xs
xsm
sm
md
lg

“ความฝันอันสูงสุด”

เผยแพร่:   โดย: เชี่ยวชวนะ

.
สนามบินฮีตโทรว์ กรุงลอนดอน

เงินไทย 200,000 บาท แลกเป็นเงินปอนด์ได้ 2,902 ปอนด์ ผมยัดเงินปอนด์ที่เพิ่งแลกลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์ ก่อนจะเตือนตนเองว่า..มีเวลาอยู่ในลอนดอนแค่ 3 วันเท่านั้น!

ผมมองผ่านกระจกรถแท็กซี่สีดำ แลเห็นบนถนนที่คนไทยขนานนามว่า “เมืองผู้ดี” เต็มไปด้วยรถราและผู้คนเดินขวักไขว่

“แท็กซี่” พาผมมาส่งยังโรงแรมที่พัก ซึ่งจองผ่านทางอินเทอร์เน็ตจากเมืองไทยเมื่อสองวันก่อน ไม่มีปัญหา..ทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง

ห้องพักไม่กว้างเท่าใดนัก แต่ก็สบายสำหรับคนอย่างผม กระเป๋าเดินทางยี่ห้อโปโลสีเขียวเข้มใบไม่ใหญ่นักถูกเปิด แต่มิได้เปิดเพื่อจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ของโรงแรมหรอก เพราะผมเอาเสื้อยืดคอกลมมาแค่ 3 ตัว กางเกงยีนส์ 2 ตัว ส่วนเสื้อสูทสีดำนั้นใส่ติดตัวมาเลย

แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิตผมยามนี้ คือ ตลับยาหม่องเล็กๆ 1 ตลับ ปล้องไม้ไผ่ยาวฟุตครึ่ง 1 ปล้อง เข็มแหลมที่ด้านปลายมีตุ่มกลมๆ 6 เล่ม ขนอ่อนของเป็ด 24 อัน สิ่งสุดท้าย กาวตราช้าง 1 หลอดครับ

ทุกอย่างที่นำมาไม่มีอะไรแตกหักเสียหาย..สมบูรณ์ทุกประการ!!

แน่นอน..หลังตรวจของสำคัญทั้ง 5 อย่างแล้ว ความเหน็ดเหนื่อยจากการนั่งเครื่องบินนับ 10 ชั่วโมง ดวงตาและร่างกายย่อมต้องการพักผ่อน ซึ่งตรงกับความต้องการของผมยามนี้ เพราะ 2 วันจากนี้ไป ผมต้องถนอมดวงตา-ร่างกาย-ใจให้สมบูรณ์ที่สุด จึงไม่มีอะไรดีไปกว่า..นอน..นอน..นอนยาวตามตา-กาย-ใจต้องการไงล่ะครับ..

ผมตื่นอีกครั้งตอน14.2o น. นอนเต็มอิ่มนับ 8 ชั่วโมงแล้ว ผมลุกขึ้นเปิดไฟในห้องพัก จัดการใส่ถุงมือสีขาวบางเฉียบให้กับมือทั้งสองข้าง จัดการกับเข็มแหลมปลายมีหัวกลมๆ ทั้ง 6 อัน ด้วยการหยดกาวตราช้างลงบนหัวกลมๆ ของเข็ม บรรจงติดขนเป็ดอ่อนๆ ลงไปทีละอัน หัวเข็ม 1 หัวติดขนเป็ด 4 อันเป็นพู่ ทำจนเข็มและขนเป็ดหมดพร้อมกันพอดี

จากนั้นก็เปิดตลับยาหม่องอย่างระมัดระวัง เอาปลายเข็มทุกอันจุ่มน้ำเหนียวๆสีน้ำตาลเข้มในตลับยาหม่อง แล้วจึงเรียงเข็มเก็บกลับลงในกล่องหนังทีละอันๆ เข็มอันสุดท้ายนั้น..ผมค่อยๆ ยัดลงไปคาค้างอยู่ปลายปล้องไม้ไผ่..

ผมไม่อยากออกไปไหนจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ ดังนั้น..ผมจึงกินอาหารบนห้องโดยทางโรงแรมส่งขึ้นมา จากนั้นก็นั่งดูทีวีจน 20.55 น. ผมจึงปิดไฟ..เอนกายลงนอนยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะผล็อยหลับไปอีกครา..

รุ่งเช้า..ผมลืมตาดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือสีขาวดำราคาไม่แพง แต่เท่ทันสมัยยี่ห้อสวอทช์ ซึ่งผมซื้อมาจากประเทศสวิตฯ เวลา 8.50 น. ของประเทศอังกฤษครับ

ผมอาบน้ำอุ่นๆ ที่ค่อนไปในทางร้อนสักหน่อย เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวและสดชื่น สวมกางเกงยีนส์สีดำ-เสื้อยืดดำ-ทับด้วยสูทดำ-รองเท้าผ้าใบสีเทาลายดำ ก่อนจะหยิบปล้องไม้ เข็มติดขนเป็ดทั้งหมด ใส่ลงไปในเป้สะพายข้างทรงสูงอย่างทะนุถนอม ก่อนจะออกจากห้องลงไปยังห้องอาหารของโรงแรม

9.30 น. อิ่มจากอาหารเช้า..ผมก็ออกเดินทางด้วยเท้า มุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อากาศกำลังเย็นสบาย..ผมมองดูผู้คนในลอนดอน คึกคักกับการออกทำงานในยามเช้า ผมล้วงมือลงไปในกระเป๋าเป้สะพายข้าง สัมผัสถึงความเนียนลื่นของปล้องไม้ไผ่อย่างสงบ สมาธิผมนิ่ง..นิ่งกับสิ่งที่กำลังจะทำและพร้อมเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น..

