.
ความชั่วช้าและความกักขฬะของสัตว์นรกทางการเมืองแถวสนามหลวงของเรากำลังแสดงออกอย่างบัดซบร้อยแปดเพื่อชักจูงประชาชนให้ศรัทธาเลื่อมใส ในการคิดคดทรยศต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น ที่น่าประหลาดมากก็คือการมีความคิดที่จะปรับปรุงรายการโทรทัศน์ที่เราปล่อยให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำลายวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามนับเป็นเวลาหลายสิบปี รวมถึงความถูกความผิดของภาษาไทยว่ามีคำไม่ถูกต้องได้รับการยอมรับกันมาเป็นเวลานานนั้น ได้มีการหยิบยกขึ้นมาพูดกันว่าควรจะมีการปรับปรุงแก้ไข หรือว่ากันว่ามันอาจจะไม่ถูกต้องจริงๆ ก็ได้ ควรจะมีการดูแลให้มันถูกต้องกันเสียที
ลักษณะทำนองนี้มันเป็นลักษณะที่วิปริตของเมืองไทยหรือสังคมไทยของเราที่เริ่มผิดปกติเลวร้ายมาหลายปีมาแล้ว
เรื่องที่ไม่ควรเกิดมันก็เกิด สิ่งที่ไม่ควรจะเป็นมันก็เป็น
แต่ละเรื่องแต่ละอย่างเป็นเรื่องคาดไม่ถึงทั้งสิ้น
ถ้าเป็นโบราณ ท่านว่าเพราะบ้านเมืองมันเกิดเสนียดจัญไร!
เฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่คนทำหน้าที่ปกครองบ้านเมืองของเราหลายยุคที่ผ่านมา จะมีคนขึ้นมามีอำนาจปกครองประเทศชาติด้วยการประกาศและบอกกล่าวผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองว่า ที่เขาพากันดิ้นรนแข่งขันแย่งกันขึ้นมาปกครองบ้านเมืองนี้เพราะเหตุผลอะไร นอกจากเพราะความรักชาติและปรารถนาดีต่อประชาชนอย่างฉิบหายวายวอดด้วยกันทั้งนั้น!!
แต่ในขณะที่เขาพูดออกมาอย่างนั้น เขาไม่สงสัยเลยว่า เขากำลังโกหกทั้งต่อตัวเขาเองและประชาชน เพราะมันเป็นการเข้ามาทำมาหากินของเขาคือใช้การเมืองหรือแผ่นดินไทยเป็นที่ทำมาหากินนั่นเอง
ดูเหมือนจะเกือบทุกพรรคทุกคน
ในหมู่ประชาชนเจ้าของชาติก็รู้กันว่า ทันทีที่ประชาชนคนไทยคนหนึ่งคนใดขยิบตาไม่ทันมองเห็นสิ่งที่นักการเมืองพวกหนึ่งพวกใดกำลังกินบ้านกินเมืองกันอยู่นั้น นักการเมืองพวกนี้จะรีบเขมือบกันอย่างไม่ยอมนึกถึงผีถึงสาง และนักการเมืองพวกนี้จะเกิดขึ้นอย่างมากมายในแต่และยุคแต่ละสมัย เพราะหัวหน้านักการเมืองพวกนั้นจะใช้เศษอาหารและเหยื่อที่มันกินบ้านกินเมืองมาป้อนและปลูกฝังคนพวกนี้อย่างทั่วถึงกันหมด เริ่มตั้งแต่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีจนกระทั่งถึงกระท่อมเล็กๆ ในหมู่บ้านตั้งแต่ อบต., กำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศ (หมายเหตุ:ตอนนี้เรากำลังจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีการเลือกตั้งใหม่ มีรัฐบาลใหม่ แต่สิ่งหนึ่งที่คนไทยทุกคนที่เคยถูกปิดหูปิดตามาเป็นเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมานั้น ก็จะต้องทำอีกเหมือนกัน เพราะนักการเมืองในบ้านเมืองของเรายังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างหนึ่งอย่างใด ที่โกหกหลอกลวงก็ยังจะต้องโกหกหลอกลวงเหมือนเดิม จะขายชาติบ้านเมืองก็จะเหมือนเดิม ที่ขี้ขลาดตาขาว หน้าไหว้หลังหลอกก็จะเหมือนเดิม คนไทยที่ไม่ได้สนใจศึกษาอะไรในบ้านเมืองก็จะถูกปิดหูปิตาเหมือนเดิม)
ประชาชนที่มันหลอกลวงว่า ได้สนับสนุนมันขึ้นมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองนั้น นับเอาจำนวนผู้คนที่มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง มันคำนวณเอาตามความพอใจว่ามีมากถึง 14 ล้านคนก็ว่าไป แต่ในจำนวนคนไทย 65 ล้านคนนี้ยังมีเหลือจำนวนมากกว่าที่ไม่ได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหรือสนับสนุนมันมา แต่ก็น่าเสียดายว่าในยามที่บ้านเมืองมีเสนียดจัญไรหรือที่เรียกว่าอภิไธยโพธิบาทว์เข้ามากินบ้านกินเมือง ท่านยืนยันว่าจะเกิดขึ้นในบ้านเมือง 20 ปีต่อครั้ง
เพราะฉะนั้น ระยะนี้เป็นระยะที่ตกอยู่ในอำนาจของอภิไธยโพธิบาทว์ที่ว่านี้ อภิไธยโพธิบาทว์หรือเสนียดจัญไรเป็นกฎเกณฑ์เก่าแก่ทางโหราศาสตร์ตั้งแต่วันฝังเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 ให้คำทำนายไว้ว่าดวงชะตากรุงเทพฯ ทุก 20 ปีจะมีความชั่วร้ายหรือมีเคราะห์ประเภทอภิไธยโพธิบาทว์หรือเสนียดจัญไรขึ้นครั้งหนึ่ง ที่ทำให้ต้องแก้ไขปัญหาบ้านเมืองใหม่ขึ้นมาอีกเพราะการกุมของดาวเสาร์ (7) กับ (5) ในดวงชะตาในราศีใดราศีหนึ่ง แต่สำหรับความเลวร้ายครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่กว่าเสาร์-พฤหัสบดีกุมกันตามรอบธรรมดาแต่เป็นการรวมตัวกุมกันของดาวพลูโตและเสาร์-พฤหัสบดีปีเดิมในราศีธนูรวมกันเป็นกลุ่มดาวที่จะต้องเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งในประเทศอย่างรุนแรงและเป็นระยะที่นาน การปรากฏตัวของอภิไธยโพธิบาทว์นี้มีอยู่ทั่วไปแม้แต่ตามสนามหลวงและริมถนนหน้าบ้านพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
และก็เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ตัวเสนียดจัญไรเหล่านี้เข้าไปยืนด่าพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์หน้าบ้านติดต่อกันเป็นสิบๆ ชั่วโมง และบุกเข้าทำร้ายตำรวจที่ทำหน้าที่รักษากฎหมาย เพราะประชาชนในชาติที่ไม่สนับสนุนโจรปล้นชาติเหล่านั้นเพราะความไม่รู้เหตุการณ์อะไรในบ้านเมือง แม้แต่ค่าเงินบาทสูงค่าขึ้นจนจะเจ๊งกันเป็นแถบๆ ไป มันก็โมเมโกหกไปวันๆ ว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
คนไทยที่ไม่ได้เป็นเหยื่อหรือไม่ได้สนับสนุนกลุ่มโจรปล้นบ้านเมืองถึง 60 ล้านคนนั้น ต่างก็ถูกปล่อยให้ไปเล่นหวยใต้ดินกันบ้าง เดินเข้าเดินออกโรงจำนำเพราะถูกเขาหลอกด้วยการเอาไร่นาไปจำนำแล้วถูกธนาคารยึดไปบ้าง ไม่มีใครรู้กันว่าตัวแทนของพวกเขาหรือผู้บริหารบ้านเมืองเพื่อประชาชนกำลังโกงกินกันขนาดไหนบ้าง?
