xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 56 จากเด็กวัดสู่เด็กบ้าน (ตอน 2-จบ)

เผยแพร่:   โดย: เรืองวิทยาคม

พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ที่ได้รับการกำหนดตำแหน่งฐานานุกรมจะเป็นผู้เลือกพระสงฆ์บริษัทบริวารเพื่อแต่งตั้งให้เป็นฐานานุกรมได้เอง ดังนั้นพระครูพฤหัสซึ่งเป็นพระหมอดูจึงเป็นพระครูฐานานุกรมที่ได้รับแต่งตั้งจากพระสงฆ์ซึ่งทรงสมณศักดิ์สูงกว่า ไม่ใช่พระครูที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์แต่ประการใด

ผมได้ยินความเกี่ยวกับชื่อเสียงทางด้านหมอดูของพระครูพฤหัสแล้วก็มีความสนใจ ทั้งได้ทราบว่าทางบ้านของมนูญผลทุกคนก็มีความสนิทและเป็นอุปัฏฐากของพระครูพฤหัสอยู่ด้วย จึงตั้งใจว่าจะต้องมาทำความรู้จัก สอบถามภูมิรู้กับท่านพระครูสักครั้งหนึ่ง เพราะการได้เสวนาคบหากับพระหมอดูนั้นมีแต่ทางดี ไม่มีทางร้าย

เนื่องจากหากทรงวิชาความรู้วิชาหมอดูมากก็จะเป็นทางที่จะได้เล่าเรียนหาความรู้เพิ่มเติม อย่างน้อยที่สุดพระหมอดูนั้นมีผู้คนขึ้นหามาก อุดมไปด้วยอามิส ก็จะมีโอกาสได้รู้จักผู้คน บุกเบิกหนทางชีวิตให้กว้างขวางออกไปอีก

อย่าได้ดูถูกดูแคลนพระหมอดูเป็นอันขาด เพราะความเป็นพระนั้นเป็นที่ตั้งแห่งความนับถือศรัทธาของประชาชนเป็นเบื้องต้นอยู่แล้ว หากเก่งวิชาหมอดูด้วยแล้วก็จะยิ่งทำให้ผู้คนสนใจเลื่อมใสศรัทธา เพราะใครๆ ต่างก็ปรารถนาอยากจะรู้การข้างหน้าว่าเป็นประการใด บ้างก็มีความต้องการหาฤกษ์หามยามดีในการประกอบธุรกิจต่างๆ หรือแม้กระทั่งฤกษ์ผานาทีในการเข้าพบเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ หรือในการเข้าสอบหรือโยกย้ายตำแหน่งแหล่งที่ ดังนั้นพระหมอดูจึงมีลูกศิษย์ลูกหาบริษัทบริวารมาก และมักจะเป็นบริษัทบริวารที่มีอำนาจวาสนาหรือไม่ก็มีความมั่งคั่งในทางธุรกิจ

เหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสที่เปิดช่องให้กับคนเราทั้งสิ้น ซึ่งเดิมทีเมื่อครั้งที่สำนักอยู่วัดระฆังและไปช่วยหมอปานดูหมอที่สนามหลวง ผมก็หาได้เห็นโอกาสที่ว่านี้แต่ประการใดไม่ แต่ครั้นมาเห็นมาได้ยินกิตติศัพท์ของพระครูพฤหัสแล้ว สงสัยใคร่ครวญดูจึงได้รู้ได้เห็นว่าการได้เสวนากับพระหมอดูก็อาจเป็นโอกาสสำคัญของชีวิตได้

ผมได้เล็งไว้ว่ามาอยู่นิวาสสถานแห่งใหม่นี้คงไม่อดอยากเป็นแน่ เพราะหากคราวใดไร้ทรัพย์ก็พอจะขอข้าวพระกินได้ ดีร้ายก็จะได้ช่วยพระทำนายทายทักผู้คนตามวิชาซึ่งได้ศึกษามาแต่ก่อน หรือแม้ขัดสนเข้าจริงก็พอออกไปนั่งตามวงหมากฮอส หมากรุกในตลาด ก็อาจใช้วิชาหาพวกหาเพื่อนมาเลี้ยงดูได้ เล็งไว้อย่างนี้แล้วก็รู้สึกครึ้มใจเป็นอันมาก

ตรงปลายถนนศรีอยุธยานั้น ถ้าไม่ตรงเข้าไปวัดเทวราชกุญชรก็จะมีทางเลี้ยวขวาและตัดตรงไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณนั้นยังคงใสสะอาด ไม่แตกต่างจากความใสสะอาดของน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ท่าน้ำวัดระฆัง ตรงท่าน้ำนั้นไปทางด้านขวามือถัดไปก็จะเป็นท่าวาสุกรี ซึ่งขณะนั้นบริเวณด้านที่ติดกับถนนสามเสนยังอยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้างหอสมุดแห่งชาติแห่งใหม่แทนแห่งเดิมซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านทิศใต้ของวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์

