19 สิงหาคม 2550 วันลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550
ต้องถือว่าเป็นวันสำคัญของชาติไทยเลยทีเดียว เพราะเป็นครั้งแรกที่ประชาชนคนไทย จะมีส่วนร่วมตัดสินชะตาชีวิตของตนเอง ในการรับหรือไม่รับกฎหมายสูงสุดของประเทศเรา
สำคัญถึงขนาดคนไทยที่มีสิทธิออกเสียงกว่า 40 ล้านคน ต้องอย่านอนหลับทับสิทธิเป็นอันขาด เพราะพวกอำนาจเก่าทั้งนอกประเทศและในประเทศ ทุ่มเงินทองตั้งขบวนการ ทั้งปล่อยข่าวให้ร้ายป้ายสี ทั้งใช้เงินซื้อเสียงชาวบ้านในชนบทให้ลงมติไม่ผ่าน หรือใช้กลยุทธ์นอนหลับทับสิทธิ์ ด้วยการ “อยู่กับบ้านเฉยๆ ได้เงินฟรีๆ” เป็นต้น
ทั้งหมดกลุ่มอำนาจเก่าหวังเพียงคว่ำรัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 ให้ล้มครืนลงในวันลงประชามติ วันที่ 19 สิงหาคมนี้เท่านั้นครับ
พวกอำนาจเก่าทั้งหลายอ้างเพียงว่า รัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 เป็นรัฐธรรมนูญของเผด็จการทหาร ดังนั้น..อย่าไปสนใจว่า รัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 จะดีหรือไม่?
นับเป็นข้ออ้างเพื่อการต่อต้าน และล้มรัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 ที่อ่อนด้อยในเหตุผล กระทั่งบางคนบอกว่า..ไร้เหตุผลอย่างเหลือเชื่อ!
พวกอำนาจเก่าเฝ้าโพนทะนาว่า อย่าไปสนใจเนื้อหาข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่า มันจะเป็นประชาธิปไตยมากกว่า มันจะมีสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากกว่า มันจะมีการมีส่วนร่วมของประชาชนมากกว่า กระทั่งไม่ต้องสนใจว่า การตรวจสอบถอดถอนฝ่ายบริหารและอื่นๆ ประชาชนสามารถทำได้ด้วยการร่วมลงชื่อเพียง 20,000 คน จากเดิมต้องลงชื่อกันถึง 50,000 คน ฯลฯ
นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่บอกชัดว่า รัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 มีข้อดีมากกว่ารัฐธรรมนูญปี 2540
การที่พวกกลุ่มอำนาจเก่า อ้างว่า..รัฐธรรมนูญที่ร่างในห้วงเผด็จการทหาร ต้องไม่เอาทั้งดุ้นถือเป็นการ “ติเรือทั้งโกลน”
การควรรับร่างหรือไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญ ควรพิจารณาว่า รัฐธรรมนูญใดให้ความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นหรือน้อยลง ควรเปรียบเทียบเนื้อหาและข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญว่า ประเทศชาติและประชาชน ได้ประโยชน์มากกว่าหรือเสียหายมากกว่ากับรัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 เมื่อเทียบกับรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปี 2540
นั่นต่างหากที่บอกว่า...เผด็จการทหารหรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ใคร..ให้รัฐธรรมนูญหรือสิ่งที่ดีกับประชาชนมากกว่ากัน
ดังนั้นการควรรับหรือไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 มิใช่บอกว่า..รัฐธรรมนูญนี้ร่างในยุคเผด็จการทหาร หรือร่างในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญจะคลอดในยุคใด ไม่สำคัญเท่ากับรัฐธรรมนูญฉบับนั้น จะต้องมีเนื้อหาข้อกฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ก็มีห้วงหนึ่งของชีวิตที่เข้าร่วมทำงานกับเผด็จการทหารอย่างจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่ดร.ป๋วยในฐานะผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ได้ทำงานอย่างเต็มที่และสร้างงาน เพื่อประเทศชาติและประชาชนได้ไม่น้อยในยุคเผด็จการ จนนักวิชาการและประชาชนคนไทยยกย่องนับถือ ดร.ป๋วยตราบทุกวันนี้
ผมไม่เห็นมีใครประณามดร.ป๋วยว่า เป็นคนไม่ดี ในข้อหาดันทะลึ่งไปร่วมทำงานกับเผด็จการทหารเลย เพราะพวกเรามองงานและผลของงานที่ดร.ป๋วยทำ แทนที่จะนั่งมองว่า ดร.ป๋วยทำงานกับรัฐบาลเลือกตั้งหรือเผด็จการทหารจริงไหม?
