ตำรวจยื่นศาลขอถอนประกัน 6 ผู้ต้องหาแกนนำ นปก. ภายหลังปรากฏตัวยังข้างเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง หลังได้รับปล่อยตัวชั่วคราว ระบุ ผิดเงื่อนไขศาลชัดเจน ด้านทนายยื่นค้าน ศาลให้โอกาสชี้แจงภายใน 3 วัน ก่อนสั่งถอนประกันหรือไม่
วานนี้ ( 7 ส.ค.) เวลา 14.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พล.ต.ต.จุตติ ธรรมโนวานิช รอง ผบช.น.ในฐานะพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมคณะได้เดินทางยื่นคำร้องขอถอนประกัน 6 ผู้ต้องหา แกนนำ นปก. ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และพ.อ. อภิวันท์ วิริยะวัน ผู้ต้องหาคดีที่ 1-5 และ 7 ในคดีดำหมายเลขที่ พ.1562 ระหว่างพนักงานสอบสวน สน.สามเสน และแกนนำ นปก.9 คนที่ตกเป็นผู้ต้องหา
คำร้องพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์ว่า ภายหลังศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว 6 แกนนำ นปก. เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามไม่ให้ผู้ต้องหาประพฤติตนในลักษณะเดียวกันกับคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวน อันนำไปสู่การกระทำผิดในทำนองเดียวกันอีก และห้ามให้สัมภาษณ์ลักษณะยั่วยุให้ประชาชนเข้าใจผิด และเกิดความแตกแยก มิเช่นนั้นจะถอนประกันผู้ต้องหา
แต่เย็นวันเดียวกัน (6 ส.ค.) แกนนำ นปก.ทั้ง 6 เดินทางไปยังสนามหลวงที่มีการจัดเวทีปราศรัย และได้ให้สัมภาษณ์ที่ด้านล่างเวที ขณะที่เวลานั้นได้มีการนำภาพแกนนำขึ้นฉายที่จอภาพบนเวที ดังนั้นการกระทำดังกล่าว จึงเป็นลักษณะการมีส่วนร่วมการชุมนุม อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งศาล โดยพนักงานสอบสวนนำหลักฐานที่หนังสือพิมพ์รายวันตีพิมพ์ข่าวแกนนำ นปก.ทั้ง 6 คน เดินทางไปยังเวทีปราศรัยท้องสนามหลวง ยื่นต่อศาลเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งถอนประกันต่อไป
ต่อมา เวลา 15.00 น. นายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความแกนนำ นปก.ได้ยื่นคำร้องขอใช้สิทธิคัดค้านคำร้องพนักงานสอบสวน และขอให้ศาลพิจารณาเลื่อนการไต่สวนออกไปก่อน ทั้งนี้ ตามคำร้อง ระบุว่า คดีนี้ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ถูกคุมขังทั้ง 9 และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ว่า การคุมขังผู้ต้องหาทั้ง 9 เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่า คาดว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์จะส่งมาในวันที่ 8 ส.ค.นี้ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 9 เชื่อว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งให้ปล่อยตัวต่อไป แต่เนื่องจากทราบว่า พนักงานสอบสวนได้มายื่นคำร้องขอถอนประกันต่อศาล
ผู้ต้องหาขอชี้แจงต่อศาลว่า การยื่นคำร้องขอถอนประกันเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และไม่สุจริต และไม่มีเหตุที่จะขอถอนประกัน เพราะผู้ต้องหาไม่ได้กระทำการฝ่าฝืนคำสั่งศาล หรือกระทำการอื่นใดที่จะจงใจขัดคำสั่งศาลทั้งสิ้น แต่เนื่องจากทนายความผู้ต้องหาเพิ่งทราบการยื่นคำร้องของพนักงานสอบสวน จึงไม่อาจนำพยานหลักฐาน เอกสาร พยานบุคคลมาเสนอต่อศาลได้ทัน ซึ่งหากศาลได้พิจารณาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานของผู้ถูกคุมขังแล้วเชื่อว่า ศาลจะให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ โดยจะมีคำสั่งยกคำร้องของพนักงานสอบสวนดังกล่าวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ศาลได้มีคำสั่งให้รับคำร้องทั้งสองไว้ และให้คัดถ่ายสำเนาคำร้องให้ผู้ต้องหาที่ 1-5 และ 7 โดยให้ผู้ต้องหาที่ 1-5 และ 7 ยื่นคำคัดค้านคำร้องพนักงานสอบสวนส่งศาลภายใน 3 วัน หากผู้ต้องหาที่ 1-5 และ 7 ไม่ยื่นคำคัดค้านตามกำหนดเวลาภายในวันที่ 9 ส.ค.นี้ ให้ถือว่าไม่ติดใจการยื่นคัดค้าน
