พิษณุโลก - "ฟอร์ดพิษณุโลก"โวย บริษัทแม่ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ ผูกสัญญาทาส ขูดรีดสารพัดวิธี ไถเงินค่าซอฟต์แวร์-คีย์ข้อมูล-ฟันดอกเบี้ยแพงกว่าปกติ จนดีลเลอร์ทั่วประเทศกระอักกันถ้วนหน้าแต่พูดไม่ออก สุดท้ายตัดใจเลิกเป็นดีลเลอร์ ตั้งแต่ 9 ส.ค. แม้ทุ่มงบฯเปิดศูนย์มาตรฐาน 30 ล้านบาท จำหน่ายรถฟอร์ดทั่วเมืองสองแคว 4 พันคัน เตรียมปรับเป็นโชว์รูมรถมือสอง ก่อนรับขายค่ายอื่นแทน
นายวิเศษ วชิราศรีศิริกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทวชิรมอเตอร์เซลส์ ดีลเลอร์จำหน่ายรถยนต์ฟอร์ดพิษณุโลก และประธานหอการค้าจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า บริษัทได้บอกเลิกสัญญากับบริษัทฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ขอเป็นตัวแทนจำหน่ายเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2550 และจะมีผลอย่างเป็นทางการวันนี้( 9 ส.ค.)หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฟอร์ดในจังหวัดพิษณุโลกมานานกว่า10 ปี
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทสามารถจำหน่ายรถยนต์ฟอร์ดและอะไหล่ด้วยดีมาตลอด จนเป็นที่รู้จักของเมืองสองแคว สร้างฐานลูกค้ารถยนต์ฟอร์ดในพิษณุโลกไปแล้วถึง 4,000 ราย กระทั่งเมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) ได้ประชุมกับผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมประกาศว่า จะเป็นผู้นำตลาดรถยนต์เป็นลำดับ 3 ของประเทศ จึงให้ดีลเลอร์สร้างโชว์รูมมาตรฐานที่ฟอร์ดกำหนด ทำให้ค่าก่อสร้างสูงมากถึง 30 ล้านบาทไม่รวมค่าที่ดิน
นายวิเศษ กล่าวต่ออีกว่า ในการนี้วชิรมอเตอร์เซลส์ เป็นบริษัทแรกที่ทำสัญญาและก่อสร้างโชว์รูมมาตรฐานเป็นแห่งแรกของประเทศไทย โดยฟอร์ดจัดหาซอฟต์แวร์(ERA) มาให้ดีลเลอร์ คิดค่าใช้จ่ายต่อเครื่อง 1,500 บาทต่อเดือน และต้องจ่ายค่าคีย์ข้อมูลเข้าไปบริษัทแม่ของฟอร์ดอีกด้วย ซึ่งบริษัทตนมีเครื่องคอมพิวเตอร์ประมาณ 10 เครื่อง ทำให้แต่ละเดือนต้องมีค่าใช้จ่ายสูง เฉลี่ยเดือนละ 3-5 หมื่นบาท ทำให้หลายปีที่ผ่านมาต้องจ่ายให้ฟอร์ดนับล้านบาท ขณะที่ตัวแทนของบริษัทโตโยต้าไม่เก็บเงินแม้แต่บาทเดียว หากดีลเลอร์ใดไม่จ่ายให้ ก็จะถูกหักเงินกับค่าขายซึ่งไม่ถูกต้อง
"นับแต่ปี 2548 ดีลเลอร์ฟอร์ดมีแต่รายจ่าย ขณะที่ยอดมาร์เกตแชร์ฟอร์ดหดตัวลงจาก 7 % เหลือกว่า 3 % ของยอดขายรถยนต์ทั้งประเทศ"นายวิเศษกล่าวและว่า
ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นอีกเรื่องก็คือ บริษัทแม่กระทำต่อตัวแทนจำหน่ายฟอร์ดคือ ให้สั่งสต๊อกสินค้าหรือรถฟอร์ดล่วงหน้า 3 เดือน ขณะที่บริษัทค่ายรถดังๆ สั่งเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น และที่สำคัญบริษัทไฟแนนซ์ของฟอร์ด ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นคนช่วยเหลือในการจำหน่ายรถ แต่กลับขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าไฟแนนซ์และธนาคารปกติ เช่น ไฟแนนซ์อื่นๆ คิดดอกเบี้ย 3 % ไฟแนนซ์ของฟอร์ดคิดดอกเบี้ย 5 % เป็นต้น
ประธานหอการค้าพิษณุโลก เผยต่อว่า ระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ดีลเลอร์ฟอร์ด 70 แห่งทั่วประเทศ มักมีปัญหาเงินหมุนเวียนเพราะสต๊อกรถบ่อยครั้ง แต่การเป็นผู้แทนจำหน่ายก็ต้องทน ไม่สามารถอ้าปากได้ บางรายเพิ่งเปิดโชว์รูมใหม่ๆ ต้องยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดอย่างเลี่ยงไม่พ้น
"บริษัทแม่ของฟอร์ดไม่ได้มุ่งหวังจำหน่ายรถยนต์และบริการ กลับฟันกำไรจากดีลเลอร์ ตั้งระเบียบข้อบังคับให้ดีลเลอร์ปฏิบัติ ทั้งค่าซอฟต์แวร์รายเดือน ค่าคีย์ข้อมูล บริหารสต๊อกสินค้าที่ยาว 3 เดือน บีบใช้ไฟแนนซ์ดอกเบี้ยแพง หลายดีลเลอร์ฟอร์ดที่บอกเลิกสัญญาไปแล้ว เช่น แพร่ สุพรรณบุรี สมุทรปราการและในกรุงเทพมหานคร"
เขาบอกอีกว่า การเลิกสัญญาของบริษัทวชิรมอเตอร์เซลส์ จะมีผลอย่างเป็นทางการวันนี้ โดยล่าสุดมีสต๊อกสินค้ารถยนต์ถึง 12 ล้านบาท อะไหล่ 3 ล้านบาท เครื่องมืออุปกรณ์ 2 ล้านบาท ที่จะต้องเคลียร์กับบริษัทแม่ สิ่งที่กังวลใจ คือ ลูกค้าที่ใช้รถยนต์ฟอร์ดในพิษณุโลกเกิดขึ้นเพราะแรงเชียร์ของตนและเซลส์ของวชิรมอเตอร์เซลส์ ทำให้ตนไม่สามารถทิ้งไปอย่างสิ้นเชิงได้ จึงเสนอทำสัญญารับบริการแก่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ฟอร์ดต่อไปเป็นเวลา 3 ปี แต่บริษัทแม่ไม่ยอม คาดว่ากำลังมองหาดีลเลอร์รายใหม่ของพิษณุโลกรับผิดชอบแทน
"ตนไม่ได้เลิกกิจการ เพียงแต่บริษัทเลิกจำหน่ายรถยนต์ฟอร์ด ในทางธุรกิจยังคงดำเนินการอยู่ ต้องขอโทษคนพิษณุโลกด้วยที่ไม่สามารถทนต่อวิธีปฏิบัติของบริษัทข้ามชาติได้ ตนจะให้บริการหลังการขายเหมือนเดิม และปรับโชว์รูมเป็นขายรถมือสองไป อนาคตบริษัทวชิรมอเตอร์เซลส์ อาจจะเป็นดีลเลอร์ให้รถยนต์ค่ายใดค่ายหนึ่งก็ได้ หลังมีบริษัทรถยี่ห้อ TATA ของอินเดียจ่อคิวบุกตลาดเมืองไทยเร็วๆนี้ และค่ายฮุนไดของเกาหลี ที่ขอกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง"