xs
xsm
sm
md
lg

"สุรยุทธ์"ลั่นจัดการม็อบถ่อย-ศาลไต่สวนหมายจับ"9 แกนนำ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"สุรยุทธ์"นำครม.ให้กำลังใจ"ป๋าเปรม" ถึงบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ประกาศเด็ดหัวม็อบเถื่อนขั้นเด็ดขาด ฐานด่าป๋าถึงหน้าบ้าน เผยป๋าไม่เครียด ไม่โกรธ ยืนยันไม่ใช่คนอยู่เบื้องหลังรัฐประหาร แปลกใจม็อบสุดหยาบคาย ด้านประธานคมช. จี้สื่อรัฐทำข่าวให้เป็นข่าว กล้าแพร่ภาพความจริงที่เกิดขึ้น "สพรั่ง"ประกาศ กร้าว ต่อไปจะไม่อะลุ้มอะล่วยให้กับม็อบถ่อย จนต้องมานั่งเสียใจอีกแล้ว ลั่นไม่ยอมให้อำนาจเก่าทิ้งไพ่ใบสุดท้ายเด็ดขาด ขณะที่ศาลอาญาเปิดไต่สวนหมายจับ 9 แกนนำม็ฮบ หลังตำรวจ เสนอหลักฐาน พยานยันทำความผิดชัดเจน

เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (24ก.ค.) ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะรัฐมนตรีทั้งคณะนั่งรถบัสของกองบัญชาการทหารสูงสุด เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ หลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับกลุ่มม็อบคนรักทักษิณ หรือ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่หน้าบ้านสี่เสา เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา

ภายหลังการเข้าพบประมาณ ครึ่งชั่วโมง พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ ว่า ก็มากราบเรียนท่าน ท่านก็ให้ข้อคิดเห็นที่ครม.ส่วนใหญ่ได้มาพบท่าน และท่านได้บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นท่านไม่ได้เครียด เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น

"เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ท่านเองก็ไม่ได้รู้สึกโกรธกับผู้กระทำ แต่ในส่วนของพวกผม และครม.ที่มาในวันนี้ ก็มาเพื่อที่จะได้ให้กำลังใจท่าน แต่ท่านก็บอกว่า ท่านมีกำลังใจ นั่นก็เป็นสิ่งที่ดี คิดว่าการที่ครม.ได้มาเข้าพบในวันนี้ ก็จะเป็นโอกาสอันดีที่ครม.ทั้งหมดได้มาพบกับท่านประธานองคมนตรีในวาระอันเดียวกัน" พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่านให้คำแนะนำในเรื่องทั่วไปว่าอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ท่านไม่ได้ให้คำแนะนำ และไม่ได้ฝากแนวทางอะไรในการเจรจากับกลุ่มม็อบ ท่านบอกเพียงว่า ขอให้ครม.รับหน้าที่ที่จะนำชาติบ้านเมืองกลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ที่มาจากการเลือกตั้งให้ได้ตามที่มุ่งหวังไว้

**รับปากจะดำเนินการตามกม.ถึงที่สุด
ทั้งนี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรี และคณะจะเข้าเยี่ยมพล.อ.เปรมนั้น นางกัญจนา สปินเลอร์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ร่างแถลงการณ์ เพื่อให้นายกรัฐมนตรี นำไปกล่าวต่อหน้า พล.อ. เปรม โดยมีข้อความระบุว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมาได้มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม ที่มีความขัดแย้งทางการเมือง และสูญเสียผลประโยชน์ได้ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้อง กล่าวหา กล่าวพาดพิง โจมตี ใส่ร้ายป้ายสี พล.อ. เปรม อย่างต่อเนื่อง กลุ่มดังกล่าว มีเจตนาที่จะทำลายสถาบันเบื้องสูงที่อยู่คู่ประเทศไทย และเป็นที่พึ่งของประชาชน เพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง

การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ของชาติไทยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2475 เป็นต้นมา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปี 2540 และรัฐธรรมนูญปี 2550 ฉบับที่กำลังจะลงมติกันในเร็ว ๆนี้ ได้มีบทบัญญัติชัดเจนว่า พระมหากษัตริย์ทรงเลือก และทรงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานองคมนตรี และองคมนตรีอื่นอีกไม่เกิน 18 คน ประกอบเป็นคณะองคมนตรี ซึ่งมีหน้าที่ถวายความต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่ทรงปรึกษา คณะองคมนตรีจึงถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของสถาบันเบื้องสูง

