xs
xsm
sm
md
lg

ผมไม่เคยอ่านแฮรี่ พอตเตอร์

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช


.
บอกกันตามตรงครับว่า ผมไม่เคยอ่านหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์ และก็ไม่เคยดูภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือเรื่องนี้ด้วย

เช่นเดียวกับ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง นี่ก็เช่นกัน

ไม่เคยอ่าน และก็ไม่เคยดูภาพยนตร์

ผมไม่ใช่คนทวนกระแส

ลูกๆ ผมอ่านครับ และก็ดูภาพยนตร์ด้วย


ผมคิดว่าถ้าย้อนเวลา และถ้าผมกลับไปเป็นเด็กอีก และอยู่ในต่างประเทศเหมือนเมื่ออายุ 15-16 ผมก็คงเป็นแฟนของ เจ.เค.โรวริ่งก็ได้

เวลานั้นผมอ่านหนังสือนอกเวลาอยู่ 2 เล่ม

เป็นหนังสือคลาสสิกชั้นดีเสียด้วย

คือ อีเลียดกับโอดิสซี ของโฮเมอร์ครับ


เล่มโตทั้ง 2 เล่ม ในวัยเด็ก และผมไปจากเมืองไทยใหม่ๆ ภาษาอังกฤษไม่แตกฉาน แต่ผมก็อ่านละเอียด และอ่านจนจบทั้ง 2 เล่ม

นอกเหนือจาก 2 เล่มแล้ว ผมต้องเรียนบทละครของคุณเขย่าหอกหรือ เช็กสเปียร์ คือ แฮมเล็ต, แม็คเน็ธ, เฮนรี่ เดอะ ฟอร์ท ส่วนแรก ฯลฯ นวนิยายถูกให้อ่านหลายเรื่อง เช่น ของเจมส์ จอยส์ พอร์ทเทรท ออฟ ดิ อาร์ติส แอส อะ ยัง แบน เรียนที่นิวซีแลนด์ก็ต้องอ่านนิยายของนักเขียนหญิงที่ชื่อเจเนต เฟม เรื่อง Owls Do Cry ฯลฯ

ผมอ่านทะลุปรุโปร่ง ทวนแล้วทวนอีก เพราะรู้ว่า นักเรียนกว่าครึ่งชั้นไม่ว่าฝรั่งหรือต่างชาติสอบตกกันคนละปี 2 ปี

ผมสอบครั้งเดียวผ่าน แม้ว่าสอบในโรงเรียนตกแล้วตกอีก แต่สอบของกระทรวงศึกษา ผมผ่านแบบสบายๆ คะแนนเกินเกณฑ์ไปเยอะ

เหตุผลส่วนหนึ่งก็ว่าผมแอบไปอ่านหนังสือนอกเวลา โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ ผมอ่านหนังสือที่นักศึกษาปีหนึ่งเขาเรียนกัน วิชาประวัติศาสตร์ก็เอาตำราปีหนึ่งมาเรียน

โรงเรียนมัธยมคัดค้านไม่ยอมให้ผมเข้ามหาวิทยาลัยเพราะไม่เชื่อว่าผมมีความพร้อมที่จะเรียนจนจบได้ แต่ผมกลัวว่าทางบ้านเสียเงิน ก็ไปเรียนเลย และไม่เห็นมีปัญหา ปีสองผมยังเรียนกับครูซึ่งเคยสอนผมเลย

ผมคิดว่าทุกวันนี้จินตนาการในการอ่านสำคัญมาก

ผมจึงเห็นว่าถ้าอ่านแฮรี่ พอตเตอร์ แล้วมีจินตนาการก็ควรส่งเสริมให้อ่านกัน

เพราะว่าสังคมไทยนั้น เราอ่านหนังสือกันน้อยมาก

เด็กไทยเลือกดูทีวี ซึ่งทำให้สมองขาดจินตนาการ

สื่อทีวีเป็นสื่อ “เย็น” ตามนัยของมาร์แชล แมคคลูฮาน ซึ่งกล่าวว่าเป็นสื่อที่สมองไม่ทำงานด้านความคิด

คือ “ทีวีคิดให้” ส่วนคนดูแค่ “เสพ” เท่านั้น

แต่ทีวีไทยให้เราเสพเสียงกรีดร้องจากนางมารร้ายตัวอิจฉา แม้พระเอกทำหน้าบึ้งตึงพร้อมด่าว่านางเอกได้ทุกเมื่อ

ตัวนางมารร้าย พร้อมจะปล้ำร่วมเพศสังวาสกับพระเอกเอามาเป็นผัวให้ได้ก่อนนางเอก

พระเอกก็มักจะโง่บัดซบ ซื่อบื้อ ขาดความเป็นลูกผู้ชาย ติดแม่ และมักจะเขลาเบาปัญญา

พวกคนใช้ก็พอๆ กัน พร้อมจะยกครกปาสากกะเบือใส่หัวนางเอกได้ทุกวัน

นี่คืออิทธิฤทธิ์ที่สื่อทีวียัดเข้าสมองเด็กไทยให้ดูกัน

แต่แฮรี่ พอตเตอร์ กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของโลกหนังสือและกลายมาเป็นหนังสือที่มีลักษณะ Globalized ในอุตสาหกรรมการขาย, การตลาด และการอ่านไปแล้ว

