เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (15ส.ค.) พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลประกวดคำขวัญเรื่อง "คุณธรรมและจริยธรรมที่พึงประสงค์ของเด็กและเยาวชนไทย" ที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและส่งเสริมการสร้างคุณธรรม และจริยธรรมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีสมาชิก สนช.เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก อาทิ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช. น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ปานเทพ ภูวนาถนุรักษ์ และ คุณหญิงปรียา เกษมสันต์ ณ อยุธยา
พล.อ.เปรม กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า ว่า ตนมางานครั้งนี้ด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง และขอชมเชย สนช. ทุกคนที่จัดกิจกรรมที่ดีมีประโยชน์ต่อบ้านเมือง ทำให้เยาวชนได้รู้ถึงคุณธรรม จริยธรรม ทั้งนี้ คำขวัญที่เยาวชนส่งมาเป็นสิ่งที่น่าชมเชย แต่เห็นว่าจำนวนของคำขวัญมากถึง 300 คำขวัญนั้น ยังถือว่าค่อนข้างน้อย ซึ่งองค์กรต่างๆ น่าจะจัดกิจกรรมเช่นนี้ให้มากขึ้น แม้คำว่าคุณธรรม จริยธรรม จะเป็นนามธรรมที่ไม่สามารถจับต้องได้ แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยใจ และด้วยมโนธรรม สำหรับคุณธรรม จริยธรรม ของประเทศไทยนั้น ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมา ตนเห็นว่าจะสึกหรอไปมาก ดังนั้น ต้องช่วยกันแก้ไขให้สามารถใช้การได้ ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุด คือ พวกเราทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่ต้อง ยกย่องและประพฤติตัวให้เป็นตัวอย่าง ทางด้านคุณธรรม และจริยธรรม ซึ่งจะเกิด ประโยชน์สูงสุดต่อบ้านเมือง
"จะได้รู้ว่า ความถูกต้องชอบธรรมคืออะไร ความเป็นไทย ความเป็นธรรม คืออะไร ถ้าเราชี้ให้รู้เราจะได้คุณค่าทางจิตใจเป็นการเตือนให้รู้ว่า ถ้าเราขาดคุณธรรมจะเสียหายแก่ตนเอง แต่เสียหายไม่มากเท่าสังคมและชาติบ้านเมือง แต่ถ้าคนไทยมีคุณธรรม ชาติบ้านเมืองจะสงบสุข มีความสามัคคี" พล.อ.เปรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.เปรม เดินทางกลับ น.ต.ประสงค์ ได้รายงานความคืบหน้าการออก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ แก่ พล.อ.เปรม ซึ่งพล.อ.เปรมได้ สอบถามถึงกรอบระยะเวลาการดำเนินงานของสภาร่างรัฐธรรมนูญด้วย
จากนั้น ภายหลังการมอบรางวัลประกวดคำขวัญเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมที่พึงประสงค์ของเด็กและเยาวชนไทย พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์ถึงการทำให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ภาวะปกติหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ขณะนี้ยังไม่รู้ผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 19 ส.ค.ว่า จะออกมาอย่างไร ตราบใดที่ยังไม่ทราบว่าร่างรัฐธรรมนูญจะได้รับเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบจากประชาชน เมื่อยังไม่มีคำตอบในการทำประชามติ คงยังไม่มีปัจจัยพอที่จะพิจารณาว่าทิศทางของบ้านเมืองจะดำเนินไปในทางใด
พล.อ.เปรม กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า ว่า ตนมางานครั้งนี้ด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง และขอชมเชย สนช. ทุกคนที่จัดกิจกรรมที่ดีมีประโยชน์ต่อบ้านเมือง ทำให้เยาวชนได้รู้ถึงคุณธรรม จริยธรรม ทั้งนี้ คำขวัญที่เยาวชนส่งมาเป็นสิ่งที่น่าชมเชย แต่เห็นว่าจำนวนของคำขวัญมากถึง 300 คำขวัญนั้น ยังถือว่าค่อนข้างน้อย ซึ่งองค์กรต่างๆ น่าจะจัดกิจกรรมเช่นนี้ให้มากขึ้น แม้คำว่าคุณธรรม จริยธรรม จะเป็นนามธรรมที่ไม่สามารถจับต้องได้ แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยใจ และด้วยมโนธรรม สำหรับคุณธรรม จริยธรรม ของประเทศไทยนั้น ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมา ตนเห็นว่าจะสึกหรอไปมาก ดังนั้น ต้องช่วยกันแก้ไขให้สามารถใช้การได้ ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุด คือ พวกเราทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่ต้อง ยกย่องและประพฤติตัวให้เป็นตัวอย่าง ทางด้านคุณธรรม และจริยธรรม ซึ่งจะเกิด ประโยชน์สูงสุดต่อบ้านเมือง
"จะได้รู้ว่า ความถูกต้องชอบธรรมคืออะไร ความเป็นไทย ความเป็นธรรม คืออะไร ถ้าเราชี้ให้รู้เราจะได้คุณค่าทางจิตใจเป็นการเตือนให้รู้ว่า ถ้าเราขาดคุณธรรมจะเสียหายแก่ตนเอง แต่เสียหายไม่มากเท่าสังคมและชาติบ้านเมือง แต่ถ้าคนไทยมีคุณธรรม ชาติบ้านเมืองจะสงบสุข มีความสามัคคี" พล.อ.เปรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.เปรม เดินทางกลับ น.ต.ประสงค์ ได้รายงานความคืบหน้าการออก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ แก่ พล.อ.เปรม ซึ่งพล.อ.เปรมได้ สอบถามถึงกรอบระยะเวลาการดำเนินงานของสภาร่างรัฐธรรมนูญด้วย
จากนั้น ภายหลังการมอบรางวัลประกวดคำขวัญเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมที่พึงประสงค์ของเด็กและเยาวชนไทย พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์ถึงการทำให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ภาวะปกติหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ขณะนี้ยังไม่รู้ผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 19 ส.ค.ว่า จะออกมาอย่างไร ตราบใดที่ยังไม่ทราบว่าร่างรัฐธรรมนูญจะได้รับเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบจากประชาชน เมื่อยังไม่มีคำตอบในการทำประชามติ คงยังไม่มีปัจจัยพอที่จะพิจารณาว่าทิศทางของบ้านเมืองจะดำเนินไปในทางใด