การที่พล.อ.เปรมได้รับสนองพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานองคมนตรี ถือเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถเป็นคนดี มีคุณธรรม และจริยธรรม เป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งที่ได้ทำงานเสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด การกระทำของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองได้กระทำการอันจาบจ้วง ทั้งที่สนามหลวง และเดินมากล่าวให้ร้ายป้ายสีที่บริเวณหน้าบ้านพักของท่าน จนเกิดการจลาจลขึ้นเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา จึงเป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง

รัฐบาลได้ประชุมหารือกับหน่วยความมั่นคงแล้วเห็นว่า จะต้องใช้มาตรการที่เด็ดขาดทางด้านกฎหมายดำเนินการต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว กับทั้งกราบขออภัยต่อ ฯพณฯ ที่มาตรการในการดูแลยังหย่อนไม่รัดกุม โดยจะป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก และรัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินการทุกวิถีทางที่จะนำความผาสุกปรองดองให้กลับมาสู่พี่น้องประชาชนคนไทยให้เร็วที่สุด พร้อมกันนี้ให้ท่านเป็นมิ่งขวัญและหลักชัยให้พวกผมและชาติบ้านเมืองตลอดไป

ร.อ. น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการเข้าพบ พล.อ.เปรม ว่า ประธานองคมนตรีได้กล่าวขอบคุณนายกฯ และครม.ทุกท่านที่มาให้กำลังใจ ซึ่งพล.อ.เปรม กล่าวว่า ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดีมาก และเข้าใจว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นความบกพร่องของรัฐบาล เพราะไม่มีใครคาดคิดว่ากลุ่มม็อบจะกระทำเช่นนั้น

ทั้งนี้ ประธานองคมนตรียังได้กล่าวถึงการที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวมาพูดบริเวณหน้าบ้านของท่านว่า ถือเป็นการใช้คำพูดที่ค่อนข้างหยาบคายหลายครั้ง และใช้ลักษณะการพูดในเชิงของการยั่วยุ ท้าทาย และมีการกล่าวหาท่านในประเด็นต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นเท็จ และเป็นเรื่องที่ซ้ำซาก โดยเฉพาะคำกล่าวหาที่ว่าท่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ ท่านก็ยืนยันว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเท็จ และเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงโดยกลุ่มดังกล่าวค่อนข้างซ้ำแล้วซ้ำอีก

**ให้ทีวีแพร่ภาพม็อบถ่อยทำร้ายตร.
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงการหารือนอกรอบ ระหว่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคมช.และครม.ถึงเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น ว่า พล.อ.สนธิ ไม่ได้พูดถึงความจำเป็นที่อาจต้องนำ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินมาใช้ แต่ก็ได้พูดชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า จะต้องดำเนินการให้เรียบร้อย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ดี เมื่อเกิดสภาพเช่นนั้นก็ต้องแก้ไขให้เรียบร้อย

นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือนอกรอบกับ พล.อ.สนธิ ว่า ที่ประชุมเห็นว่า ควรเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ให้ประชาชนได้รับทราบว่า ผู้ชุมนุมได้แสดงพฤติกรรมป่าเถื่อนอย่างไร ได้ทำร้ายตำรวจอย่างไร เนื่องจากไม่ใช่ว่าตำรวจทำร้ายผู้ชุมนุม

"วันนั้นจะเห็นว่าตำรวจมีเพียงโล่ ไม่มีกระบองเลย แต่ผู้ชุมนุมกลับใช้ความรุนแรง ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่เหมาะสม จ้าบจวงเช่นนั้น ประชาชนจะได้เห็น"

ส่วนการไปพบเพื่อให้กำลังใจ พล.อ.เปรมนั้น ครม.เห็นพ้องกันว่า น่าจะไปเยี่ยมคาวระและให้กำลังใจท่าน รวมทั้งแสดงความรับผิดชอบด้วย ขณะเดียวกันก็จะสร้างความเชื่อมั่นการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องคนดีที่มีคุณูปการต่อประเทศ หากบุคคลอย่างพล.อ. เปรม ยังไม่มีใครปกป้อง แล้วรัฐบาลจะปกป้องคนอื่นได้อย่างไร