ดังนั้นคนที่ร่วมกระทำกรรมชั่วกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เลวมากกว่าหรือไม่? เพราะประชาชนไม่ได้ลงคะแนนให้มาทำชั่วแน่นอน
อย่างไรก็ตาม..ต้องขอบอกไว้ ณ ที่นี้ให้แจ่มแจ้งว่า ผมและอีกมากมายหลายคนไม่เห็นด้วย และไม่เคยเห็นด้วยกับการที่ทหารก่อการรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ
แต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยการซื้อและโกงเสียงจากประชาชนในชนบท แล้วเอาจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้เงินซื้อ ส.ว.และส.ส.จำนวนไม่น้อย จนทำให้รัฐบาลกลายเป็นผู้กุมอำนาจรัฐสภาแบบเบ็ดเสร็จ เป็นเผด็จการในคราบประชาธิปไตย เที่ยวคอร์รัปชันโกงกินอย่างเหิมเกริม โดยไม่สนใจไยดี ว่าประชาชนและบ้านเมืองจะเสียหายสักปานใด
แค่นี้ก็มีเหตุผลมากมายแล้ว ที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องแก้ไขจุดอ่อน จากรัฐธรรมนูญปี 2540
เท่านั้นไม่พอ การใช้เงินแอบซื้อองค์กรอิสระ ทำให้การตรวจสอบฝ่ายบริหารตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เป็นง่อยหมดค่าไร้ความหมาย องค์กรอิสระกลายเป็นแค่ขี้ข้าของน้ำเงิน ของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อย่างนั้นหรือเรียกว่าประชาธิปไตย แล้วประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือควรยกย่อง?
รัฐบาลสุรยุทธ์และ คมช.อย่างพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ต่างหาก ที่โดนผู้คนตำหนิติฉินอยู่ทุกวันนี้ ว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นเผด็จการทหาร แต่ดันทำตัวเป็นประชาธิปไตยมากกว่ารัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เสียอีก
สำหรับรัฐธรรมนูญแล้ว ประชาชนสนใจเพียงว่า..รัฐธรรมนูญปี 2550 กับ ปี 2540 รัฐธรรมนูญฉบับไหนให้ประโยชน์ต่อชาติและประชาชนมากกว่ากัน?
แต่พวกกลุ่มอำนาจเก่าบอกเสมอว่า ไม่ต้องสนใจเนื้อหาที่ดีกว่าของรัฐธรรมนูญ เพียงเพราะพวกเขามีมติเอกฉันท์ ไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 นี้ เด็ดขาด
กลุ่มอำนาจเก่าไม่เอาไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 นั้น ไม่เป็นไร..เป็นสิทธิของพวกเขาครับ
แต่การที่กลุ่มอำนาจเก่า ใช้อุบายกับปฏิบัติการชั่วร้าย เที่ยวโกหกหลอกลวง บิดเบือน ปล่อยข่าวป้ายสี ใช้เงินทองซื้อเสียง กระทั่งใช้เงินให้ชาวบ้านนอนหลับทับสิทธิอย่างขนานใหญ่ นั่นมิใช่เรื่องของเขาเท่านั้นหรอกครับ เพราะเรื่องรัฐธรรมนูญนี่เป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง เป็นเรื่องของส่วนรวม จะปล่อยให้สมุนอำนาจเก่าทำซี้ซั้วชั่วร้ายข้างเดียวมิได้
น่าเสียดายที่ กกต. คมช. รัฐบาลสุรยุทธ์ ไม่ได้เรื่อง เลยปล่อยให้พวกกลุ่มอำนาจเก่า ดำเนินแผนการ “กูไม่เอา” รัฐธรรมนูญกระทำการรุกข้างเดียวอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการนำกฎหมายมาใช้อย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างบรรยากาศการลงมติรับหรือไม่รับ ให้เป็นไปอย่างยุติธรรม
19 สิงหาคม 2550 ผมจึงขอให้ประชาชนทุกคน ต้องช่วยกันออกมาใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติ รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550
ผมมิใช่คน “ติเรือทั้งโกลน” ผมถือหลักชาติและประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ผมจะเข้าคูหาลงคะแนนว่า...
รับ-รัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 แน่นอนครับ!
