เช้าวานนี้ (18 ก.ค.) ตำรวจ สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้สนธิกำลังทหารพรานที่ 41 และชุดเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 33 พร้อมอาวุธปืนครบมือกว่า 100 นาย กระจายกำลังเข้าปิดล้อมบ้านพักผู้ต้องสงสัย 4 หลังที่ปลูกสร้างอยู่เชิงเขาหลังหมู่บ้านซือเลาะ ม.4 ต.เรียง อ.รือเสาะ ซึ่งเป็นแหล่งซ่องสุมกบดานของกลุ่มแกนนำอาร์เคเค และเป็นสถานที่ฝึกอาวุธให้กับกลุ่มสมาชิกแนวร่วม
ระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าโอบล้อมเพื่อบีบพื้นที่ กลุ่มสมาชิกแนวร่วมอาร์เคเค ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนมในหมู่บ้าน เห็นเจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านพัก 4 หลังทราบ และใช้อาวุธปืนสงครามเปิดฉากยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่อย่างดุเดือดเป็นระลอกๆ นานกว่า 30 นาที เมื่อทราบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าสนับสนุนกลุ่มคนร้ายจึงได้พากันล่าถอยไป
เมื่อเข้าตรวจสอบบ้านพักทั้ง 4 หลัง พบมีรอยเลือดของคนร้ายตกอยู่และหยดเป็นทางยาวหายเข้าไปในเส้นทางที่มุ่งสู่เทือกเขา เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลัง 1 ชุดปฏิบัติการสะกดรอยตาม แต่ไม่พบจึงได้ถอนกำลังกลับ และจากการตรวจสอบภายในบ้านพักสามารถตรวจยึดของกลางได้ 22 รายการ อาทิ บัตรประชาชน 5 ใบ รถจักรยานยนต์ 5 คัน อาวุธปืนสงครามพร้อมกระสุนอีกจำนวนมาก ตรวจสอบบริเวณรอบบ้านพักทั้ง 4 หลัง พบว่า บ้านแต่ละแห่งมีการปรับพื้นที่ใช้เป็นสถานที่ฝึกอาวุธและใช้เป็นสนามฝึกซ้อมยิงปืน รวมทั้งด่านฝึกความอดทน
จากการตรวจสอบหลักฐานจากบัตรประชาชน ทราบว่า ในจำนวนกลุ่มคนร้ายที่เปิดฉากยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ คือ นายอิบรอเฮง ลีเกียะ อายุ 33 ปี หัวหน้าแกนนำกลุ่มอาร์เคเค มีรางวัลนำจับ 5 แสนบาท ส่วนอีก 4 คน เป็นครูฝึกยุทธวิธีด้านการรบแบบกองโจร และมีความชำนาญด้านจิตวิทยาแฝงตัวปลุกระดมชวนเชื่อให้เยาวชนหลงผิดเข้ามาเป็นแนวร่วม คือ นายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ อายุ 28 ปี นายนาแว สะระ อายุ 67 ปี นายบอรอเฮง กาซอ อายุ 31 ปี และนายซูลัยมาน สือเต๊ะ อายุ 20 ปี ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.รามัน จ.ยะลา
ด้าน พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒนเพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมืองยะลา เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบวางระเบิด ในเขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ว่า เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลัง ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 5 จุดย่านชุมชนตลาดเก่าเขตเทศบาลนครยะลา โดยสามารถยึดรถจักรยานยนต์ได้ 2 คัน พร้อมวัตถุระเบิดจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังได้ตรวจสอบบุคคลผู้ต้องสงสัยในทางลับพบว่า ผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 3 คน โดยคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกัน 2 คันและจอดรถที่ซุกระเบิดไว้ ก่อนจะนั่งรถจักรยานยนต์อีกคันหลบหนีไปอีกเส้นทาง ส่วนผู้ที่คอยกดรีโมทคอนโทรล คาดว่าอยู่ในบริเวณจุดเกิดเหตุไม่เกิน 100 เมตร
"ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เปิดดูโทรทัศน์วงจรปิดในที่เกิดเหตุแล้ว พบมีภาพของคนร้ายที่นำระเบิดไปวางแล้วค่อนข้างชัดเจน ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเพื่อสเกตซ์ภาพในการติดตามหาตัวมาดำเนินคดี คาดว่าอีกไม่กี่วันจะสามารถออกหมายจับได้ ส่วนรถคันที่คนร้ายนำมาก่อเหตุตรวจสอบพบว่าถูกแจ้งหายไว้ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.47 โดยหายจากลานจอดรถภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา สำหรับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้เชื่อว่าอยู่ในเครือข่ายเดียวกับกลุ่มนายมะแอ อภิบาลแบ แกนนำกลุ่มอาร์เคเค ที่มีข่าวหลบหนีจากพื้นที่ อ.บันนังสตา เข้ามาอยู่ในพื้นที่ อ.เมืองยะลา"