เล่มล่าสุดเป็นตอนสุดท้ายแล้วคือตอน Harry Potter and the Deathly Hallows นอกจากจะขายดิบขายดีแล้ว ยังช่วยให้สินค้าต่อเนื่องพลอยขายได้ดีด้วย

แน่นอนว่าสื่อทั่วโลกมีส่วนมากในการขยายผล

นักวิเคราะห์กล่าวว่าเล่มที่ 5 และเมื่อเป็นภาพยนตร์คือเรื่อง Harry Potter and the Order of the Phoenix นั้น ทำให้เกิดความต้องการในแง่ยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คือขายได้ทั่วโลก 1ล้าน 2แสน เล่ม

ขณะที่เล่มล่าสุดแค่ออกมาไม่กี่วัน ขายไปแล้ว 850,000 เล่ม

บริษัทหนังสือซึ่งมีเครือข่าย 1,200 แห่ง 42 แห่งในอังกฤษและ อีก 25 แห่งในเอเชีย-แปซิฟิกเป็นคนรายงานถึงยอดขายข้างต้นนะครับ

ในอเมริกามีการให้ส่วนลด 40 เปอร์เซ็นต์ โดยขายเล่มละ 940 บาท

กิจกรรมของร้านหนังสือบางแห่งก็จัดขึ้นเพื่อรองรับผู้ซื้อด้วย

เพราะอะไรหรือครับ

ก็เพราะคิวรอซื้อมันยาวไงครับ

ก็ต้องมีกิจกรรมมารองรับ


เขากล่าวถึงผู้อ่านรายหนึ่งคือคุณเสลด (ชื่อค่อนข้างน่าอ๊วก) แกอายุ 43 แล้ว คนนี้อยู่ในวงการธุรกิจคอมพิวเตอร์ แกรอมาซื้อไม่ไหว เลยซื้อหนังสือประเภท “ช่วยตัวเอง” ทางด้านธุรกิจไป 2 เล่ม และแฮรี่ พอตเตอร์เล่มล่าสุดไป 1 เล่ม

อีกคนคือจอร์จ นักศึกษาที่จอร์จทาวัน ยูนิเวอร์ซิตี้ พร้อมเพื่อนๆ คอยคิวที่บาร์น & โนเบิ้ลในวอชิงตัน ดี.ซี. จอร์จไม่ได้ซื้อ แฮรี่ พอตเตอร์ แต่เพื่อนๆ ก็แนะนำ แต่เขากลับซื้อหนังสือประเภทเขย่าขวัญไป 3 เรื่องแทน

ในอังกฤษที่พิคคาดิลลี่ เซอร์คัส ร้านวอเตอร์สโตน บอกว่ามีคนหลายพันมารอแบบออกันอยู่ ตั้งแต่เที่ยงคืนเพื่อซื้อหนังสือ ถนนเบียดเสียดไปด้วยนักอ่าน มีอยู่หลายคนแต่งกายเลียนแบบตัวละครในหนังสือด้วย

ในร้านเองก็แต่งให้เหมือนห้องอาหารฮอคเวิร์ท เหมือนหนังสือที่เขียนไว้

ร้านได้แจกแผ่นปลิว “ชีวิตหลังแฮรี่ พอตเตอร์” โดยแนะนำหนังสือเล่มอื่นๆ ในแนวแฟนตาซี แต่มันไม่ช่วยยอดขายหนังสือเหล่านั้นเลย

แต่เจ้าของร้านหวังว่า แฟนๆ ที่ได้รับแผ่นปลิวไปคงกลับมาซื้อหนังสืออื่นๆ ในโอกาสหน้า


ในเอเชียก็มีแฟนเยอะครับ เวลานี้มีแต่ภาคภาษอังกฤษที่ตีพิมพ์ แต่คาดว่าต่อไปภาษาอื่นๆ ก็คงมีแปลออกมา

ร้านหนังสือในโตเกียว และปักกิ่งธุรกิจขายยังถือว่าไม่มาก

แต่สิงคโปร์มีแฟนนับ 1,000 คน ไปรอซื้อกัน

ฮ่องกงก็มีคนไปเข้าคิวกันยาว แต่คาดว่าเป็นช่วงโรงเรียนหยุด และนักเรียนไปเที่ยวกันหมด แต่ร้านใหญ่คิดว่าจะขายได้นับพันเล่มขึ้นไป

เกาหลีใต้ก็ขายดี ร้านหนังสือเกียวโบ ขายได้ถึง 7,500 เล่มในแค่วันหยุดปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้รวมที่สั่งจองไว้ด้วย โดยหัวหน้าฝ่ายหนังสือต่างประเทศกล่าวว่าเป็นช่วงสุดสัปดาห์ที่ยุ่งสุดๆ

ครับ.... ประเทศไทยเราก็เป็นแฟนแฮรี่ พอตเตอร์ก็มาก และมีขายที่เอเชียบุ๊คทุกสาขาแหละครับ ป่านนี้คงขายไปได้หลายพันเล่มแล้วครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น