ไม่มีใครรู้อะไรเลย
ปล่อยให้พวกมันโกงปล่อยให้พวกมันกินไปตามใจมัน
สถานการณ์เช่นนี้ คนไทยในยุคที่มีการหลับหูหลับตา และโง่กันอย่างลึกซึ้งนี้ว่าเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ไม่มีเผด็จการ ไม่มีการใช้อำนาจ
มีเพียงสองอย่างคือ ไม่มีการปล้นชาติและไม่มีการขายชาติ!
นี่ก็เป็นลักษณะของเสนียดจัญไรประเภทหนึ่งในบรรดาอภิไธยโพธิบาทว์ที่เกิดขึ้นในชาติ เพราะโดยเหตุผลทุกคนก็คงไม่ต้องการรับฟัง นั่นก็คือว่า นอกจากมนุษย์ที่ซื้อได้ขายได้ที่อ้างว่ามี 14 ล้านคนที่คอยทำหน้าที่สนับสนุนการปล้นสะดมอย่างเอาเป็นเอาตายกันอยู่นั้น คนไทยยังมีเหลืออยู่เต็มแผ่นดินอีก 50 กว่าล้านคนที่มีหูมีตารู้เรื่องความชั่วต่างๆ ในบ้านเมืองที่บรรดาสัตว์เหล่านั้นครองเมืองอยู่ แต่ปรากฏว่าทุกคนทำตัวเป็นพระอันดับไม่ยอมเอ่ยปากบอกอะไรแก่ประชาชนว่าตอนนั้นบ้านเมืองและคนชั่วในบ้านเมืองกำลังทำอุบาทว์อะไรกันอยู่
เฉพาะอย่างยิ่งที่น่าจะต้องพูดถึงก็คือ พรรคการเมืองและนักการเมืองที่เรียกว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงข้ามกับพวกเดียรัจฉานที่กำลังกินบ้านกินเมืองกันอยู่ในขณะนั้น เฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งก็ดูเหมือนว่าไม่ยอมตายในเวทีการเมืองถึงแม้ว่าจะมีหลายคนที่เก่าแก่เป็นตุ๊กตาเสียกะบาลไปแล้วก็ตาม จะไม่มีใครเอะอะโวยวายอะไรออกมาทั้งสิ้น คนที่มาเกะกะอยู่คนเดียวที่มีความหมายขึ้นบ้างแต่ยังน้อยเกินไปสำหรับการเมืองก็คือ คุณอลงกรณ์ พลบุตรที่ออกมาพูดมาอภิปรายเรื่องการคอร์รัปชันของนักการเมืองเดียรัจฉาน และมีอีกคนหนึ่งคือคุณองอาจ คล้ามไพบูลย์ ซึ่งก็น่าจะเป็นอีกคนหนึ่งที่จะได้รับโอกาสทางการเมืองโดยอาศัยการคลุกคลีกับประชาชนที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้มาก
นอกนั้นก็อย่างงั้นแหละ
ในระหว่างที่เหตุการณ์กินบ้านกินเมืองจนเกือบจะไม่เหลือแม้แต่ใบไม้ใบหญ้าอยู่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็ออกหนังสือเกี่ยวกับการคอร์รัปชันออกมาเล่มหนึ่ง เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ โดยสมาชิกของพรรค แต่ก็น้อยเกินไปสำหรับความจริงที่ทำกันขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว เมื่อเทียบกับประชาชนอีกสิบๆ ล้านคนที่ถูกปิดหูปิดตา รายงานเรื่องราวเหล่านั้นยังน้อยกว่ากระดาษชำระที่มีอยู่ตามส้วมสาธารณะของกรุงเทพมหานครเป็นไหนๆ
พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคเก่าแก่มานานเกือบร้อยปี รู้จักการเมืองกันเพียงแค่นั้นหรือ?