ต้องถือว่าเป็นวันสำคัญของชาติไทยเลยทีเดียว เพราะเป็นครั้งแรกที่ประชาชนคนไทย จะมีส่วนร่วมตัดสินชะตาชีวิตของตนเอง ในการรับหรือไม่รับกฎหมายสูงสุดของประเทศเรา
สำคัญถึงขนาดคนไทยที่มีสิทธิออกเสียงกว่า 40 ล้านคน ต้องอย่านอนหลับทับสิทธิเป็นอันขาด เพราะพวกอำนาจเก่าทั้งนอกประเทศและในประเทศ ทุ่มเงินทองตั้งขบวนการ ทั้งปล่อยข่าวให้ร้ายป้ายสี ทั้งใช้เงินซื้อเสียงชาวบ้านในชนบทให้ลงมติไม่ผ่าน หรือใช้กลยุทธ์นอนหลับทับสิทธิ์ ด้วยการ “อยู่กับบ้านเฉยๆ ได้เงินฟรีๆ” เป็นต้น
ทั้งหมดกลุ่มอำนาจเก่าหวังเพียงคว่ำรัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 ให้ล้มครืนลงในวันลงประชามติ วันที่ 19 สิงหาคมนี้เท่านั้นครับ
พวกอำนาจเก่าทั้งหลายอ้างเพียงว่า รัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 เป็นรัฐธรรมนูญของเผด็จการทหาร ดังนั้น..อย่าไปสนใจว่า รัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 จะดีหรือไม่?
นับเป็นข้ออ้างเพื่อการต่อต้าน และล้มรัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 ที่อ่อนด้อยในเหตุผล กระทั่งบางคนบอกว่า..ไร้เหตุผลอย่างเหลือเชื่อ!
พวกอำนาจเก่าเฝ้าโพนทะนาว่า อย่าไปสนใจเนื้อหาข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่า มันจะเป็นประชาธิปไตยมากกว่า มันจะมีสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากกว่า มันจะมีการมีส่วนร่วมของประชาชนมากกว่า กระทั่งไม่ต้องสนใจว่า การตรวจสอบถอดถอนฝ่ายบริหารและอื่นๆ ประชาชนสามารถทำได้ด้วยการร่วมลงชื่อเพียง 20,000 คน จากเดิมต้องลงชื่อกันถึง 50,000 คน ฯลฯ
นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่บอกชัดว่า รัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 มีข้อดีมากกว่ารัฐธรรมนูญปี 2540
การที่พวกกลุ่มอำนาจเก่า อ้างว่า..รัฐธรรมนูญที่ร่างในห้วงเผด็จการทหาร ต้องไม่เอาทั้งดุ้นถือเป็นการ “ติเรือทั้งโกลน”
การควรรับร่างหรือไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญ ควรพิจารณาว่า รัฐธรรมนูญใดให้ความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นหรือน้อยลง ควรเปรียบเทียบเนื้อหาและข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญว่า ประเทศชาติและประชาชน ได้ประโยชน์มากกว่าหรือเสียหายมากกว่ากับรัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 เมื่อเทียบกับรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปี 2540
นั่นต่างหากที่บอกว่า...เผด็จการทหารหรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ใคร..ให้รัฐธรรมนูญหรือสิ่งที่ดีกับประชาชนมากกว่ากัน
ดังนั้นการควรรับหรือไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 มิใช่บอกว่า..รัฐธรรมนูญนี้ร่างในยุคเผด็จการทหาร หรือร่างในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญจะคลอดในยุคใด ไม่สำคัญเท่ากับรัฐธรรมนูญฉบับนั้น จะต้องมีเนื้อหาข้อกฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ก็มีห้วงหนึ่งของชีวิตที่เข้าร่วมทำงานกับเผด็จการทหารอย่างจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่ดร.ป๋วยในฐานะผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ได้ทำงานอย่างเต็มที่และสร้างงาน เพื่อประเทศชาติและประชาชนได้ไม่น้อยในยุคเผด็จการ จนนักวิชาการและประชาชนคนไทยยกย่องนับถือ ดร.ป๋วยตราบทุกวันนี้
ผมไม่เห็นมีใครประณามดร.ป๋วยว่า เป็นคนไม่ดี ในข้อหาดันทะลึ่งไปร่วมทำงานกับเผด็จการทหารเลย เพราะพวกเรามองงานและผลของงานที่ดร.ป๋วยทำ แทนที่จะนั่งมองว่า ดร.ป๋วยทำงานกับรัฐบาลเลือกตั้งหรือเผด็จการทหารจริงไหม?