ขณะที่ เย็นวันเดียวกัน ศาลอุทธรณ์ ยังได้มีคำสั่งในคดีที่พนักงานสอบสวน สน.สามเสน ผู้ร้อง และนายวีระศักดิ์ เหมะธุริน อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาที่ 5 ร่วมกับ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อายุ 37 ปี แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 , นายบรรธง สมคำ อายุ 32 ปี , ม.ล. วีระยุทธ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา อายุ 44 ปี , นายศราวุฒิ หลงเส็ง อายุ 25 ปี , และนายวันชัย นาพุทธา อายุ 39 ปี ผู้ชุมนุมกลุ่ม นปก. ผู้ต้องหาที่ 1-4 และ 6 ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกกระทำการดังกล่าวแล้วไม่เลิก และร่วมกันต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป กรณีร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเข้าสลายการชุมนุมที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของพล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายวีระศักดิ์ ได้ยื่นอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 2 ส.ค. คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้น ขอให้ศาลอุทธรณ์อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างสอบสวน โดยอ้างว่า ผู้ต้องหามีที่พักเป็นหลักแหล่ง มีบุตรเล็กต้องเลี้ยงดู 2 คน ประกอบกับภรรยาเป็นผู้พิการไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พร้อมนำสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาศึกษาของบุตร และสำเนาสมุดประจำตัวคนพิการของภรรยา แสดงต่อศาล ประกอบการยื่นหลักทรัพย์ของประกันตัวเป็นเงินสด 100,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายวีระศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 ระหว่างสอบสวน ทั้งนี้ หากผู้ต้องหาผิดสัญญาประกันให้ปรับ 200,000 บาท โดยวางข้อกำหนดห้ามไม่ให้ผู้ต้องหากระทำการใดๆ ในการชุมนุม ยั่วยุ หรือกระทำการใด ๆ ทำนองเดียวกัน และห้ามไม่ให้เข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งต้องไปรายงานตัวต่อศาลทุก 7 วันเพื่อสอบถามความประพฤติและการปฏิบัติตามข้อกำหนดข้างต้น หากฝ่าฝืนข้อกำหนด ศาลจะพิจารณาเพิกถอนคำสั่งประกันต่อไป
วานนี้ ( 7 ส.ค.) เวลา 14.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พล.ต.ต.จุตติ ธรรมโนวานิช รอง ผบช.น.ในฐานะพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมคณะได้เดินทางยื่นคำร้องขอถอนประกัน 6 ผู้ต้องหา แกนนำ นปก. ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และพ.อ. อภิวันท์ วิริยะวัน ผู้ต้องหาคดีที่ 1-5 และ 7 ในคดีดำหมายเลขที่ พ.1562 ระหว่างพนักงานสอบสวน สน.สามเสน และแกนนำ นปก.9 คนที่ตกเป็นผู้ต้องหา
คำร้องพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์ว่า ภายหลังศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว 6 แกนนำ นปก. เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามไม่ให้ผู้ต้องหาประพฤติตนในลักษณะเดียวกันกับคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวน อันนำไปสู่การกระทำผิดในทำนองเดียวกันอีก และห้ามให้สัมภาษณ์ลักษณะยั่วยุให้ประชาชนเข้าใจผิด และเกิดความแตกแยก มิเช่นนั้นจะถอนประกันผู้ต้องหา
แต่เย็นวันเดียวกัน (6 ส.ค.) แกนนำ นปก.ทั้ง 6 เดินทางไปยังสนามหลวงที่มีการจัดเวทีปราศรัย และได้ให้สัมภาษณ์ที่ด้านล่างเวที ขณะที่เวลานั้นได้มีการนำภาพแกนนำขึ้นฉายที่จอภาพบนเวที ดังนั้นการกระทำดังกล่าว จึงเป็นลักษณะการมีส่วนร่วมการชุมนุม อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งศาล โดยพนักงานสอบสวนนำหลักฐานที่หนังสือพิมพ์รายวันตีพิมพ์ข่าวแกนนำ นปก.ทั้ง 6 คน เดินทางไปยังเวทีปราศรัยท้องสนามหลวง ยื่นต่อศาลเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งถอนประกันต่อไป