การเมืองเป็นเรื่องของชาติของประเทศ เป็นเรื่องของผู้คนที่มีปัญหาและความกว้างใหญ่ พรรคการเมืองที่เก่าแก่เพราะ “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะเกิดนาน” อย่างที่ว่ากัน และคิดว่าตัวเองมีความสำคัญอย่างพรรคประชาธิปัตย์นั้น ก็น่าจะเชื่อได้ว่ามีกำลังคนพอที่จะจัดการเอาไปกวาดไปทำมัน
แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงมือทำอย่างเป็นการเป็นงาน มีจุดประสงค์แต่เพียงว่าการเมืองและหน้าที่ของพรรคคือการจัดงานโชว์สินค้าพื้นบ้านเพียงชั่วพริบตา โดยไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก
ถึงพรรคประชาธิปัตย์หรือนักการเมืองประชาธิปัตย์ทั่วไปจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้เพราะการมีอยู่มีกิน แต่ทุกสิ่งที่รอบตัวมันก็นับวันมีแต่เสื่อมลงและเลวลงอย่างที่เห็นอยู่
มันเสื่อมลงกระทั่งเรียนหนังสือแล้วอ่านไม่ออกเป็นแสนๆ คน การสร้างบ้านสร้างเมืองเพื่อให้ผู้คนเติบโตขึ้นมาเพื่อปล้นสะดมและแย่งชิงด่าทอกัน กระทั่งภาษาที่พูดกันรู้เรื่องก็ยังมีการดัดจริตขึ้นมาแก้ไขปรับปรุงอะไรกันต่อไปอีก
ประเทศไทยทุกวันนี้ เราเกิดมามีชีวิตอยู่กันด้วยความชั่วและไร้สาระทั้งสิ้น
บรรดาคนไทยที่คิดว่าตัววิเศษและฉลาดเฉลียวนั้น ตอนนี้มาคิดกันใหม่เสียทีว่าอะไรบ้างที่เราควรจะปรับปรุง?
เพราะไม่ว่าจะปรับปรุงอะไรขึ้นมามันก็ไม่มีวันสำเร็จหรือทำได้ดีกว่าเท่าที่มันชั่วช้าทรุดโทรมอยู่ทุกวันนี้
ผมขอยืนยันว่าที่ผมพูดมานี้เป็นความจริง ไม่มีอะไรอื่นนอกไปจากที่ผมพูดคือแก้ไขอะไรในโลกนี้เพียงแต่คดไม่ได้
เหตุผลมีประการเดียวคือ เราจะแก้ปัญหาความชั่วช้าและเสื่อมโทรมต่างๆ ที่พูดกันอยู่ทุกวันนี้มันแก้ไม่ได้ก็เพราะเราเอาคนที่ชั่วอยู่แล้วไปแก้มันก็แก้ได้เพียงชั่วๆ เท่านั้น
อย่างตอนนี้เรากำลังทุ่มเทเงินทองเป็นร้อยล้านพันล้านเพื่อร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ที่ว่าดีกว่าเก่า และว่ากันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะทำให้ประเทศไทยประสบความวิเศษมหัศจรรย์โดยไม่ต้องสงสัย
เพราะร่างกันได้วิเศษมาก
เสียอย่างเดียวคือเราแกล้งพิมพ์กันผิด ทั้งที่ค่าจ้างพิมพ์เป็นแสนๆ นี่แหละ
นั่นยืนยันว่าแม้รัฐธรรมนูญจะวิเศษยังไง ร่างยังไงหรือใช้ปัญญาวิเศษขนาดไหน มันก็ยังเอาดีไม่ได้ตั้งแต่ตอนพิมพ์ขึ้นมานั่นเอง
อย่างที่ว่าแม้รัฐธรรมนูญจะวิเศษยังไงก็ตาม แต่รัฐธรรมนูญมันทำอะไรไม่เป็น และมันทำอะไรตามที่เขียนไว้ แต่คนที่จะต้องใช้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นคน!
ที่คนโบราณเรียกว่า “พวกชิงหมาเกิด” และหมาที่มันชิงมาเกิดนั้นก็เป็นหมาตัวชั่วเกินกว่าที่ไม่รู้จักศีลธรรมเสียด้วย
มันอาจจะไม่ผิดกับแบบที่แล้วเมื่อ 6 ปีก่อน หรือจะยิ่งกว่านั้น
อย่าคิดไปทำอะไรมันเลย คุยโม้โอ้อวดและหลอกลวงกันไปเถอะ อีกไม่กี่วันมันก็จะต้องทิ้งกันไปวันยังค่ำ!!