"การไปเยี่ยมคารวะพล.อ.เปรมในครั้งนี้ มันเป็นสัญญาณว่า เราจะต่อสู้กับคนโกงบ้านเมืองโดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และเฉียบขาด" นายธีรภัทร์ กล่าว

**"สพรั่ง"ลั่นต้องจัดการขั้นเด็ดขาด
พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ให้สัมภาษณ์รายการ"สภาท่าพระอาทิตย์”" ทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี ว่า เรารู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ที่ผ่านมา เราเป็นผู้ดี อะลุ้มอะล่วย กับพวกเขามามากแล้ว ทั้งๆ ที่คนพวกนี้ได้ละเลยเรื่องความสงบเรียบร้อย วัฒนธรรมอันดี เหมือนกับเราตามใจเด็กจนเหลิง จนบัดนี้ต้องมานั่งเสียใจในภายหลังว่าทำไมมันเป็นเด็กเลวแบบนี้

พล.อ.สพรั่ง ยอมรับว่า ที่ผ่านมา ทางรัฐบาล และ คมช. มีความระมัดระวังภาพพจน์ในสายตาของต่างประเทศในระดับสากลมากเกินไป และไม่อยากให้เกิดความรุนแรง จนบางครั้งลืมไปว่า แม้ประเทศที่มีประชาธิปไตยเต็มที่เวลาเข้าสลายการชุมนุมก็จะดำเนินการอย่างรุนแรงกว่าเราหลายเท่า

"บางครั้งเรากลัวเข้าทางฝ่ายโน้นจนเราต้องมาเสียใจในวันนี้ ทั้งที่เรามีความชอบธรรมยิ่งกว่าชอบธรรมในการดำเนินการ"

พล.อ.สพรั่ง ระบุว่า ในการประชุมครม.นอกรอบ ประธาน คมช. จะหยิบยกเรื่องการขอความร่วมมือกับสื่อของรัฐให้เผยแพร่ข่าวสารหรือภาพในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเหมาะสมเป็นจริงให้มากกว่านี้

"เวลานี้หลายคนรักนวลสงวนตัวมากเกินไป บ้านเมืองจึงเป็นแบบนี้ แต่ต่อไปนี้เราจะไม่ยอมให้ใครกำเริบเสิบสานหรืออันธพาลครองเมือง หรือเราจะไม่ยอมให้ฝ่ายโน้นทิ้งไพ่ใบสุดท้ายเป็นอันขาด เพราะถ้าทำคนๆนั้นก็จะลงนรก" พล.อ.สพรั่ง กล่าว

**จวกม็อบให้ข่าวบินเบือนทำลายชาติ
น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ ประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณี กลุ่มม็อบจะฟ้องสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่าตำรวจทำร้ายประชาชนในการสลายการชุมนุม ว่า เรื่องนี้ตนสังเกตมาตั้งแต่ต้นว่า แกนนำม็อบมักมีการปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้มีการนำเสนอข่าวไปทั่วโลก และหากทั่วโลกไม่ได้ติดตามข่าวอย่างละเอียดก็อาจจะเชื่อ ดังนั้น เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐที่จะต้องติดตามแก้ไขหรือชี้แจงข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม การที่จะไปฟ้องยูเอ็นนั้น ทางยูเอ็น ก็มีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย ดังนั้น มั่นใจว่ายูเอ็น ทราบข้อเท็จจริง

"เรื่องอย่างนี้ อย่าไปทำลายประเทศไทยให้มากมายก่ายกองไปกว่านี้เลย อยากจะขอร้อง เพราะหากทำกันอย่างนี้ถือว่าทำลายประเทศตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องจริง แล้วไปบิดเบือน ผมถือว่ามีส่วนทำลายประเทศของเราเอง ไม่สมควร" น.ต.ประสงค์ กล่าว

น.ต.ประสงค์ ยังเชื่อด้วยว่า เหตุการณ์รุนแรงที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เป็นเพียงการทดสอบอำนาจรัฐและเป็นการนำผลจากเหตุการณ์วันนั้นไปทบทวนเพื่อแก้ไข และคงจะมีการทำอะไรที่รุนแรงมากขึ้น ดังนั้นหากฝ่ายรัฐบาลและทหารจะต้องประเมินสถานการณ์ให้ดี ว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นยังไม่ยุติ และจะรุนแรงขึ้นอีก และเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์ณ์รุนแรงอีกหลายครั้งจนกว่าจะถึงวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ วันที่ 19 ส.ค.นี้