10.45 น. ผมขยับตัวเดินไปแอบในพุ่มไม้ริมทาง ล้วงมือหยิบปล้องไม้ไผ่ขึ้นมาจ่อไว้ตรงปาก เมื่อเห็น “เป้าหมาย” เดินมากับหนุ่มผอมสูงที่อายุน้อยกว่า ทั้งคู่เดินคุยกันอย่างชื่นมื่น โดยด้านหลังมีชายร่างกำยำ 5-6 คน เดินตามมาอย่างกระชั้นชิด ทั้งหมดมุ่งหน้ามายังทางเข้าศูนย์

การค้าใหญ่ที่เศรษฐีไฮโซเมืองไทยชอบมาเทกระเป๋าเพื่อความโก้ ซึ่งด้านหนึ่งมีทางลงไปยังร้านกาแฟและเบเกอรี่ ที่ร่ำลือกันว่า..อร่อย..

ตาผมจ้อง “เป้าหมาย” เขม็ง จ่อปล้องไม้ไผ่แตะริมฝีปาก พร้อมจะเป่าเข็มติดขนเป็ดที่บัดนี้กลายสภาพเป็น “ลูกดอก” สมบูรณ์แบบ และพร้อมถูกเป่าให้พุ่งสู่ “เป้าหมาย”

“เป้าหมาย” เดินตรงเข้าสู่วิถี “ลูกดอก” แล้ว ผมสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง ตาจ้องเขม็งวินาทีปฏิบัติงาน ณ กรุงลอนดอนมาถึงแล้ว..

ปัง-ปัง-ปัง...

“เป้าหมาย” ที่ผมกำลังจะเป่าลูกดอกใส่ล้มคะมำลงต่อหน้า ชายหนุ่มที่ติดตามมาบ้างตกตะลึง บ้างก้มลงช้อนร่าง “เป้าหมาย” ของผมไว้ในอ้อมแขน อีก 2-3 คนวิ่งตามชายหนุ่มชาวเอเชียร่างผอมบาง ที่วิ่งหายลับไปในเหลี่ยมตึกข้างศูนย์การค้า

“นายถูกยิง..นายถูกยิง..เรียกรถพยาบาลเร็ว..”

ทุกอย่างที่ผมเห็นเกิดขึ้นชั่วพริบตา ผมเก็บปล้องไม้ไผ่ลงในเป้สะพายข้างกาย เหลือบมองหน้าสี่เหลี่ยมของ “เป้าหมาย” แวบหนึ่ง แลเห็นแถวหน้าอกของ “เป้าหมาย” เต็มไปด้วยเลือด ก่อนเดินออกจากที่ซุ่ม แว่วเสียงสุดท้ายของชายคนหนึ่งตะโกนว่า..

“..นาย..นาย..นาย..ต..า..ย..แ..ล้..ว..”

ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต หนังสือพิมพ์บนเครื่องบิน ที่พาผมมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ลงข่าวการตายของ “เป้าหมาย” ทั้งระบุว่า..ตำรวจลอนดอนยังจับคนยิงไม่ได้..

ขอบคุณ “เจ้าหนุ่มนิรนาม” ที่ทำให้ผมมาเที่ยวลอนดอนโดยไม่ต้องทำอะไรเลย

ผมคิดต่อ..คนไทยคงดีใจกันทั้งประเทศสินะ คนชั่วคนเดียวแท้ๆ มันกระทำการคอร์รัปชันโกงกินบ้านเมือง จนมีเงินล้นฟ้าล้นแผ่นดิน เมื่อคนไทยส่วนใหญ่ทนความชั่วมันไม่ไหว จึงเดินขบวนขับไล่อย่างต่อเนื่อง สุดท้ายทหารหาญของชาติก็จำต้องทำรัฐประหาร ขับไล่ “เป้าหมาย” ออกจากผืนดินไทย

แทนที่ “เป้าหมาย” จะสำนึกในความผิด กลับเอาเงินทองที่คอร์รัปชั่นมาจ้างคนต่างชาติและคนไทยขายชาติ เดินขบวนป่วนบ้านป่วนเมือง จาบจ้วงเบื้องสูงที่คนไทยรักเคารพยิ่งชีวิต ทำร้ายทำลายชาติของตนเองมิเว้นแต่ละวัน..

“พ่อ-พ่อตื่นได้แล้ว..เดี๋ยวไปทำงานสายหรอก..”

ผมสะดุ้งตื่น..ความฝันหายวับไป แต่ “ความฝันอันสูงสุด” ที่คนไทยส่วนใหญ่ต้องการ ยังอยู่..ยังอยู่ครบถ้วนและต่อเนื่อง

ขอให้ “เป้าหมาย” ที่หนุ่มนิรนามยังไม่ได้ยิง และผมยังไม่ได้เป่าลูกดอกอาบยาพิษใส่ จงเผชิญกรรมติดจรวดตามสนองให้ Go To Hell!!
กำลังโหลดความคิดเห็น