.สกลนคร แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ กล่าวว่า กลุ่มบ้านริมน้ำที่มีสมาชิกทั้งหมด 14 คน รวมถึงกลุ่มภาคกลาง ของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ที่มีสมาชิกประมาณ 10 คน นั้น ยืนยันว่าไปไหนก็จะไปด้วยกัน โดยทั้ง 2 กลุ่ม จะนัดหารือเพื่อประเมินสถานการณ์การเมืองหลัง และจากนั้นอีก 1-2 วัน สมาชิกที่เป็นอดีตส.ส.พรรคความหวังใหม่ จะเป็นตัวแทนเข้าไปหารือกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านปิ่นประภาคม เพื่อขอคำปรึกษา และสอบถามแนวทางการเมืองของ พล.อ.ชวลิต ว่าจะทำอย่างไรต่อไป โดยเราจะยึดแนวทางของท่านเป็นหลัก ซึ่งอาจจะตั้งพรรคการเมืองใหม่ หรือเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน พวกเราก็จะมาดูเหตุผล และความเป็นไปได้อีกครั้ง

แนะทุกฝ่ายช่วย กกต.จับตาเลือกตั้ง

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง หลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ในพื้นที่สีแดง ซึ่งเป็นส่วนของประชาชนที่โหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นพื้นที่อันตราย เพราะความนิยมในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรยังมีอยู่ ดังนั้น การดูแลการเลือกตั้ง จะพึ่ง กกต. อย่างเดียวไม่ได้ รัฐบาล และ คมช. ต้องร่วมกันดูแล ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ต้องเข้าถึงพื้นที่ ทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อป้องกันการใช้เงินในการซื้อเสียง

“ถ้าคุมได้ โอกาสที่จะมีผู้สมัครโดนใบแดง ก่อนการเลือกตั้งก็มีมาก แต่ถ้าคุมไม่ได้ พรรคไทยรักไทยเดิม หรือพรรคพลังประชาชน จะได้เข้ามาเป็นเสียงข้างมาก ที่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ทำให้พวกไทยรักไทยเก่า ที่แยกมา เช่น กลุ่มของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายพินิจ จารุสมบัติ กลุ่มมัชฌิมา ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะกลับไปรวมกันได้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาได้ อันตรายกับบ้านเมือง กับพวกยึดอำนาจ”พล.ต.สนั่น กล่าว

พล.ต.สนั่น ยังให้จับตาด้วยว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. จะตัดสินใจลงเล่นการเมืองหลังเกษียณอายุราชการในเดือนก.ย. นี้หรือไม่ และจะเอาเงินที่ไหนมาเป็นทุน ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า ถ้าพล.อ.สนธิ ลงเล่นการเมืองจริง ก็เจ๊ง และไม่ใช่เรื่องดี และขอยืนยันว่า พรรคมหาชนพร้อมลงเลือกตั้ง จะไม่ยุบพรรค และกำลังดูว่า จะมีใครมาร่วมด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังพยายามรวบรวมผู้สมัครให้มากขึ้น แต่ติดอยู่ที่ตัวเลข 20-30 ล้านบาท ทำให้คนวิ่งไปกันหมด

“แต่พรรคก็ยังมีตัวผู้สมัครที่คิดว่ามีโอกาสจะได้รับการเลือกตั้งสูง ประมาณ 20 คน กระจายไปทั้งภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง เราพร้อมเป็นพรรคขนาดเล็ก โดยจะเปิดตัวผู้สมัครในช่วงเดือน ก.ย.นี้ เชื่อว่า รัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะเป็นรัฐบาลผสม” พล.ต.สนั่น กล่าว

ส่วนที่มีการมองกันว่า หลังการเลือกตั้ง กลุ่มมัชฌิมา จะเป็นตัวแปรทางการเมือง พล.ต.สนั่น กล่าวว่า กลุ่มมัชฌิมาไม่มีความสำคัญ ที่ผ่านมาเขาก็คุยไปเรื่อย แต่ความจริงหลังการเลือกตั้ง เหลือแค่ 10 กว่าคน ก็เก่งแล้ว