ต่อมา เวลา 15.00 น. นายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความแกนนำ นปก.ได้ยื่นคำร้องขอใช้สิทธิคัดค้านคำร้องพนักงานสอบสวน และขอให้ศาลพิจารณาเลื่อนการไต่สวนออกไปก่อน ทั้งนี้ ตามคำร้อง ระบุว่า คดีนี้ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ถูกคุมขังทั้ง 9 และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ว่า การคุมขังผู้ต้องหาทั้ง 9 เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่า คาดว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์จะส่งมาในวันที่ 8 ส.ค.นี้ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 9 เชื่อว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งให้ปล่อยตัวต่อไป แต่เนื่องจากทราบว่า พนักงานสอบสวนได้มายื่นคำร้องขอถอนประกันต่อศาล
ผู้ต้องหาขอชี้แจงต่อศาลว่า การยื่นคำร้องขอถอนประกันเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และไม่สุจริต และไม่มีเหตุที่จะขอถอนประกัน เพราะผู้ต้องหาไม่ได้กระทำการฝ่าฝืนคำสั่งศาล หรือกระทำการอื่นใดที่จะจงใจขัดคำสั่งศาลทั้งสิ้น แต่เนื่องจากทนายความผู้ต้องหาเพิ่งทราบการยื่นคำร้องของพนักงานสอบสวน จึงไม่อาจนำพยานหลักฐาน เอกสาร พยานบุคคลมาเสนอต่อศาลได้ทัน ซึ่งหากศาลได้พิจารณาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานของผู้ถูกคุมขังแล้วเชื่อว่า ศาลจะให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ โดยจะมีคำสั่งยกคำร้องของพนักงานสอบสวนดังกล่าวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ศาลได้มีคำสั่งให้รับคำร้องทั้งสองไว้ และให้คัดถ่ายสำเนาคำร้องให้ผู้ต้องหาที่ 1-5 และ 7 โดยให้ผู้ต้องหาที่ 1-5 และ 7 ยื่นคำคัดค้านคำร้องพนักงานสอบสวนส่งศาลภายใน 3 วัน หากผู้ต้องหาที่ 1-5 และ 7 ไม่ยื่นคำคัดค้านตามกำหนดเวลาภายในวันที่ 9 ส.ค.นี้ ให้ถือว่าไม่ติดใจการยื่นคัดค้าน
ขณะที่ เย็นวันเดียวกัน ศาลอุทธรณ์ ยังได้มีคำสั่งในคดีที่พนักงานสอบสวน สน.สามเสน ผู้ร้อง และนายวีระศักดิ์ เหมะธุริน อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาที่ 5 ร่วมกับ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อายุ 37 ปี แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 , นายบรรธง สมคำ อายุ 32 ปี , ม.ล. วีระยุทธ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา อายุ 44 ปี , นายศราวุฒิ หลงเส็ง อายุ 25 ปี , และนายวันชัย นาพุทธา อายุ 39 ปี ผู้ชุมนุมกลุ่ม นปก. ผู้ต้องหาที่ 1-4 และ 6 ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกกระทำการดังกล่าวแล้วไม่เลิก และร่วมกันต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป กรณีร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเข้าสลายการชุมนุมที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของพล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายวีระศักดิ์ ได้ยื่นอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 2 ส.ค. คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้น ขอให้ศาลอุทธรณ์อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างสอบสวน โดยอ้างว่า ผู้ต้องหามีที่พักเป็นหลักแหล่ง มีบุตรเล็กต้องเลี้ยงดู 2 คน ประกอบกับภรรยาเป็นผู้พิการไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พร้อมนำสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาศึกษาของบุตร และสำเนาสมุดประจำตัวคนพิการของภรรยา แสดงต่อศาล ประกอบการยื่นหลักทรัพย์ของประกันตัวเป็นเงินสด 100,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายวีระศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 ระหว่างสอบสวน ทั้งนี้ หากผู้ต้องหาผิดสัญญาประกันให้ปรับ 200,000 บาท โดยวางข้อกำหนดห้ามไม่ให้ผู้ต้องหากระทำการใดๆ ในการชุมนุม ยั่วยุ หรือกระทำการใด ๆ ทำนองเดียวกัน และห้ามไม่ให้เข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งต้องไปรายงานตัวต่อศาลทุก 7 วันเพื่อสอบถามความประพฤติและการปฏิบัติตามข้อกำหนดข้างต้น หากฝ่าฝืนข้อกำหนด ศาลจะพิจารณาเพิกถอนคำสั่งประกันต่อไป