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ในส่วนของหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้นในการทำงาน อย่างเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ จ.ยะลา ได้มีการโทรศัพท์เข้ามาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ จากนั้นจึงเข้าไปในพื้นที่พร้อมกับสื่อมวลชน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีเจตนาที่จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าเหตุร้ายยังคงมีอยู่ ซึ่งเราต้องระมัดระวังให้มากขึ้นในการทำงาน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิด และไม่มีใครทราบว่าระยะที่ปลอดภัยควรจะอยู่ระดับไหน เพราะไม่ทราบว่า ปริมาณของระเบิดที่มีอยู่จะครอบคลุมบริเวณกว้างแค่ไหน ทางที่ดีที่สุด คือ จะต้องอยู่ให้ไกลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องเข้าไปดูแล
นายกรัฐมนตรี บอกด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางหน่วยปฏิบัติงานได้รายงานมาแล้วว่า เป็นฝีมือของกลุ่มใด ส่วนสถานการณ์จะทวีความรุนแรงขึ้นเพื่อตอบโต้ฝ่ายรัฐที่ทำการกวาดล้างหรือไม่คงต้องติดตามต่อไปว่าฝ่ายรัฐจะสามารถควบคุมพื้นที่และทรัพยากรต่างๆ ได้มากน้อยเพียงใด ถ้าฝ่ายปฏิบัติสามารถเข้าไปดูแลพื้นที่ได้ดีขึ้น มีผู้ให้ความร่วมมือ ให้ข้อมูลข่าวสารเพิ่มขึ้น และเราสามารถควบคุมอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการก่อการร้ายได้ดีขึ้น ก็จะเป็นคำตอบว่า เหตุการณ์รุนแรงจะลดลงหรือมีเพิ่มขึ้น
"วันนี้ ผมได้เชิญเยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยที่สหรัฐฯ เข้ามาพูดคุย และคิดว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานของเรา จำเป็นที่จะต้องต่อยอดทางความคิดของเยาวชนเหล่านั้นในการใช้อุปกรณ์ทางเทคนิคเข้ามามีส่วนช่วย เพื่อที่จะช่วยชีวิตของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเข้าไปเก็บกู้วัตถุระเบิดให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายรัฐก็จะนำมาทำเองและนำไปใช้ได้"
เมื่อถามว่า นอกจากแนวความคิดการนำหุ่นยนต์ติดกล้องมาใช้จะมีการนำเทคโนโลยีอื่น ๆ มาใช้อีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องการกู้ภัย เรามีเครื่องมือที่จะนำไปใช้ได้พอสมควร เช่น การทำลายวัตถุระเบิดระยะไกล แต่ในการเข้าไปตรวจสอบเบื้องต้น เรายังไม่มีเครื่องมือ ดังนั้น หุ่นยนต์บังคับที่จะนำมาใช้ จะทำการติดกล้องขนาดเล็กไว้ด้วย จะทำให้สามารถมองภาพจากกล้องได้ว่า รถยนต์ที่นำมาจอดนั้นมีอะไรที่ผิดสังเกตบ้าง เพื่อเป็นการลดการสูญเสียของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนจะพยายามนำเรื่องนี้เข้าไปช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ได้
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) กล่าวถึงกรณีคนร้ายใช้ระเบิดแรงดันต่ำลวงเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ และใช้รีโมทรถยนต์กดระเบิดซ้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นยุทธวิธี ซึ่งเคยเตือนเสมอว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น อย่าผลีผลามเข้าต้องระมัดระวังและระลึกเสมอว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่วิกฤต ไม่เหมือนเหตุการณ์ปกติทั่วไป การจะเข้าไปทำงานต้องคำนึงด้านยุทธวิธีด้วย
ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รักษาการแทน ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แถลงการณ์ ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อทำงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ว่า ได้ชันสูตรศพ นายซาการียา ปะโอะมานิ แกนนำคนสำคัญที่ก่อเหตุในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่เสียชีวิตขณะเจ้าหน้าที่นำตัวไปสอบสวน ซึ่งจากการผ่าศพนายซาการียา ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามทำให้เสียชีวิต แต่ในขณะเดียวกันได้พบบาดแผลรอยช้ำกลางหน้าอกก่อนการตาย อีกทั้งพบว่า ยานพาหนะที่นำนายซาการียา มาถูกยิงถล่มตกลงข้างทาง ในเบื้องต้น แจ้งให้ทางแม่ทัพทราบถึงสาเหตุการตาย คือ ถูกยิงเสียชีวิตและพบร่องรอยการกระแทกที่อาจจะเกิดจากการถูกซ้อม