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. กล่าวว่า ได้มอบหมายให้เจ้ากรมข่าวทหาร ประสานสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารไทย ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศที่ประจำอยู่ในประเทศไทย เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่ามีความเป็นมาอย่างไร เพราะถ้าเราชี้แจงไม่ดี ต่างประเทศจะคิดในเบื้องต้นก่อนว่าอำนาจรัฐทำร้ายประชาชน แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น

** ประนาม"จรัล"ไม่รู้จักบุญคุณ
นพ.ประดิษฐ์ เจริญไทยทวี รักษาการ กก.สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้กล่าวประณาม นายจรัล ดิษฐาอภิชัย รักษาการกก.สิทธิฯอย่างรุนแรง ที่เข้าไปมีบทบาทเป็นแกนนำการชุมนุม และร่วมอยู่ในเหตุการณ์ความวุ่นวาย ทั้งที่ ตามกฎหมายของคณะกก.สิทธิฯ บอกไว้ชัดเจนว่า บุคคลที่เป็นกก.สิทธิฯ ต้องวางตัวเป็นกลาง รวมทั้งต้องไม่กระทำที่ขัดขวางการทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง แต่นายจรัล กลับแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา ทำให้กก.สิทธิฯคนอื่นๆรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก

นพ.ประดิษฐ์ กล่าวว่า บรรดาแกนนำของกลุ่มม็อบ ส่วนใหญ่เคยออกมาจากป่ากันทั้งนั้น ขณะเดียวกัน พล.อ.เปรม ก็เคยทำงานรับใช้บ้านเมืองอย่างเต็มที่ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และคนพวกนี้ก็ออกมาจากป่าในยุคที่ พล.อ.เปรม เป็นนายกฯ

"คุณจรัล ต้องระวัง เพราะ พล.อ.เปรม เป็นผู้ใหญ่ เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย โปรดเกล้าฯ เป็นประธานองคมนตรี ผมขอประณามคุณจรัล ที่ออกมาเคลื่อนไหวแบบนี้ ถือว่าไม่รู้จักบุญคุณของแผ่นดิน"

เมื่อถามว่า จะมีการเสนอให้ปลดพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ นพ.ประดิษฐ์ กล่าวว่า ไม่ขอพูด แต่มีกฎหมายดำเนินการอยู่แล้ว

"ผมเป็นห่วงบ้านเมือง เพราะมีพรรคบางพรรค และคนบางคนมีเจตนาต้องการให้บ้านเมืองปั่นป่วน ให้เศรษฐกิจตกต่ำ ต้องการทำลายบ้านเมือง เพื่อให้บางพรรคและตัวเองจะได้กลับมาครองอำนาจ ครองบ้านเมืองต่ออีกครั้งหนึ่ง" นพ.ประดิษฐ์ กล่าว

**ศาลไต่สวนหมายจับ9 นปก.
เวลา 14.45 น. วันเดียวกันนี้ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พล.ต.ต.เจตต์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีม็อบนปก. ใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ ก่อเหตุความวุ่นวายหน้าบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับ 9 แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ประกอบด้วย นายวีระ มุกสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธ์ , นายจักรภพ เพ็ญแข ,นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ,นพ.เหวง โตจิราการ ,นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ,พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย ,นายจรัล ดิษฐาอภิชัย และนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ผู้ต้องหาที่ 1-9 ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาสั่งการหรือยั่วยุปลุกระดมให้กลุ่มบุคคลกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน โดยมีพยานหลักฐานยืนยันการกระทำความผิด ประกอบด้วย คำให้การพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ความวุ่นวาย มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไประงับเหตุ และประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ รวมทั้งภาพนิ่ง ภาพวิดีโอจำนวนหนึ่ง มายื่นต่อศาล