ความชั่วช้าและความกักขฬะของสัตว์นรกทางการเมืองแถวสนามหลวงของเรากำลังแสดงออกอย่างบัดซบร้อยแปดเพื่อชักจูงประชาชนให้ศรัทธาเลื่อมใส ในการคิดคดทรยศต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น ที่น่าประหลาดมากก็คือการมีความคิดที่จะปรับปรุงรายการโทรทัศน์ที่เราปล่อยให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำลายวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามนับเป็นเวลาหลายสิบปี รวมถึงความถูกความผิดของภาษาไทยว่ามีคำไม่ถูกต้องได้รับการยอมรับกันมาเป็นเวลานานนั้น ได้มีการหยิบยกขึ้นมาพูดกันว่าควรจะมีการปรับปรุงแก้ไข หรือว่ากันว่ามันอาจจะไม่ถูกต้องจริงๆ ก็ได้ ควรจะมีการดูแลให้มันถูกต้องกันเสียที
ลักษณะทำนองนี้มันเป็นลักษณะที่วิปริตของเมืองไทยหรือสังคมไทยของเราที่เริ่มผิดปกติเลวร้ายมาหลายปีมาแล้ว
เรื่องที่ไม่ควรเกิดมันก็เกิด สิ่งที่ไม่ควรจะเป็นมันก็เป็น
แต่ละเรื่องแต่ละอย่างเป็นเรื่องคาดไม่ถึงทั้งสิ้น
ถ้าเป็นโบราณ ท่านว่าเพราะบ้านเมืองมันเกิดเสนียดจัญไร!
เฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่คนทำหน้าที่ปกครองบ้านเมืองของเราหลายยุคที่ผ่านมา จะมีคนขึ้นมามีอำนาจปกครองประเทศชาติด้วยการประกาศและบอกกล่าวผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองว่า ที่เขาพากันดิ้นรนแข่งขันแย่งกันขึ้นมาปกครองบ้านเมืองนี้เพราะเหตุผลอะไร นอกจากเพราะความรักชาติและปรารถนาดีต่อประชาชนอย่างฉิบหายวายวอดด้วยกันทั้งนั้น!!
แต่ในขณะที่เขาพูดออกมาอย่างนั้น เขาไม่สงสัยเลยว่า เขากำลังโกหกทั้งต่อตัวเขาเองและประชาชน เพราะมันเป็นการเข้ามาทำมาหากินของเขาคือใช้การเมืองหรือแผ่นดินไทยเป็นที่ทำมาหากินนั่นเอง
ดูเหมือนจะเกือบทุกพรรคทุกคน
ในหมู่ประชาชนเจ้าของชาติก็รู้กันว่า ทันทีที่ประชาชนคนไทยคนหนึ่งคนใดขยิบตาไม่ทันมองเห็นสิ่งที่นักการเมืองพวกหนึ่งพวกใดกำลังกินบ้านกินเมืองกันอยู่นั้น นักการเมืองพวกนี้จะรีบเขมือบกันอย่างไม่ยอมนึกถึงผีถึงสาง และนักการเมืองพวกนี้จะเกิดขึ้นอย่างมากมายในแต่และยุคแต่ละสมัย เพราะหัวหน้านักการเมืองพวกนั้นจะใช้เศษอาหารและเหยื่อที่มันกินบ้านกินเมืองมาป้อนและปลูกฝังคนพวกนี้อย่างทั่วถึงกันหมด เริ่มตั้งแต่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีจนกระทั่งถึงกระท่อมเล็กๆ ในหมู่บ้านตั้งแต่ อบต., กำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศ (หมายเหตุ:ตอนนี้เรากำลังจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีการเลือกตั้งใหม่ มีรัฐบาลใหม่ แต่สิ่งหนึ่งที่คนไทยทุกคนที่เคยถูกปิดหูปิดตามาเป็นเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมานั้น ก็จะต้องทำอีกเหมือนกัน เพราะนักการเมืองในบ้านเมืองของเรายังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างหนึ่งอย่างใด ที่โกหกหลอกลวงก็ยังจะต้องโกหกหลอกลวงเหมือนเดิม จะขายชาติบ้านเมืองก็จะเหมือนเดิม ที่ขี้ขลาดตาขาว หน้าไหว้หลังหลอกก็จะเหมือนเดิม คนไทยที่ไม่ได้สนใจศึกษาอะไรในบ้านเมืองก็จะถูกปิดหูปิตาเหมือนเดิม)
