วานนี้(15 ส.ค.)เวลา 08.30 น.ที่ห้องประชุมสำนักงานผบ.ตร.ชั้น 7 อาคาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ พล.ต.อ.-พล.ต.ท. (คณะกรรมการกลั่นกรอง)โดยมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.)เป็นผู้เสนอบัญชีรายชื่อให้คณะกรรมการกลั่นกรอง ซึ่งประกอบด้วย พล.ต.อ.อิสระพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พล.ต.อ.ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รองผบ.ตร.และ พล.ต.ท.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ โดยใช้เวลาประชุมร่วม 2 ชั่วโมงครึ่ง
จากนั้น เวลา 15.30 น.พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เดินทางเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมก.ตร.ครั้งนี้ มีการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายทั้งสิ้น 26 ตำแหน่ง โดยมีการเปลี่ยนแปลงจากที่คณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาหลายตำแหน่ง โดยตำแหน่งยศ พล.ต.อ. มีการพิจารณา 3 ตำแหน่งรองผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง และที่ปรึกษาสบ 10 อีก 1 ตำแหน่ง โดยได้พิจารณาเรียงตามลำดับความอาวุโส
อย่างไรก็ตามตำแหน่งระดับผู้บัญชาการ มีการสับเปลี่ยนหลายตำแหน่ง ให้เหมาะกับสถานการณ์ งานที่เกิดขึ้น หลายตำแหน่งก็เลื่อนขึ้น ให้การบริหารงานเต็มที่ เนื่องจากตำแหน่งที่สำคัญบางตำแหน่งในการแต่งตั้งที่ผ่านมา บางคนคุณสมบัติยังไม่ถึงไม่ครบ ไม่พร้อมเมื่อมาปีนี้ก็ได้แต่งตั้งให้เหมาะสม ส่วนกรณีการจะโอนรับ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย และ พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ กลับมาเป็นข้าราชการตำรวจนั้น เป็นเพียงข่าวลือ ไม่มีการเสนอในก.ตร. แต่อย่างใด
ส่วนตำแหน่งผบ.ตร.นั้นมีความชัดเจนตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้เสนอโปรดเกล้าฯ และมีพระบรมราชโองการ ลงมาแล้ว เพราะถ้าไม่สมบูรณ์ตนคงไม่เสนอแต่งตั้งทดแทน ซึ่งตำแหน่งผบ.ตร. จะมีผลสามารถทำงานได้ในวันที่ 1 ตุลาคม และจากนั้นตนคงจะทำงานเต็มที่และหนักขึ้น
ทั้งนี้ตำแหน่งที่ ก.ตร.อนุมัติ 26 ตำแหน่ง ดังนี้ ตำแหน่งระดับรอง ผบ.ตร.มีผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ขยับติดยศ พล.ต.อ.ขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร. ได้แก่ พล.ต.ท.ปรุง บุญผดุง นรต. 24 รุ่นเดียวกับ รรท.ผบ.ตร.อาวุโส อันดับ 1 พล.ต.ท.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ นิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ อาวุโสอันดับ 2 ส่วน พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต นรต.รุ่น 28 อาวุโสอันดับ 3 เป็นที่ปรึกษา(สบ10)
สำหรับตำแหน่ง ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้แก่ พล.ต.ท.กิตติธัช เรือนทิพย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ5)นรต. รุ่น 22 รุ่นเดียวกับ พล.ต. อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจ(สบ8) นรต. 28 พล.ต.ท.ชาตรี สุนทรศร ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ผบช.สทส.) นรต. 25 พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผบช. ภ.1 นิติศาสตร์ ม.รามคำแหง พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผบช.โรงเรียนนายร้อยตำรวจ นรต. 31
ขณะที่ ตำแหน่งระดับผู้บัญชาการ มีการเสนอแต่งตั้งโยกย้าย ดังนี้ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น.นรต. 23 ขยับเป็น ผบช.ก. โดยมี พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.ภ.2 เป็น ผบช.น.แทน โดยมี พล.ต.ท.เจตนากร นภีตะภัฎ ผบช.ภ.9 คู่เขย พล.อ.สุรยุทธ์ ประธานก.ตร.เป็นผบช.ภ. 2 แทน และให้ พล.ต.ต.ปัญญา เทียนศาสตร์ รองผบช.ภ.9 นรต. 24 ขึ้นเป็นผบชภ.9