**อดีตผู้พิพากษาสายทักษิณซักค้าน
อย่างไรก็ตาม นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา หนึ่งในแกนนำม็อบ นปก. และผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ เดินทางมาพร้อมกับคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของ นปก.ประมาณ 4-5 คน เพื่อมายื่นคำร้องต่อ นางจิรวรรณ สุญาณวนิชกุล อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อขอซักค้านพยานของพนักงานสอบสวนดังกล่าว โดย ตนต้องการมาใช้สิทธิทางศาล ในฐานะที่จะต้องตกเป็นผู้ต้องหา เพื่อซักค้านพยานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ศาลได้ทราบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายโดยละเอียดทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัย และมีคำสั่งคำร้องดังกล่าวได้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

**เปิดศาลไต่สวนหมายจับ
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายวิชัย ช้างหัวหน้า รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา ออกนั่งบัลลังก์ ไต่สวนคำร้องขออนุมัติหมายจับ 9 แกนนำม็อบ โดย พล.ต.ต.เจตต์ ขึ้นเบิกความสรุปว่า สาเหตุที่ต้องขออนุมัติหมายจับ คือ ผู้ต้องหาทั้งหมดมีหน้าที่สั่งการปลุกระดมมวลชนให้เดินทางจากท้องสนามหลวง ไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งไม่ได้เป็นการชุมนุมด้วยความสงบและปราศจากอาวุธ ตามที่รัฐธรรมฉบับชั่วคราวปี 2549 ให้สิทธิไว้ 2.การชุมนุมไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เพราะมีการปราศรัยด้วยถ้อยคำหยาบคาย รุนแรง เพื่อประสงค์ให้พล.อ.เปรม ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งตำแหน่งประธานองคมนตรี ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามพระราชอัธยาศัย มีหน้าที่ให้คำปรึกษาพระมหากษัตริย์ องคมนตรีไม่ถือเป็นองค์กรใดๆ การขับไล่องคมนตรีจึงไม่ได้เป็นการเรียกร้องทางประชาธิปไตย

3.ตั้งแต่ผู้ชุมนุมรวมตัวกันเป็น นปก. มีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายหลายเรื่อง มีการดำเนินคดีมากถึง 14 คดี 4.มีการชุมนุมโดยไม่สงบ มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ เฉพาะตำรวจนครบาล 165 นาย
6.มีการปิดถนนตั้งแต่การเดินขบวนจนถึงแยกพล 1 – บ้านสี่เสาเทเวศร์ ทำให้ประชาชนในระหว่างนั้น และประชาชนที่ต้องการสัญจรไปมาได้รับความเดือดร้อน

ภายหลัง พล.ต.ต.เจตน์ เบิกความแล้วเสร็จศาลเปิดโอกาสให้ทีมทนายความนายมานิตต์ ซักค้านพยานจนเสร็จสิ้นแล้ว พล.ต.ต.นิพนธ์ ภุมรินทร์ รอง ผบช.น. พยานปากที่สอง เบิกความ ยืนยันการกระทำความผิด จนนำไปสู่การชุลมุนและสลายการชุมนุม ภายหลังศาลไต่สวน พล.ต.ต.นิพนธ์ เสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนพยานผู้ร้องอีก 5 ปาก ในวันนี้ (25 ก.ค.) เวลา 09.00 น.

**ส่งตัวแก๊ง"นพรุจ"ขังเรือนจำ
พ.ต.ท.นิตย์ น้อยนา พนักงานสอบสวน สบ.3 สน.สามเสน ควบคุมตัว นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล นายบรรธง สมคำ ม.ล.วีระยุทธ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา นายสราวุฒิ หลงเส็ง นายวีระศักดิ์ เหมธุริน และ นายวันชัย นาพุทธา 6 ผู้ต้องหา ยื่นขอฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 30 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติและการต้องโทษของผู้ต้องหา พร้อมขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา

ต่อมาญาตินายนพรุจ นายสราวุฒิ และนายวันชัย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 1 แสนบาท ขอประกันตัว โดยศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี และการกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นหนึ่งในหัวหน้ากลุ่มที่ร่วมกันปลุกระดม จนนำไปสู่ความวุ่นวาย ตลอดจนมีการทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งปฎิบัติการตามหน้าที่ บ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ไม่มีความคิดยำเกรง หรือเคารพและเกรงกลัวต่อกฎหมาย หากปล่อยตัวชั่วคราว อาจหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน รวมทั้งกระทำความผิดก่อเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีก จึงให้ยกคำร้อง จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
กำลังโหลดความคิดเห็น