ประชาชนที่มันหลอกลวงว่า ได้สนับสนุนมันขึ้นมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองนั้น นับเอาจำนวนผู้คนที่มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง มันคำนวณเอาตามความพอใจว่ามีมากถึง 14 ล้านคนก็ว่าไป แต่ในจำนวนคนไทย 65 ล้านคนนี้ยังมีเหลือจำนวนมากกว่าที่ไม่ได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหรือสนับสนุนมันมา แต่ก็น่าเสียดายว่าในยามที่บ้านเมืองมีเสนียดจัญไรหรือที่เรียกว่าอภิไธยโพธิบาทว์เข้ามากินบ้านกินเมือง ท่านยืนยันว่าจะเกิดขึ้นในบ้านเมือง 20 ปีต่อครั้ง
เพราะฉะนั้น ระยะนี้เป็นระยะที่ตกอยู่ในอำนาจของอภิไธยโพธิบาทว์ที่ว่านี้ อภิไธยโพธิบาทว์หรือเสนียดจัญไรเป็นกฎเกณฑ์เก่าแก่ทางโหราศาสตร์ตั้งแต่วันฝังเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 ให้คำทำนายไว้ว่าดวงชะตากรุงเทพฯ ทุก 20 ปีจะมีความชั่วร้ายหรือมีเคราะห์ประเภทอภิไธยโพธิบาทว์หรือเสนียดจัญไรขึ้นครั้งหนึ่ง ที่ทำให้ต้องแก้ไขปัญหาบ้านเมืองใหม่ขึ้นมาอีกเพราะการกุมของดาวเสาร์ (7) กับ (5) ในดวงชะตาในราศีใดราศีหนึ่ง แต่สำหรับความเลวร้ายครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่กว่าเสาร์-พฤหัสบดีกุมกันตามรอบธรรมดาแต่เป็นการรวมตัวกุมกันของดาวพลูโตและเสาร์-พฤหัสบดีปีเดิมในราศีธนูรวมกันเป็นกลุ่มดาวที่จะต้องเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งในประเทศอย่างรุนแรงและเป็นระยะที่นาน การปรากฏตัวของอภิไธยโพธิบาทว์นี้มีอยู่ทั่วไปแม้แต่ตามสนามหลวงและริมถนนหน้าบ้านพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
และก็เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ตัวเสนียดจัญไรเหล่านี้เข้าไปยืนด่าพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์หน้าบ้านติดต่อกันเป็นสิบๆ ชั่วโมง และบุกเข้าทำร้ายตำรวจที่ทำหน้าที่รักษากฎหมาย เพราะประชาชนในชาติที่ไม่สนับสนุนโจรปล้นชาติเหล่านั้นเพราะความไม่รู้เหตุการณ์อะไรในบ้านเมือง แม้แต่ค่าเงินบาทสูงค่าขึ้นจนจะเจ๊งกันเป็นแถบๆ ไป มันก็โมเมโกหกไปวันๆ ว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
คนไทยที่ไม่ได้เป็นเหยื่อหรือไม่ได้สนับสนุนกลุ่มโจรปล้นบ้านเมืองถึง 60 ล้านคนนั้น ต่างก็ถูกปล่อยให้ไปเล่นหวยใต้ดินกันบ้าง เดินเข้าเดินออกโรงจำนำเพราะถูกเขาหลอกด้วยการเอาไร่นาไปจำนำแล้วถูกธนาคารยึดไปบ้าง ไม่มีใครรู้กันว่าตัวแทนของพวกเขาหรือผู้บริหารบ้านเมืองเพื่อประชาชนกำลังโกงกินกันขนาดไหนบ้าง?