พล.ต.ท.ชาตรี เพชรคำ จเรตำรวจเขตตรวจ 2(สบ 8) เป็นจเรตำรวจแทน พล.ต.ท.สถาพร ที่ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.,พล.ต.ต.ศิริชัย มีนะกนิษฐ รองผบช.ภ.8 นรต.26 ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ต.ธีระยุทธ กิตติวัฒน์ รอง ผบช.ภ.2 เป็นผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ต.ทวีพร นามเสถียร รอง ผบช.ภ 4 นรต. 27 ขึ้นเป็น ผบช.ประจำสง. ผบ.ตร., พล.ต.ต.วุฒิ ลิปตพัลลภ รองผบช.ภ.1 น้องชายนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ขึ้นเป็น ผบช.ปส., โดยโยกพล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์ อิทธิกุล ผบช.ปส. นรต. 29 เป็นผบช. สทส., พล.ต.ต.อมรินทร์ อัตรวงษ์ รอง ผบช.รร.นรต.ขึ้นเป็น ผบช.รร.นรต. พล.ต.ต.ธนูชัย นุกูลศิลา รองผบช.ภ.1 ขึ้นเป็นจเรตำรวจเขตตรวจ 2 (สบ.8)
พล.ต.ต.วสันต์ วัสสานนท์ รอง ผบช.ภ 6 นรต. 23 ขึ้นเป็น ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุมสมจิตร์ รอง ผบช.กมส. ขึ้นเป็น ผบช.กมส., พล.ต.ต.รชต เย็นทรวง รอง ผบช. ภ7 นรต. 30 ขึ้นเป็น ผบช. ภ.1, พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ชูกิจคุณ รอง ผบช. ภ.5 นรต. 24 ขึ้นเป็น ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. นรต. 35 บุตรเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ขึ้นเป็นผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายอำนวยการประจำสำนักงานผบ.ตร. ขณะที่ พล.ต.ต.เลี้ยง หุยประเสริฐ รองแพทย์ใหญ่(สบ7) ขึ้นเป็นแพทย์ใหญ่ (สบ8)
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ที่ประชุมก.ตร. มีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้น โดยมีการเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญๆ จากที่คณะกรรมการกลั่นกรองเสนอมขึ้นมาหลายตำแหน่ง อาทิ เดิม มีการเสนอชื่อ มี พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม นรต. 28 ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทำหน้าที่ประสานงานด้านยุทธศาสตร์ ไปเป็น ผบช.น แต่ในที่สุด ก.ตร.ก็เปลี่ยนให้ พล.ต.ท.อัศวิน มาแทน เช่นเดียวกับตำแหน่ง ผบช.ภ.9 ที่เดิมยังเป็น พล.ต.ท.เจตนากร แต่ในที่สุด ก.ตร.ก็เปลี่ยนให้ พล.ต.ท.เจตนากร ไปเป็นผบช.ภ 2 และให้ พล.ต.ต.ปัญญา ขึ้นเป็นผบช.ภ.9 แทน
จากนั้น เวลา 15.30 น.พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เดินทางเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมก.ตร.ครั้งนี้ มีการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายทั้งสิ้น 26 ตำแหน่ง โดยมีการเปลี่ยนแปลงจากที่คณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาหลายตำแหน่ง โดยตำแหน่งยศ พล.ต.อ. มีการพิจารณา 3 ตำแหน่งรองผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง และที่ปรึกษาสบ 10 อีก 1 ตำแหน่ง โดยได้พิจารณาเรียงตามลำดับความอาวุโส
อย่างไรก็ตามตำแหน่งระดับผู้บัญชาการ มีการสับเปลี่ยนหลายตำแหน่ง ให้เหมาะกับสถานการณ์ งานที่เกิดขึ้น หลายตำแหน่งก็เลื่อนขึ้น ให้การบริหารงานเต็มที่ เนื่องจากตำแหน่งที่สำคัญบางตำแหน่งในการแต่งตั้งที่ผ่านมา บางคนคุณสมบัติยังไม่ถึงไม่ครบ ไม่พร้อมเมื่อมาปีนี้ก็ได้แต่งตั้งให้เหมาะสม ส่วนกรณีการจะโอนรับ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย และ พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ กลับมาเป็นข้าราชการตำรวจนั้น เป็นเพียงข่าวลือ ไม่มีการเสนอในก.ตร. แต่อย่างใด
ส่วนตำแหน่งผบ.ตร.นั้นมีความชัดเจนตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้เสนอโปรดเกล้าฯ และมีพระบรมราชโองการ ลงมาแล้ว เพราะถ้าไม่สมบูรณ์ตนคงไม่เสนอแต่งตั้งทดแทน ซึ่งตำแหน่งผบ.ตร. จะมีผลสามารถทำงานได้ในวันที่ 1 ตุลาคม และจากนั้นตนคงจะทำงานเต็มที่และหนักขึ้น