"ส่วนการก่อเหตุยิงถล่มนั้นคาดว่า 1. เจ้าหน้าที่รัฐฆ่า อย่างไรก็ตาม มองว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็อาจจะไม่ถูกต้องมากนัก เพราะรถคันนั้นตกข้างทางทั้งหมด 2. การฆ่าตัดตอน ซึ่งไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะน่าจะมีการฆ่าเจ้าหน้าที่ด้วย 3.มีการซุ่มยิงโดยไม่ทราบว่า นายซาการียาอยู่ในรถด้วย"
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีการฆ่าที่โหดร้ายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทหารที่ถูกระเบิดและมีการยิงซ้ำที่ลูกตา ที่ศีรษะ แต่กรณีล่าสุดที่ อ.บันนังสตา ได้มีการเฉือนอวัยะเพศโดยไม่ได้ตัดออก แต่เป็นการทำลายศพ และมีการทำร้ายประชาชนแบบเดียวกันด้วย
"อยากสะท้อนว่ากรณีดังกล่าวพื้นที่บริเวณก่อเหตุไกลจากบ้านประชาชนเพียง 20 เมตร ซึ่งทั้งการระเบิด การยิง การตัดอวัยวะเพศต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ไม่มีใครออกมาช่วย วันนี้ไม่มีพลเมืองดีเลย เพราะชาวบ้านหวาดกลัวและกระบวนการยุติธรรมคงไม่น่าเชื่อถือจนทำให้คนร้ายเหิมเกริมมาก"
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวอีกว่า ได้ตรวจค้นโรงเรียนอิสลามบูรพา หมู่ 5 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อทำการตรวจสอบดีเอ็นเอ คณะครูและนักเรียนภายในโรงเรียน ซึ่งทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้เข้าไปตรวจทั้งดีเอ็นเอและเขม่าระเบิดโดยใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ และได้ตรวจสถานที่ต่าง ๆ ภายในโรงเรียน โดยมีครูใหญ่และเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยตลอดเวลา สิ่งที่พบคือ เขม่าระเบิด แปลได้ว่ามีวัตถุระเบิดเคลื่อนที่อยู่ในโรงเรียนนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนทำ
ระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าโอบล้อมเพื่อบีบพื้นที่ กลุ่มสมาชิกแนวร่วมอาร์เคเค ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนมในหมู่บ้าน เห็นเจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านพัก 4 หลังทราบ และใช้อาวุธปืนสงครามเปิดฉากยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่อย่างดุเดือดเป็นระลอกๆ นานกว่า 30 นาที เมื่อทราบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าสนับสนุนกลุ่มคนร้ายจึงได้พากันล่าถอยไป
เมื่อเข้าตรวจสอบบ้านพักทั้ง 4 หลัง พบมีรอยเลือดของคนร้ายตกอยู่และหยดเป็นทางยาวหายเข้าไปในเส้นทางที่มุ่งสู่เทือกเขา เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลัง 1 ชุดปฏิบัติการสะกดรอยตาม แต่ไม่พบจึงได้ถอนกำลังกลับ และจากการตรวจสอบภายในบ้านพักสามารถตรวจยึดของกลางได้ 22 รายการ อาทิ บัตรประชาชน 5 ใบ รถจักรยานยนต์ 5 คัน อาวุธปืนสงครามพร้อมกระสุนอีกจำนวนมาก ตรวจสอบบริเวณรอบบ้านพักทั้ง 4 หลัง พบว่า บ้านแต่ละแห่งมีการปรับพื้นที่ใช้เป็นสถานที่ฝึกอาวุธและใช้เป็นสนามฝึกซ้อมยิงปืน รวมทั้งด่านฝึกความอดทน
จากการตรวจสอบหลักฐานจากบัตรประชาชน ทราบว่า ในจำนวนกลุ่มคนร้ายที่เปิดฉากยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ คือ นายอิบรอเฮง ลีเกียะ อายุ 33 ปี หัวหน้าแกนนำกลุ่มอาร์เคเค มีรางวัลนำจับ 5 แสนบาท ส่วนอีก 4 คน เป็นครูฝึกยุทธวิธีด้านการรบแบบกองโจร และมีความชำนาญด้านจิตวิทยาแฝงตัวปลุกระดมชวนเชื่อให้เยาวชนหลงผิดเข้ามาเป็นแนวร่วม คือ นายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ อายุ 28 ปี นายนาแว สะระ อายุ 67 ปี นายบอรอเฮง กาซอ อายุ 31 ปี และนายซูลัยมาน สือเต๊ะ อายุ 20 ปี ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.รามัน จ.ยะลา