ไม่มีใครรู้อะไรเลย
ปล่อยให้พวกมันโกงปล่อยให้พวกมันกินไปตามใจมัน
สถานการณ์เช่นนี้ คนไทยในยุคที่มีการหลับหูหลับตา และโง่กันอย่างลึกซึ้งนี้ว่าเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ไม่มีเผด็จการ ไม่มีการใช้อำนาจ
มีเพียงสองอย่างคือ ไม่มีการปล้นชาติและไม่มีการขายชาติ!
นี่ก็เป็นลักษณะของเสนียดจัญไรประเภทหนึ่งในบรรดาอภิไธยโพธิบาทว์ที่เกิดขึ้นในชาติ เพราะโดยเหตุผลทุกคนก็คงไม่ต้องการรับฟัง นั่นก็คือว่า นอกจากมนุษย์ที่ซื้อได้ขายได้ที่อ้างว่ามี 14 ล้านคนที่คอยทำหน้าที่สนับสนุนการปล้นสะดมอย่างเอาเป็นเอาตายกันอยู่นั้น คนไทยยังมีเหลืออยู่เต็มแผ่นดินอีก 50 กว่าล้านคนที่มีหูมีตารู้เรื่องความชั่วต่างๆ ในบ้านเมืองที่บรรดาสัตว์เหล่านั้นครองเมืองอยู่ แต่ปรากฏว่าทุกคนทำตัวเป็นพระอันดับไม่ยอมเอ่ยปากบอกอะไรแก่ประชาชนว่าตอนนั้นบ้านเมืองและคนชั่วในบ้านเมืองกำลังทำอุบาทว์อะไรกันอยู่
เฉพาะอย่างยิ่งที่น่าจะต้องพูดถึงก็คือ พรรคการเมืองและนักการเมืองที่เรียกว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายตรงข้ามกับพวกเดียรัจฉานที่กำลังกินบ้านกินเมืองกันอยู่ในขณะนั้น เฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งก็ดูเหมือนว่าไม่ยอมตายในเวทีการเมืองถึงแม้ว่าจะมีหลายคนที่เก่าแก่เป็นตุ๊กตาเสียกะบาลไปแล้วก็ตาม จะไม่มีใครเอะอะโวยวายอะไรออกมาทั้งสิ้น คนที่มาเกะกะอยู่คนเดียวที่มีความหมายขึ้นบ้างแต่ยังน้อยเกินไปสำหรับการเมืองก็คือ คุณอลงกรณ์ พลบุตรที่ออกมาพูดมาอภิปรายเรื่องการคอร์รัปชันของนักการเมืองเดียรัจฉาน และมีอีกคนหนึ่งคือคุณองอาจ คล้ามไพบูลย์ ซึ่งก็น่าจะเป็นอีกคนหนึ่งที่จะได้รับโอกาสทางการเมืองโดยอาศัยการคลุกคลีกับประชาชนที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้มาก
นอกนั้นก็อย่างงั้นแหละ
ในระหว่างที่เหตุการณ์กินบ้านกินเมืองจนเกือบจะไม่เหลือแม้แต่ใบไม้ใบหญ้าอยู่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็ออกหนังสือเกี่ยวกับการคอร์รัปชันออกมาเล่มหนึ่ง เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ โดยสมาชิกของพรรค แต่ก็น้อยเกินไปสำหรับความจริงที่ทำกันขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว เมื่อเทียบกับประชาชนอีกสิบๆ ล้านคนที่ถูกปิดหูปิดตา รายงานเรื่องราวเหล่านั้นยังน้อยกว่ากระดาษชำระที่มีอยู่ตามส้วมสาธารณะของกรุงเทพมหานครเป็นไหนๆ
พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคเก่าแก่มานานเกือบร้อยปี รู้จักการเมืองกันเพียงแค่นั้นหรือ?