ทั้งนี้ตำแหน่งที่ ก.ตร.อนุมัติ 26 ตำแหน่ง ดังนี้ ตำแหน่งระดับรอง ผบ.ตร.มีผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ขยับติดยศ พล.ต.อ.ขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร. ได้แก่ พล.ต.ท.ปรุง บุญผดุง นรต. 24 รุ่นเดียวกับ รรท.ผบ.ตร.อาวุโส อันดับ 1 พล.ต.ท.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ นิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ อาวุโสอันดับ 2 ส่วน พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต นรต.รุ่น 28 อาวุโสอันดับ 3 เป็นที่ปรึกษา(สบ10)
สำหรับตำแหน่ง ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้แก่ พล.ต.ท.กิตติธัช เรือนทิพย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ5)นรต. รุ่น 22 รุ่นเดียวกับ พล.ต. อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจ(สบ8) นรต. 28 พล.ต.ท.ชาตรี สุนทรศร ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ผบช.สทส.) นรต. 25 พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผบช. ภ.1 นิติศาสตร์ ม.รามคำแหง พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผบช.โรงเรียนนายร้อยตำรวจ นรต. 31
ขณะที่ ตำแหน่งระดับผู้บัญชาการ มีการเสนอแต่งตั้งโยกย้าย ดังนี้ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น.นรต. 23 ขยับเป็น ผบช.ก. โดยมี พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.ภ.2 เป็น ผบช.น.แทน โดยมี พล.ต.ท.เจตนากร นภีตะภัฎ ผบช.ภ.9 คู่เขย พล.อ.สุรยุทธ์ ประธานก.ตร.เป็นผบช.ภ. 2 แทน และให้ พล.ต.ต.ปัญญา เทียนศาสตร์ รองผบช.ภ.9 นรต. 24 ขึ้นเป็นผบชภ.9
พล.ต.ท.ชาตรี เพชรคำ จเรตำรวจเขตตรวจ 2(สบ 8) เป็นจเรตำรวจแทน พล.ต.ท.สถาพร ที่ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.,พล.ต.ต.ศิริชัย มีนะกนิษฐ รองผบช.ภ.8 นรต.26 ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ต.ธีระยุทธ กิตติวัฒน์ รอง ผบช.ภ.2 เป็นผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ต.ทวีพร นามเสถียร รอง ผบช.ภ 4 นรต. 27 ขึ้นเป็น ผบช.ประจำสง. ผบ.ตร., พล.ต.ต.วุฒิ ลิปตพัลลภ รองผบช.ภ.1 น้องชายนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ขึ้นเป็น ผบช.ปส., โดยโยกพล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์ อิทธิกุล ผบช.ปส. นรต. 29 เป็นผบช. สทส., พล.ต.ต.อมรินทร์ อัตรวงษ์ รอง ผบช.รร.นรต.ขึ้นเป็น ผบช.รร.นรต. พล.ต.ต.ธนูชัย นุกูลศิลา รองผบช.ภ.1 ขึ้นเป็นจเรตำรวจเขตตรวจ 2 (สบ.8)
พล.ต.ต.วสันต์ วัสสานนท์ รอง ผบช.ภ 6 นรต. 23 ขึ้นเป็น ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุมสมจิตร์ รอง ผบช.กมส. ขึ้นเป็น ผบช.กมส., พล.ต.ต.รชต เย็นทรวง รอง ผบช. ภ7 นรต. 30 ขึ้นเป็น ผบช. ภ.1, พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ชูกิจคุณ รอง ผบช. ภ.5 นรต. 24 ขึ้นเป็น ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. นรต. 35 บุตรเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ขึ้นเป็นผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายอำนวยการประจำสำนักงานผบ.ตร. ขณะที่ พล.ต.ต.เลี้ยง หุยประเสริฐ รองแพทย์ใหญ่(สบ7) ขึ้นเป็นแพทย์ใหญ่ (สบ8)
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ที่ประชุมก.ตร. มีการถกเถียงกันอย่างเข้มข้น โดยมีการเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญๆ จากที่คณะกรรมการกลั่นกรองเสนอมขึ้นมาหลายตำแหน่ง อาทิ เดิม มีการเสนอชื่อ มี พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม นรต. 28 ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทำหน้าที่ประสานงานด้านยุทธศาสตร์ ไปเป็น ผบช.น แต่ในที่สุด ก.ตร.ก็เปลี่ยนให้ พล.ต.ท.อัศวิน มาแทน เช่นเดียวกับตำแหน่ง ผบช.ภ.9 ที่เดิมยังเป็น พล.ต.ท.เจตนากร แต่ในที่สุด ก.ตร.ก็เปลี่ยนให้ พล.ต.ท.เจตนากร ไปเป็นผบช.ภ 2 และให้ พล.ต.ต.ปัญญา ขึ้นเป็นผบช.ภ.9 แทน