วันไหนถ้ามีเวลาว่างผมก็ชอบไปนั่งที่ริมแม่น้ำที่ท่าวาสุกรี ดูเด็กๆ เล่นน้ำเพื่อรำลึกถึงความหลังเมื่อครั้งอยู่ที่บ้านเดิม ดูเด็กๆ และผู้คนเขางมกุ้งแม่น้ำซึ่งยังคงชุกชุม เช่นเดียวกับที่เคยเห็นเมื่อครั้งที่พำนักอยู่ที่วัดระฆัง ที่ท่าวาสุกรีในสมัยนั้นเป็นแหล่งชุมนุมของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่มีความเอร็ดอร่อยและมีชื่อเสียงมากเพราะมีรสชาติเฉพาะตัว มีกลิ่นหอม และใช้เนื้อวัวแท้ ผักก็ใช้ผักบุ้ง คนขายเป็นชาวอยุธยาเกือบทั้งหมด ใช้เรือจอดอยู่ที่ท่าน้ำท่าวาสุกรีนั้น ล้างถ้วยล้างชามก็ล้างกันในแม่น้ำเจ้าพระยา นั่นเอง ซึ่งไม่มีใครตั้งความรังเกียจ เพราะน้ำใสสะอาด ผิดกับที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้

ทุกวันผมจะออกจากบ้านขึ้นรถเมล์ทอดเดียวก็ไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยได้ และใช้เวลาเพียงไม่เกินครึ่งชั่วโมงเท่านั้น และแม้ว่าการย้ายนิวาสสถานใหม่ของผมจะทำให้ผมได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นจาก 300 บาท เป็น 700 บาท แต่ก็ไม่ค่อยพอใช้อยู่นั่นเอง ดังนั้นบางวันจึงต้องเดินกลับบ้าน แต่ก็เป็นผลดีอยู่หน่อยหนึ่งตรงที่ว่าได้ลองวิชาคือได้ทำจิตใจให้เป็นสมาธิ ตั้งความเพียรในการเดิน ภาวนาพระคาถาย่นระยะทางตามที่พระอาจารย์เคยสั่งสอนมา แต่จะได้ผลบ้างประการใดก็ไม่รู้ เพราะสามารถเดินกลับถึงบ้านได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยยากแต่อย่างใดเลย ในเดือนหนึ่งๆ ก็มีหลายครั้งที่ผมต้องเดินเท้ากลับบ้าน โดยเฉพาะช่วงเวลาปลายเดือน

เงินเดือน 700 บาทของผมนั้นได้แบ่งจ่ายเป็นการช่วยค่าอาหาร น้ำ ไฟ เสีย 300 บาท ดังนั้นจึงเหลือเงินที่ผมอาจจับจ่ายใช้สอยได้จริงเพียง 400 บาทเท่านั้น

ทุกเย็นวันศุกร์เมื่อมนูญผลกลับจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าแล้วก็รักที่จะชวนกันไปหาอะไรกินกันข้างนอก พอรุ่งเสาร์ อาทิตย์ ก็จะนัดสหายรักคือไสยวิทย์และศิริศักดิ์ไปเที่ยวเตร่เฮฮากันเหมือนอย่างเคย เว้นแต่ว่าเสาร์ อาทิตย์ใดมนูญผลติดเข้าเวรออกมาไม่ได้ ผมก็จะถือโอกาสนั้นไปเยี่ยมหมอปานบ้าง ไปเที่ยววัดระฆังบ้าง ไปเยี่ยมพวกสามตัวประหลาดบ้าง ไปแถววัดมหาธาตุ ย่านชมรมพระเครื่องบ้าง

ผลจากการแสวงหาความเพลิดเพลินในชีวิตมหาวิทยาลัยปีแรก ซึ่งก็เป็นไปดังที่บทเพลงสุนทราภรณ์บทหนึ่งได้พรรณนาไว้ในเพลงธรรมศาสตร์รักกันว่า “ก่อนนั้นสุขนัก เมื่อเราเป็นนักศึกษา ใช้วัยชีวาสำราญเริงร่าทุกวัน สำราญเริงร่าทุกวัน เริงร่าทุกวัน เริงร่าทุกวัน” ดังนั้นผลสอบปลายปีผมจึงสอบตกถึง 2 วิชา และถ้าหากสอบแก้ตัวในภาคฤดูร้อนไม่ได้ก็จะต้องเรียนซ้ำในคณะศิลปศาสตร์ต่อไปอีกปีหนึ่ง