การเมืองเป็นเรื่องของชาติของประเทศ เป็นเรื่องของผู้คนที่มีปัญหาและความกว้างใหญ่ พรรคการเมืองที่เก่าแก่เพราะ “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะเกิดนาน” อย่างที่ว่ากัน และคิดว่าตัวเองมีความสำคัญอย่างพรรคประชาธิปัตย์นั้น ก็น่าจะเชื่อได้ว่ามีกำลังคนพอที่จะจัดการเอาไปกวาดไปทำมัน
แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงมือทำอย่างเป็นการเป็นงาน มีจุดประสงค์แต่เพียงว่าการเมืองและหน้าที่ของพรรคคือการจัดงานโชว์สินค้าพื้นบ้านเพียงชั่วพริบตา โดยไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก
ถึงพรรคประชาธิปัตย์หรือนักการเมืองประชาธิปัตย์ทั่วไปจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้เพราะการมีอยู่มีกิน แต่ทุกสิ่งที่รอบตัวมันก็นับวันมีแต่เสื่อมลงและเลวลงอย่างที่เห็นอยู่
มันเสื่อมลงกระทั่งเรียนหนังสือแล้วอ่านไม่ออกเป็นแสนๆ คน การสร้างบ้านสร้างเมืองเพื่อให้ผู้คนเติบโตขึ้นมาเพื่อปล้นสะดมและแย่งชิงด่าทอกัน กระทั่งภาษาที่พูดกันรู้เรื่องก็ยังมีการดัดจริตขึ้นมาแก้ไขปรับปรุงอะไรกันต่อไปอีก
ประเทศไทยทุกวันนี้ เราเกิดมามีชีวิตอยู่กันด้วยความชั่วและไร้สาระทั้งสิ้น
บรรดาคนไทยที่คิดว่าตัววิเศษและฉลาดเฉลียวนั้น ตอนนี้มาคิดกันใหม่เสียทีว่าอะไรบ้างที่เราควรจะปรับปรุง?
เพราะไม่ว่าจะปรับปรุงอะไรขึ้นมามันก็ไม่มีวันสำเร็จหรือทำได้ดีกว่าเท่าที่มันชั่วช้าทรุดโทรมอยู่ทุกวันนี้
ผมขอยืนยันว่าที่ผมพูดมานี้เป็นความจริง ไม่มีอะไรอื่นนอกไปจากที่ผมพูดคือแก้ไขอะไรในโลกนี้เพียงแต่คดไม่ได้
เหตุผลมีประการเดียวคือ เราจะแก้ปัญหาความชั่วช้าและเสื่อมโทรมต่างๆ ที่พูดกันอยู่ทุกวันนี้มันแก้ไม่ได้ก็เพราะเราเอาคนที่ชั่วอยู่แล้วไปแก้มันก็แก้ได้เพียงชั่วๆ เท่านั้น
อย่างตอนนี้เรากำลังทุ่มเทเงินทองเป็นร้อยล้านพันล้านเพื่อร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ที่ว่าดีกว่าเก่า และว่ากันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะทำให้ประเทศไทยประสบความวิเศษมหัศจรรย์โดยไม่ต้องสงสัย
เพราะร่างกันได้วิเศษมาก
เสียอย่างเดียวคือเราแกล้งพิมพ์กันผิด ทั้งที่ค่าจ้างพิมพ์เป็นแสนๆ นี่แหละ
นั่นยืนยันว่าแม้รัฐธรรมนูญจะวิเศษยังไง ร่างยังไงหรือใช้ปัญญาวิเศษขนาดไหน มันก็ยังเอาดีไม่ได้ตั้งแต่ตอนพิมพ์ขึ้นมานั่นเอง
อย่างที่ว่าแม้รัฐธรรมนูญจะวิเศษยังไงก็ตาม แต่รัฐธรรมนูญมันทำอะไรไม่เป็น และมันทำอะไรตามที่เขียนไว้ แต่คนที่จะต้องใช้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นคน!
ที่คนโบราณเรียกว่า “พวกชิงหมาเกิด” และหมาที่มันชิงมาเกิดนั้นก็เป็นหมาตัวชั่วเกินกว่าที่ไม่รู้จักศีลธรรมเสียด้วย
มันอาจจะไม่ผิดกับแบบที่แล้วเมื่อ 6 ปีก่อน หรือจะยิ่งกว่านั้น
อย่าคิดไปทำอะไรมันเลย คุยโม้โอ้อวดและหลอกลวงกันไปเถอะ อีกไม่กี่วันมันก็จะต้องทิ้งกันไปวันยังค่ำ!!