ด้าน พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒนเพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมืองยะลา เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบวางระเบิด ในเขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ว่า เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลัง ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 5 จุดย่านชุมชนตลาดเก่าเขตเทศบาลนครยะลา โดยสามารถยึดรถจักรยานยนต์ได้ 2 คัน พร้อมวัตถุระเบิดจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังได้ตรวจสอบบุคคลผู้ต้องสงสัยในทางลับพบว่า ผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 3 คน โดยคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยกัน 2 คันและจอดรถที่ซุกระเบิดไว้ ก่อนจะนั่งรถจักรยานยนต์อีกคันหลบหนีไปอีกเส้นทาง ส่วนผู้ที่คอยกดรีโมทคอนโทรล คาดว่าอยู่ในบริเวณจุดเกิดเหตุไม่เกิน 100 เมตร
"ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เปิดดูโทรทัศน์วงจรปิดในที่เกิดเหตุแล้ว พบมีภาพของคนร้ายที่นำระเบิดไปวางแล้วค่อนข้างชัดเจน ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเพื่อสเกตซ์ภาพในการติดตามหาตัวมาดำเนินคดี คาดว่าอีกไม่กี่วันจะสามารถออกหมายจับได้ ส่วนรถคันที่คนร้ายนำมาก่อเหตุตรวจสอบพบว่าถูกแจ้งหายไว้ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.47 โดยหายจากลานจอดรถภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา สำหรับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้เชื่อว่าอยู่ในเครือข่ายเดียวกับกลุ่มนายมะแอ อภิบาลแบ แกนนำกลุ่มอาร์เคเค ที่มีข่าวหลบหนีจากพื้นที่ อ.บันนังสตา เข้ามาอยู่ในพื้นที่ อ.เมืองยะลา"
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ในส่วนของหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้นในการทำงาน อย่างเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ จ.ยะลา ได้มีการโทรศัพท์เข้ามาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ จากนั้นจึงเข้าไปในพื้นที่พร้อมกับสื่อมวลชน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีเจตนาที่จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าเหตุร้ายยังคงมีอยู่ ซึ่งเราต้องระมัดระวังให้มากขึ้นในการทำงาน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิด และไม่มีใครทราบว่าระยะที่ปลอดภัยควรจะอยู่ระดับไหน เพราะไม่ทราบว่า ปริมาณของระเบิดที่มีอยู่จะครอบคลุมบริเวณกว้างแค่ไหน ทางที่ดีที่สุด คือ จะต้องอยู่ให้ไกลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องเข้าไปดูแล
นายกรัฐมนตรี บอกด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางหน่วยปฏิบัติงานได้รายงานมาแล้วว่า เป็นฝีมือของกลุ่มใด ส่วนสถานการณ์จะทวีความรุนแรงขึ้นเพื่อตอบโต้ฝ่ายรัฐที่ทำการกวาดล้างหรือไม่คงต้องติดตามต่อไปว่าฝ่ายรัฐจะสามารถควบคุมพื้นที่และทรัพยากรต่างๆ ได้มากน้อยเพียงใด ถ้าฝ่ายปฏิบัติสามารถเข้าไปดูแลพื้นที่ได้ดีขึ้น มีผู้ให้ความร่วมมือ ให้ข้อมูลข่าวสารเพิ่มขึ้น และเราสามารถควบคุมอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการก่อการร้ายได้ดีขึ้น ก็จะเป็นคำตอบว่า เหตุการณ์รุนแรงจะลดลงหรือมีเพิ่มขึ้น
"วันนี้ ผมได้เชิญเยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยที่สหรัฐฯ เข้ามาพูดคุย และคิดว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานของเรา จำเป็นที่จะต้องต่อยอดทางความคิดของเยาวชนเหล่านั้นในการใช้อุปกรณ์ทางเทคนิคเข้ามามีส่วนช่วย เพื่อที่จะช่วยชีวิตของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเข้าไปเก็บกู้วัตถุระเบิดให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายรัฐก็จะนำมาทำเองและนำไปใช้ได้"