ผมทราบผลการสอบขณะที่กลับไปบ้านนอกก็ตกใจ ได้บอกกล่าวให้พ่อรู้ ซึ่งสร้างความผิดหวังอย่างยิ่งให้กับผู้เป็นพ่อ คำพูดสั้นๆ ของพ่อในวันนั้นยังก้องอยู่ในหูถึงทุกวันนี้คือ “ถ้าสอบไม่ผ่านก็ต้องออก” เป็นคำขาดที่ไม่ให้โอกาสซ้ำสองอีกเลย ในขณะที่แม่นิ่งฟังด้วยอาการอันสงบ หลังจากพ่อพูดจบแล้วแม่ก็บอกว่าพยายามเอาใหม่ก็แล้วกัน ชีวิตของแม่ผ่านความผิดหวังมามากมายแล้ว เรื่องแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

ผมได้ยินคำพ่อก็รู้ซึ้งถึงความรู้สึกในห้วงลึกของหัวใจของผู้เป็นพ่อที่ตั้งความหวังไว้กับลูกชายคนโตมากมายนัก แต่เพราะคุ้นเคยกับความเข้มแข็งเด็ดขาดของพ่อจึงไม่รู้สึกเสียอกเสียใจกระไรนัก ซึ่งอาจจะแตกต่างกับลูกที่ถูกพ่อแม่เลี้ยงดูทะนุถนอมเอาอกเอาใจเหมือนไข่ในหิน พอได้ยินคำพูดไม่ถูกหูคำสองคำก็พาลเสียใจไปฆ่าตัวตาย คิดถึงตรงนี้แล้วก็รู้สึกว่าเกิดมามีพ่อแม่เด็ดขาดเข้มงวดนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะได้สร้างความเข้มแข็งแกร่งกล้าบ่มเพาะไว้กับใจลูกและติดตัวไว้จนวันตาย สามารถเป็นภูมิต้านทานในการครองชีวิตและในการเผชิญหน้ากับปัญหาที่ทุกชีวิตต้องประสบเป็นอย่างดี

แต่คำแม่นั้นสะเทือนใจนัก เพราะผมรู้ดีว่าชีวิตแม่เป็นชีวิตของหญิงนักสู้ที่ต่อสู้กับชีวิตและความผิดหวังนานัปการ แต่ด้วยความที่มีจิตใจแข็งแกร่งดังเหล็กไหล แม่จึงสามารถยืนหยัดเป็นหลักชัยให้กับลูกๆ ได้อย่างมั่นคง คำแม่จึงเป็นทั้งคำขวัญและเป็นธงชัยให้กับใจลูก

ผมบอกผลสอบกับพ่อแล้วก็ไปบอกให้ก๋งรู้ ในใจคิดว่าคงจะมีคำขาดเป็นอย่างเดียวกันกับคำพ่อ แต่กลับเป็นคนละเรื่อง ก๋งมีความรักเมตตาอาทรกับผมมาแต่อ้อนแต่ออก พอได้ยินความก็ยิ้มให้ แล้วบอกว่าเมื่อสอบตกวิชาไหนก็สอบกันใหม่ได้ ถึงซ้ำชั้นอีกปีหนึ่งก็ไม่เห็นเป็นไร จะได้มีวิชากล้ากว่าคนอื่น ข้อสำคัญอย่าใจเสียก็ใช้ได้แล้ว

ผมได้ยินคำก๋งในใจก็เหมือนแผ่นดินที่แห้งแล้งแล้วได้ฝนชะโลมให้ชุ่มฉ่ำ มีความชื่นใจและซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล แล้วบอกก๋งว่าผมจะไม่ทำให้ผิดหวัง

รุ่งอีกวันหนึ่งก็ไปเยี่ยมพระอาจารย์ หลังจากปรนนิบัติพระอาจารย์เหมือนอย่างเคยมาแต่ก่อนแล้วก็เล่าผลสอบให้ฟัง พระอาจารย์ได้ฟังก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่าดีเหมือนกันจะได้เป็นบทเรียนว่าผิดหวัง ผิดพลาดจากการสอบแล้วจะเป็นอย่างไร บทเรียนนี้จะเป็นบทเรียนที่มีค่าต่อไปในวันหน้า

แล้วพระอาจารย์ก็สอนว่าชีวิตคนต้องผจญกับความสมหวัง ความผิดหวังไม่สร่างสิ้น เมื่อเผชิญกับความสมหวังก็อย่าฮึกเหิมลำพอง เมื่อเผชิญกับความผิดหวังก็อย่าเสียใจจนใจเสีย ให้ตั้งความเพียรพยายามเอาชนะความผิดหวังให้ได้ ชีวิตก็จะก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง

ผมซึ้งใจในคำสอนของพระอาจารย์ ยกมือขึ้นพนมสาธุ และยังคงจำคำสอนของพระอาจารย์มาสอนลูกสอนหลานจนกระทั่งถึงทุกวันนี้.

โปรดติดตามตอนที่ 57 “มุ่งหน้าแสวงหาเพื่อนใหม่ ตอน 1” ในวันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม 2550
กำลังโหลดความคิดเห็น