ปชป.ยึดวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง ภายหลังสามารถจัดตั้งพรรคการเมืองได้ว่า คิดว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้คงเห็นพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น อาจจะคึกคักพอสมควร ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เราอยากจะให้มีทางเลือกมากขึ้น ส่วนพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่ จะจับมือกันโดยเป็นขั้วอำนาจเก่าหรือไม่ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น แต่พรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนชัดเจนคือ เราจะจับมือกับพรรคการเมืองอื่นๆ บนพื้นฐานของวาระประชาชน ถ้าสมมติว่าพรรคได้รับการเลือกตั้งมามากที่สุด เป็นแกนนำก็ต้องเคารพนโยบายของพรรค คือ เอาวาระประชาชนเป็นตัวตั้ง แต่ก็ต้องฟังนโยบายของคนอื่นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การจับมือจัดตั้งรัฐบาลจะถือพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จับหลายรอบแล้ว เพราะว่าทำงานด้วยกัน มีอะไรก็คงปรึกษาหารือกันอีก ไม่มีปัญหา เพราะว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาและรู้ใจกัน ส่วนกับพรรคการเมืองที่ตั้งใหม่ ก็ต้องดูแนวทางการทำงาน และจุดยืนทางการเมืองว่าเป็นอย่างไร ส่วนกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ออกมากล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นมะม่วงบ่มแก็สนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปล่อยนายสมัครไปเถอะ ตนทำการเมืองยุคนี้คิดว่าประชาชนเขาอยากฟังเรื่องอื่นมากกว่า นายสมัคร อยากพูดอะไรก็ตามสบาย ไม่เป็นอะไร และให้นายสมัคร สนใจเรื่องพวกนี้ไปเถอะ ตนสนใจเรื่องอื่นๆ มากกว่า

“เติ้ง”มั่นใจอดีต ส.ส.ไม่ย้ายสังกัด

นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ทางพรรคจะประชุมเพื่อวางแผนรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ ซึ่งผลการประชามติที่ออกมา ในภาคอีสาน และภาคเหนือ ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญมากนั้นจะมีถือว่าเป็นคะแนนนิยมกลุ่มอำนาจเก่าไม่ได้ เพราะไม่มีใครลงพื้นที่ไปแก้ข่าว ถ้ามีอีกฝ่ายลงไปแก้ข่าว คลี่คลายความเข้าใจของประชาชน เมื่อนั้นคะแนนก็จะเปลี่ยนไป

ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า จะเดินทางกลับประเทศ เพื่อต่อสู้คดี หลังมีการเลือกตั้ง เพราะมีประชาธิปไตยแล้ว จะมีผลต่อการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับคนมองว่า เมื่อไรถึงจะมีประชาธิปไตย แต่ตอนนี้จะมีการเลือกตั้งแล้ว ก็น่าจะเป็นประชาธิปไตย สมควรกลับมาสู้คดีได้แล้ว เมื่อถามว่า ไม่กลัวว่าจะเป็นคู่แข่งของพรรคชาติไทยหรือ นายบรรหาร กล่าวว่า พรรคชาติไทยไม่ใช่คู่แข่ง

“พรรคชาติไทยไม่ใช่คู่แข่ง เราไม่มีเงิน เราขอต่อสู้ในที่มั่นของเราดีกว่า โดยการหาเสียงในภาคอื่นๆ ยังดำเนินการไปตามปกติ แต่ภาคอีสาน เราต้องหาที่มั่นให้ได้มากที่สุด เวลานี้มีตัวบุคคลที่จะลงแล้ว ส่วนภาคเหนือ และ กทม.ก็มีบ้าง แต่ไม่มากนัก”นาย บรรหาร กล่าว และว่า อดีต ส.ส.ที่เหลือของพรรคคงไม่ถูกดูดแล้ว เพราะล้วนแต่เป็นแท่งเหล็ก และเลือดแท้ พวกนี้ดูดเท่าไรก็ไม่ไป แต่ไม่ขอบอกว่า ที่เรามีอยู่จำนวนเท่าไร

กกต.เตรียมรับจดแจ้งตั้งพรรค

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ที่ดูแลด้านกิจการพรรคการเมือง ได้พาคณะผู้สื่อข่าวไปดูสถานที่จัดไว้รองรับการขอจดทะเบียนของพรรคการเมือง โดยได้จัดเตรียมไว้แล้วที่บริเวณห้องประชุม ชั้น 22 และให้สัมภาษณ์ว่า เพื่อรองรับการที่ตัวแทนพรรคการเมือง เพราะเห็นว่ากลุ่มการเมืองต่างๆ ควรเร่งมาจดทะเบียนพรรคการเมืองภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อไม่ให้มีปัญหากับกฎหมายเลือกตั้ง ที่ได้กำหนดคุณสมบัติในเรื่อง ระยะเวลาการสังกัดพรรคการเมือง
 
เนื่องจาก กกต.จะต้องใช้เวลาอีก 30 วันในการพิจารณาคุณสมบัติของกลุ่มการเมืองเป็นรายบุคคล ว่าจะอนุญาตให้จดทะเบียนหรือไม่ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นยังไม่ได้รับการติดต่อจากกลุ่มการเมืองใดว่าจะมาขอจดทะเบียนตั้งพรรคการเมือง แต่มีรายงานว่า พรรครักชาติ และกลุ่มรวมใจไทยเท่านั้น ที่จะมาขอจดทะเบียนพรรคการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น