เมื่อถามว่า นอกจากแนวความคิดการนำหุ่นยนต์ติดกล้องมาใช้จะมีการนำเทคโนโลยีอื่น ๆ มาใช้อีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องการกู้ภัย เรามีเครื่องมือที่จะนำไปใช้ได้พอสมควร เช่น การทำลายวัตถุระเบิดระยะไกล แต่ในการเข้าไปตรวจสอบเบื้องต้น เรายังไม่มีเครื่องมือ ดังนั้น หุ่นยนต์บังคับที่จะนำมาใช้ จะทำการติดกล้องขนาดเล็กไว้ด้วย จะทำให้สามารถมองภาพจากกล้องได้ว่า รถยนต์ที่นำมาจอดนั้นมีอะไรที่ผิดสังเกตบ้าง เพื่อเป็นการลดการสูญเสียของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนจะพยายามนำเรื่องนี้เข้าไปช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ได้
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) กล่าวถึงกรณีคนร้ายใช้ระเบิดแรงดันต่ำลวงเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ และใช้รีโมทรถยนต์กดระเบิดซ้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นยุทธวิธี ซึ่งเคยเตือนเสมอว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น อย่าผลีผลามเข้าต้องระมัดระวังและระลึกเสมอว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่วิกฤต ไม่เหมือนเหตุการณ์ปกติทั่วไป การจะเข้าไปทำงานต้องคำนึงด้านยุทธวิธีด้วย
ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รักษาการแทน ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แถลงการณ์ ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อทำงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ว่า ได้ชันสูตรศพ นายซาการียา ปะโอะมานิ แกนนำคนสำคัญที่ก่อเหตุในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่เสียชีวิตขณะเจ้าหน้าที่นำตัวไปสอบสวน ซึ่งจากการผ่าศพนายซาการียา ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามทำให้เสียชีวิต แต่ในขณะเดียวกันได้พบบาดแผลรอยช้ำกลางหน้าอกก่อนการตาย อีกทั้งพบว่า ยานพาหนะที่นำนายซาการียา มาถูกยิงถล่มตกลงข้างทาง ในเบื้องต้น แจ้งให้ทางแม่ทัพทราบถึงสาเหตุการตาย คือ ถูกยิงเสียชีวิตและพบร่องรอยการกระแทกที่อาจจะเกิดจากการถูกซ้อม
"ส่วนการก่อเหตุยิงถล่มนั้นคาดว่า 1. เจ้าหน้าที่รัฐฆ่า อย่างไรก็ตาม มองว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็อาจจะไม่ถูกต้องมากนัก เพราะรถคันนั้นตกข้างทางทั้งหมด 2. การฆ่าตัดตอน ซึ่งไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะน่าจะมีการฆ่าเจ้าหน้าที่ด้วย 3.มีการซุ่มยิงโดยไม่ทราบว่า นายซาการียาอยู่ในรถด้วย"
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีการฆ่าที่โหดร้ายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทหารที่ถูกระเบิดและมีการยิงซ้ำที่ลูกตา ที่ศีรษะ แต่กรณีล่าสุดที่ อ.บันนังสตา ได้มีการเฉือนอวัยะเพศโดยไม่ได้ตัดออก แต่เป็นการทำลายศพ และมีการทำร้ายประชาชนแบบเดียวกันด้วย
"อยากสะท้อนว่ากรณีดังกล่าวพื้นที่บริเวณก่อเหตุไกลจากบ้านประชาชนเพียง 20 เมตร ซึ่งทั้งการระเบิด การยิง การตัดอวัยวะเพศต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ไม่มีใครออกมาช่วย วันนี้ไม่มีพลเมืองดีเลย เพราะชาวบ้านหวาดกลัวและกระบวนการยุติธรรมคงไม่น่าเชื่อถือจนทำให้คนร้ายเหิมเกริมมาก"
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวอีกว่า ได้ตรวจค้นโรงเรียนอิสลามบูรพา หมู่ 5 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อทำการตรวจสอบดีเอ็นเอ คณะครูและนักเรียนภายในโรงเรียน ซึ่งทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้เข้าไปตรวจทั้งดีเอ็นเอและเขม่าระเบิดโดยใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ และได้ตรวจสถานที่ต่าง ๆ ภายในโรงเรียน โดยมีครูใหญ่และเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยตลอดเวลา สิ่งที่พบคือ เขม่าระเบิด แปลได้ว่ามีวัตถุระเบิดเคลื่อนที่อยู่ในโรงเรียนนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนทำ