ผู้ค้าผลไม้ แนะภาครัฐเร่งระบายลองกองกระจายสู่ภาคต่างๆ ชี้ปีนี้ผลผลิตมาก ราคาต่ำสุดใน รอบ 10 ปี ชี้แนวทางดึง ศอ.บต.เป็นคนกลางระบายลองกองไม่ได้ผล ควรตั้งเป้าส่งออกตลาดต่างประเทศให้มากกว่านี้
นางบัวลอย พรอร่าม แม่ค้าผลไม้ลองกอง ร้านอ้วนลอย ตลาดสี่มุมเมือง กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณลองกองจากจังหวัดภาคใต้ได้ออกสู่ตลาดมากกว่าทุกปีที่ผ่านมาหลายหมื่นตัน ดังนั้น หากภาครัฐไม่เร่งระบายหลังจากนี้ไปเชื่อว่า จะเกิดปัญหาลองกองล้นตลาด และจะทำให้ฉุดราคาขายต่ำกว่าขณะนี้อย่างมาก ซึ่งในปีนี้ราคาลองกองถือเป็นราคาต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา หากเป็นเกรด เอ ราคารับซื้อจากเกษตรกรชาวสวนเฉลี่ยอยู่ที่ 30 บาท ต่อกิโลกรัม โดยขายส่งอยู่ที่ 33 บาท เกรดบี ราคารับซื้ออยู่ที่ 20 บาท ต่อกิโลกรัม ขายส่งอยู่ที่ 23 บาทต่อกิโลกรัม เกรดซี ราคารับซื้ออยู่ที่ 10 บาท ต่อกิโลกรัม ขายส่งอยู่ที่ 14 บาท ต่อกิโลกรัม หากเทียบกับราคาปีก่อน ๆ ลองกองจะเฉลี่ยอยู่ที่ 40-50 บาท ต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม เมื่อปริมาณลองกองออกสู่ตลาดมากเช่นนี้ ประกอบกับผู้บริโภคส่วนใหญ่จะหาซื้อลองกองรับประทานในปีนี้น้อยกว่าปีที่ผ่านมามาก ดังนั้น ภาครัฐจะต้องเร่งหามาตรการเร่งระบายลองกองออกสู่ตลาดทั่วประเทศเป็นการด่วน และรณรงค์ให้คนไทยหันมาบริโภคลองกองให้มากขึ้น ขณะเดียวกันไม่เห็นด้วยที่ภาครัฐจะดึงให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) มาเป็นพ่อค้าคนกลาง โดยให้ทำหน้าที่เป็นผู้ไปรวบรวมลองกองจากชาวสวน และนำมาปล่อยขายให้กับพ่อค้าคนกลาง อาจจะทำให้เกิดปัญหาระบบกลไกตลาดเสียหาย และกินหัวคิวเกิดขึ้นได้ เพราะผู้ค้ามีรูปแบบ และวิธีที่จะนำลองกองจากเกษตรกรชาวสวนดีอยู่แล้ว หากภาครัฐจะช่วยเหลือ น่าจะเป็นการเร่งระบาย โดยให้ ศอ.บต. นำลองกองมากระจายไปยังพื้นที่จัดงานวันผลไม้จะเหมาะสมกว่า และภาครัฐจะต้องไม่ทำให้ผู้ค้าเกิดปัญหาตามมา ที่ไม่สามารถแข่งขันแนวทางการเร่งระบาย แต่จะทำอย่างไร ไม่ให้ระบบกลไกตลาดเสียมากจนเกินไป
นายมงคล ผ่องชนะ พ่อค้าผลไม้ลองกองร้านธรรมนูญ ตลาดสี่มุมเมือง กล่าวว่า การจำหน่ายลองกองในปีนี้ถือว่าแย่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้การขายส่งเมื่อบวกลบออกมาแล้วลองกองบางเกรด ต้องจำยอมขายขาดทุน ไม่เช่นนั้นเกษตรกรชาวสวนที่อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องประสบปัญหามากขึ้น ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลเร่งระบายลองกองออกสู่ตลาดทั่วประเทศเป็นการเร่งด่วน และเห็นว่า การระบายการบริโภคภายในประเทศเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ น่าจะเร่งผลักดันการส่งออกลองกองไปตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น และเห็นว่าที่กำหนดว่าจะส่งออกลองกองปีนี้เพียง 5,000 ตัน ถือว่าน้อยเกินไป ขณะที่ปริมาณลองกองปีนี้มีมากถึงกว่า 80,000 ตัน น่าจะเพิ่มปริมาณลองกองส่งออกตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น เพราะหากเทียบกับผลไม้ลองกองในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซียและอินโดนีเซีย เห็นว่าลองกองของไทยมีรสชาติที่ดีกว่า และเท่าที่ได้มีการพูดคุยกับลูกค้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีน มีความสนใจลองกองของไทยมากกว่าประเทศอื่น ๆ อย่างมาก และไม่เห็นด้วยที่จะให้ ศอ.บต.มาทำหน้าที่พ่อค้าคนกลาง แต่น่าจะให้เป็นผู้ประสานงานเพื่อไม่ให้ระบบกลไกตลาดบิดเบือนไป
