xs
xsm
sm
md
lg

ศรีไทยฯรับมือบาทแข็งเพิ่มนำเข้า-ขยายลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – ศรีไทยฯ ดิ้นรับมือบาทแข็ง หันไปนำเข้าเม็ดพลาสติกเพิ่มเป็น 20% และเร่งขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มใน 2 ปีนี้ ใช้เงินประมาณ 800 ล้านบาท เตือนโรงงานผลิตพลาสติกขนาดเล็กเร่งพัฒนาสินค้าใหม่และเพิ่มขีดความสามารถ หลังแข่งเดือด ตัดราคาขาย หวั่นสุดท้ายอาจถึงขั้นปิดกิจการ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ ทำให้บริษัทปรับกลยุทธ์ใหม่โดยขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น คาดว่าภายใน 2 ปีนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท และเพิ่มการนำเข้าเม็ดพลาสติกขึ้นจากเดิมไม่เกิน 10% ขยับขึ้นเป็น 20% เพื่อลดต้นทุนการผลิตลง
"ค่าเงินบาทแข็งขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออก ทำให้ไม่กล้าขยับราคาสินค้าขึ้น ขณะที่วัตถุดิบส่วนใหญ่ซื้อเป็นบาท ส่งผลให้มาร์จินต่ำลง รวมทั้งศรีไทยฯ ไม่ได้ซื้อฟอร์เวิร์ดล่วงหน้าด้วย แต่บริษัทก็ได้ประโยชน์จากค่าเงินเมื่อมีการซื้อเครื่องจักร และนำเข้าเม็ดพลาสติก ทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลง แม้ว่าจะไม่มากเท่าที่เสียไปก็ตาม"
โครงการลงทุนใหม่ของศรีไทยฯ มีดังนี้ คือ 1.มีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มของบริษัท ศรีไทย นาโนพลาส จำกัด 2.โครงการลงทุนพลาสติกบรรจุภัณฑ์ อาทิ กล่องบรรจุอาหารและน้ำดื่มใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับจีน เพื่อรองรับความต้องการใช้ในงานโอลิมปิคเกมส์ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนในช่วงส.ค. 2551 3.ซื้อกิจการโรงงานผลิตพลาสติกอีก 1 แห่งในไทย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 เดือนนี้ ใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท 4. โครงการขยายกำลังการผลิตเมลามีนเพิ่มในเวียดนาม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองเครื่องจักร และ 5.โครงการลงทุนผลิตเมลามีนในอินเดีย ใช้เงินลงทุน 100-200 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาสถานที่ตั้งโรงงาน คาดว่าปลายปีหน้าสร้างโรงงานได้
นายสนั่นกล่าวว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์โรงงานผลิตพลาสติกขนาดกลางและเล็กไม่ค่อยดี เพราะมีกำลังการผลิตเหลือ และขายตัดราคากัน เนื่องจากประชาชนชะลอการใช้จ่ายลง ขณะที่โรงงานผลิตถุงพลาสติกก็ประสบปัญหาโดนการตอบโต้การทุ่มตลาดในอียู ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องยังโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกในประเทศ ทำให้ยอดขายลดลง สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ อุตสาหกรรมพลาสติกที่ซื้อวัตถุดิบในประเทศ แต่ต้องส่งออกสินค้าไปจำหน่ายถือว่าเสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่อง มาร์จินลดลง หากไม่เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ก็จะไม่สามารถอยู่รอดได้
อย่างไรก็ตาม ศรีไทยฯ ก็ยังรักษาสัดส่วนการส่งออกไปต่างประเทศคิดเป็น 30% ของยอดขายแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าก็ตาม แต่บริษัทจะหันมาสร้างความแข็งแกร่ง โดยส่งเสริมการขายผ่านไดเร็กเซลล์มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีรายได้จากธุรกิจไดเร็กเซลล์ประมาณ 700 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น