xs
xsm
sm
md
lg

อโรม่าเปิดแผนรุก“ไนน์ตี้โฟร์-ชาวดอย” ชูทำเล-พันธมิตรใหม่รับแฟรนไชส์เฟื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อโรม่ากรุ๊ปสยายปีกธุรกิจร้านกาแฟชู2 แบรนด์หลักลุยตลาดไนน์ตี้โฟร์คอฟฟี่ร้านกาแฟชาวดอย เปิดแผนขยายสาขาต่อเนื่อง เล็งหาทำเลใหม่ๆเน้นการขายแฟรนไชส์เป็นหลัก
ส่วนธุรกิจค้าปลีกร้านจำหน่ายเครื่องดื่มและอาหารเพื่อสุขภาพเริ่มติดลมบนแล้ว

นายกิจจา วงศ์วารีกรรมการบริหาร อโรม่ากรุ๊ปเปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน”ถึงธุรกิจร้านกาแฟในเครือว่าปัจจุบันอโรม่ากรุ๊ปมีธุรกิจเชนร้านกาแฟ2แบรนด์คือไนน์ตี้โฟร์กับร้านกาแฟชาวดอยซึ่งทั้งสองแบรนด์ในปีนี้วางแผนที่จะทำการขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ในทุกด้านทั้งการเพิ่มจำนวนสาขาการทำการตลาดและกิจกรรมต่างๆรวมทั้งการขยายไลน์ธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วยเพื่อตอบรับกับความต้องการของตลาดร้านกาแฟที่ยังมีการเติบโตดีอยู่

ส่วนธุรกิจใหม่ร้านทุตตี้ฟรุ๊ตตี้ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกจำหน่ายเครื่องดื่มและอาหารเพื่อสุขภาพแนวใหม่ซึ่งเพิ่งเริ่มทดลองเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบเมื่อต้นปีนี้เองก็จะขยายตัวต่อไปหลังจากที่ได้มีการทดลองและเก็บข้อมูลมาศึกษาเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น

สำหรับแบรนด์ไนน์ตี้โฟร์คอฟฟี่ ปัจจุบันมี ประมาณ 50สาขาแบ่งเป็นสาขาของบริษัทฯประมาณ 30%และสาขาของแฟรนไชส์ 70%ซึ่งในอนาคตพยายามที่จะเน้นสัดส่วนสาขาที่เป็นแฟรนไชส์มากขึ้นซึ่งถ้าบริษัทฯได้ทำเลที่ดีๆก็จะนำเสนอพื้นที่นั้นให้กับผู้ที่สนใจซื้อแฟรนไชส์เนื่องจากบริษัทฯตั้งเป้าหมายที่ต้องการจะทำธุรกิจแฟรนไชส์ร้านกาแฟอย่างจริงจังซึ่งในปีนี้ได้มีการเปิดร้านไนน์ตี้โฟร์ไปแล้วประมาณ4-5สาขารวมทั้งของบริษัทฯและแฟรนไชส์

เงื่อนไขการขายแฟรนไชส์ร้านไนน์ตี้โฟร์คอฟฟี่นั้นยังคงเหมือนเดิมโดยเก็บค่าแรกเข้า400,000 บาทต่อสาขา ค่ามาร์เก็ตติ้งฟี 3%จากยอดขายต่อเดือน ค่ารอยัลตี้ฟี 3%จากยอดขายต่อเดือน
โดยมีอายุสัญญาแฟรนไชส์ 10 ปีต่อสาขาโดยเฉลี่ยลงทุนสาขาละ 3-4 ล้านบาทขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่และทำเลด้วย นอกจากนั้นก็จะต้องสั่งซื้ออุปกรณ์และเมล็ดกาแฟจากทางอโรม่ากรุ๊ปเพื่อที่จะได้มีมาตรฐานเหมือนกันหมด

อย่างไรก็ตามการทำร้านไนน์ตี้โฟร์คอฟฟี่มาประมาณ 6ปีนั้นยอมรับว่ายังจะต้องมีการพัฒนาต่อไปอีกหลายด้านเพราะยังอยู่ในช่วงแรกของการลงทุนโดยสาขาที่ทำรายได้มากจะเป็นในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่วนสาขาต่างจังหวัดก็จะมีกระจายตามแหล่งท่องเที่ยว หัวเมืองใหญ่ ทั้งนี้รายได้ของร้านไนน์ตี้โฟร์เมื่อปีที่แล้วมีประมาณ100 ล้านบาทคาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็น 120 ล้านบาท

แนวทางการขยายจะเน้นพื้นที่ที่เป็นสแตนด์อโลน ล่าสุดได้เป็นพันธมิตรกับทางปั๊มปิโตรนาส ที่ผ่านมาไนน์ตี้โฟร์เข้าไปเปิดบริการในบางปั๊มที่ตกลงกันไว้เช่นปั๊มปิโตรนาส ถนนหลานหลวงเป็นต้น ถือเป็นการขยายสาขาที่จะได้กลุ่มเป้าหมายใหม่ไปในตัวด้วย

***ร้านชาวดอยเน้นกลุ่มแมส**
ขณะที่ร้านกาแฟชาวดอยนั้นหลังจากทำตลาดมานานประมาณ3 ปี นายกิจจา กล่าวว่าเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่มีความแตกต่างกันทั้งทางด้านราคากลุ่มเป้าหมายและรูปแบบการขยายสาขา ซึ่งจะเป็นร้านที่เปิดสาขาตามบริเวณย่านชุมชนต่างๆที่ไม่ใช่ในศูนย์การค้าและเป็นรูปแบบที่สามารถขยายสาขาได้ง่ายและรวดเร็วด้วย

เนื่องจากเป็นรูปแบบคีย์ออสเป็นรถเข็นใช้พื้นที่ไม่มากนักซึ่งที่ผ่านมาเปิดไปแล้วประมาณ 80 กว่าจุดเน้นสาขาในกรุงเทพฯเป็นหลัก และร้านกาแฟชาวดอยนี้เน้นขายแฟรนไชส์เป็นหลักแต่บริษัทฯไม่มีการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์หรือค่าแฟรนไชส์ฟีแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าผู้ลงทุนต้องสั่งซื้อสินค้าและเมล็ดกาแฟจากทางอโรม่ากรุ๊ปเช่นเดียวกัน ซึ่งรายได้ของร้านกาแฟชาวดอยมีประมาณ10 กว่าล้านบาทต่อปี

**สยายปีกสู่ร้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ**
นายกิจจากล่าวต่อว่าปัจจุบันเทรนด์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพค่อนข้างมาแรงเนื่องจากผู้บริโภคคนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพมากยิ่งขึ้น และผลจากการเปิดบริการทดลองมาเมื่อต้นปีปรากฎว่าตลาดให้การตอบรับค่อนข้างดีบริษัทฯก็ยังจะต้องทำการพัฒนาต่อไปไม่หยุดเพื่อให้สามารถบริการและตอบสนองผู้บริโภคได้ตรงจุดมากที่สุด

สำหรับแนวทางการเปิดสาขาของทุตตี้ฟรุ๊ตตี้ในช่วงแรกนี้จะเปิดดำเนินการควบคู่ไปกับร้านไนน์ตี้โฟร์คอฟฟี่โดยเฉพาะในสาขาใหม่ๆของไนน์ตี้โฟร์ทุกสาขาต้องการให้มีร้านหรือส่วนของทุตตี้ฟรุ๊ตตี้เปิดให้บริการเช่นเดียวกันเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟแต่เข้ามาร้านกาแฟกับเพื่อนๆได้มีโอกาสเลือกบริโภคด้วย

ด้านการลงทุนเปิดร้านทุตตี้ฟรุ๊ตตี้นั้นเป้าหมายหลักคือการขายแฟรนไชส์แต่ในช่วงแรกนี้บริษัทฯลงทุนเองก่อนเพื่อต้องการสร้างตลาดและสร้างแบรนด์อะแวร์เนสให้กับทุตตี้ฟรุ๊ตตี้ด้วยซึ่งการลงทุนร้านทุตตี้ฟรุ๊ตตี้ถ้าเป็นรูปแบบคีออสพื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตรลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 1.5ล้านบาท

ปัจจุบันเปิดให้บริการไปแล้วประมาณ 7 สาขากระจายไปในทำเลพื้นที่ที่หลากหลายเพื่อเป็นการทดลองตลาดเช่นวิลล่าพหลโยธิน สาขาเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราสาขาที่หัวหินสาขาที่ถนนนิมมานเหมินทร์เชียงใหม่เป็นต้น

ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดสาขาที่เต็มรูปแบบเป็นสาขาแรกที่จะเป็นคอนเซปท์เฮลท์ตี้ฟู้ดแอนด์ดริ้งค์ซึ่งจะเปิดสาขาในศูนย์การค้าโดยในปีนี้มีแผนจะเปิดร้านแบบฟูลคอนเซปท์2 สาขา

สำหรับผลประกอบการโดยรวมของอโรม่ากรุ๊ปในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมจากทุกกลุ่มธุรกิจซึ่งจะมาจาการจำหน่ายเมล็ดกาแฟเครื่องทำกาแฟ ร้านกาแฟและอื่นๆรวมกันประมาณ 400-500ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น