ดังนั้นคนที่ร่วมกระทำกรรมชั่วกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เลวมากกว่าหรือไม่? เพราะประชาชนไม่ได้ลงคะแนนให้มาทำชั่วแน่นอน
อย่างไรก็ตาม..ต้องขอบอกไว้ ณ ที่นี้ให้แจ่มแจ้งว่า ผมและอีกมากมายหลายคนไม่เห็นด้วย และไม่เคยเห็นด้วยกับการที่ทหารก่อการรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ
แต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยการซื้อและโกงเสียงจากประชาชนในชนบท แล้วเอาจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้เงินซื้อ ส.ว.และส.ส.จำนวนไม่น้อย จนทำให้รัฐบาลกลายเป็นผู้กุมอำนาจรัฐสภาแบบเบ็ดเสร็จ เป็นเผด็จการในคราบประชาธิปไตย เที่ยวคอร์รัปชันโกงกินอย่างเหิมเกริม โดยไม่สนใจไยดี ว่าประชาชนและบ้านเมืองจะเสียหายสักปานใด
แค่นี้ก็มีเหตุผลมากมายแล้ว ที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องแก้ไขจุดอ่อน จากรัฐธรรมนูญปี 2540
เท่านั้นไม่พอ การใช้เงินแอบซื้อองค์กรอิสระ ทำให้การตรวจสอบฝ่ายบริหารตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เป็นง่อยหมดค่าไร้ความหมาย องค์กรอิสระกลายเป็นแค่ขี้ข้าของน้ำเงิน ของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อย่างนั้นหรือเรียกว่าประชาธิปไตย แล้วประชาธิปไตยอย่างนั้นหรือควรยกย่อง?
รัฐบาลสุรยุทธ์และ คมช.อย่างพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ต่างหาก ที่โดนผู้คนตำหนิติฉินอยู่ทุกวันนี้ ว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นเผด็จการทหาร แต่ดันทำตัวเป็นประชาธิปไตยมากกว่ารัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เสียอีก
สำหรับรัฐธรรมนูญแล้ว ประชาชนสนใจเพียงว่า..รัฐธรรมนูญปี 2550 กับ ปี 2540 รัฐธรรมนูญฉบับไหนให้ประโยชน์ต่อชาติและประชาชนมากกว่ากัน?
แต่พวกกลุ่มอำนาจเก่าบอกเสมอว่า ไม่ต้องสนใจเนื้อหาที่ดีกว่าของรัฐธรรมนูญ เพียงเพราะพวกเขามีมติเอกฉันท์ ไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 นี้ เด็ดขาด
กลุ่มอำนาจเก่าไม่เอาไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 นั้น ไม่เป็นไร..เป็นสิทธิของพวกเขาครับ
แต่การที่กลุ่มอำนาจเก่า ใช้อุบายกับปฏิบัติการชั่วร้าย เที่ยวโกหกหลอกลวง บิดเบือน ปล่อยข่าวป้ายสี ใช้เงินทองซื้อเสียง กระทั่งใช้เงินให้ชาวบ้านนอนหลับทับสิทธิอย่างขนานใหญ่ นั่นมิใช่เรื่องของเขาเท่านั้นหรอกครับ เพราะเรื่องรัฐธรรมนูญนี่เป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง เป็นเรื่องของส่วนรวม จะปล่อยให้สมุนอำนาจเก่าทำซี้ซั้วชั่วร้ายข้างเดียวมิได้
น่าเสียดายที่ กกต. คมช. รัฐบาลสุรยุทธ์ ไม่ได้เรื่อง เลยปล่อยให้พวกกลุ่มอำนาจเก่า ดำเนินแผนการ “กูไม่เอา” รัฐธรรมนูญกระทำการรุกข้างเดียวอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการนำกฎหมายมาใช้อย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างบรรยากาศการลงมติรับหรือไม่รับ ให้เป็นไปอย่างยุติธรรม
19 สิงหาคม 2550 ผมจึงขอให้ประชาชนทุกคน ต้องช่วยกันออกมาใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติ รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550
ผมมิใช่คน “ติเรือทั้งโกลน” ผมถือหลักชาติและประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ผมจะเข้าคูหาลงคะแนนว่า...
รับ-รัฐธรรมนูญฉบับร่างปี 2550 แน่นอนครับ!