นางบัวลอย พรอร่าม แม่ค้าผลไม้ลองกอง ร้านอ้วนลอย ตลาดสี่มุมเมือง กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณลองกองจากจังหวัดภาคใต้ได้ออกสู่ตลาดมากกว่าทุกปีที่ผ่านมาหลายหมื่นตัน ดังนั้น หากภาครัฐไม่เร่งระบายหลังจากนี้ไปเชื่อว่า จะเกิดปัญหาลองกองล้นตลาด และจะทำให้ฉุดราคาขายต่ำกว่าขณะนี้อย่างมาก ซึ่งในปีนี้ราคาลองกองถือเป็นราคาต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา หากเป็นเกรด เอ ราคารับซื้อจากเกษตรกรชาวสวนเฉลี่ยอยู่ที่ 30 บาท ต่อกิโลกรัม โดยขายส่งอยู่ที่ 33 บาท เกรดบี ราคารับซื้ออยู่ที่ 20 บาท ต่อกิโลกรัม ขายส่งอยู่ที่ 23 บาทต่อกิโลกรัม เกรดซี ราคารับซื้ออยู่ที่ 10 บาท ต่อกิโลกรัม ขายส่งอยู่ที่ 14 บาท ต่อกิโลกรัม หากเทียบกับราคาปีก่อน ๆ ลองกองจะเฉลี่ยอยู่ที่ 40-50 บาท ต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม เมื่อปริมาณลองกองออกสู่ตลาดมากเช่นนี้ ประกอบกับผู้บริโภคส่วนใหญ่จะหาซื้อลองกองรับประทานในปีนี้น้อยกว่าปีที่ผ่านมามาก ดังนั้น ภาครัฐจะต้องเร่งหามาตรการเร่งระบายลองกองออกสู่ตลาดทั่วประเทศเป็นการด่วน และรณรงค์ให้คนไทยหันมาบริโภคลองกองให้มากขึ้น ขณะเดียวกันไม่เห็นด้วยที่ภาครัฐจะดึงให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) มาเป็นพ่อค้าคนกลาง โดยให้ทำหน้าที่เป็นผู้ไปรวบรวมลองกองจากชาวสวน และนำมาปล่อยขายให้กับพ่อค้าคนกลาง อาจจะทำให้เกิดปัญหาระบบกลไกตลาดเสียหาย และกินหัวคิวเกิดขึ้นได้ เพราะผู้ค้ามีรูปแบบ และวิธีที่จะนำลองกองจากเกษตรกรชาวสวนดีอยู่แล้ว หากภาครัฐจะช่วยเหลือ น่าจะเป็นการเร่งระบาย โดยให้ ศอ.บต. นำลองกองมากระจายไปยังพื้นที่จัดงานวันผลไม้จะเหมาะสมกว่า และภาครัฐจะต้องไม่ทำให้ผู้ค้าเกิดปัญหาตามมา ที่ไม่สามารถแข่งขันแนวทางการเร่งระบาย แต่จะทำอย่างไร ไม่ให้ระบบกลไกตลาดเสียมากจนเกินไป
นายมงคล ผ่องชนะ พ่อค้าผลไม้ลองกองร้านธรรมนูญ ตลาดสี่มุมเมือง กล่าวว่า การจำหน่ายลองกองในปีนี้ถือว่าแย่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้การขายส่งเมื่อบวกลบออกมาแล้วลองกองบางเกรด ต้องจำยอมขายขาดทุน ไม่เช่นนั้นเกษตรกรชาวสวนที่อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องประสบปัญหามากขึ้น ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลเร่งระบายลองกองออกสู่ตลาดทั่วประเทศเป็นการเร่งด่วน และเห็นว่า การระบายการบริโภคภายในประเทศเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ น่าจะเร่งผลักดันการส่งออกลองกองไปตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น และเห็นว่าที่กำหนดว่าจะส่งออกลองกองปีนี้เพียง 5,000 ตัน ถือว่าน้อยเกินไป ขณะที่ปริมาณลองกองปีนี้มีมากถึงกว่า 80,000 ตัน น่าจะเพิ่มปริมาณลองกองส่งออกตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น เพราะหากเทียบกับผลไม้ลองกองในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซียและอินโดนีเซีย เห็นว่าลองกองของไทยมีรสชาติที่ดีกว่า และเท่าที่ได้มีการพูดคุยกับลูกค้าในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีน มีความสนใจลองกองของไทยมากกว่าประเทศอื่น ๆ อย่างมาก และไม่เห็นด้วยที่จะให้ ศอ.บต.มาทำหน้าที่พ่อค้าคนกลาง แต่น่าจะให้เป็นผู้ประสานงานเพื่อไม่ให้ระบบกลไกตลาดบิดเบือนไป