ใกล้วันเปิดตัวหนังสือแฮร์รี่พอตเตอร์ภาคภาอังกฤษ ดีเดย์ 21 ก.ค.นี้ บีทูเอส เชื่อมั่นตลาดยังแรง กระแสยังเฟื่องอยู่ เผยยอดจองตั้งแต่ก.พ.มีประมาณ 3,500 เล่มแล้ว ปีนี้ตั้งเป้าขายทั้งเวอร์ชั่นไทย-อังกฤษไม่ต่ำกว่า 80,000 เล่ม
นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท บีทูเอส จำกัด ผู้บริหารร้านหนังสือบีทูเอสในเครือซีอาร์ซี เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ถึงแผนการทำตลาดของหนังสือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เล่ม 7 หรือ Harry Potter No7 and The Deathly Hallows ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายของนักเขียนดัง “เจ เค โรลลิ่ง” ว่า บริษัทฯได้ใช้งบประมาณการทำตลาดไปรวมกว่า 3 ล้านบาทในเบื้องต้นนี้ นับตั้งแต่วันที่เริ่มให้มีการจองหนังสือภาคภาษาอังกฤษก่อนในวันที่ 15 เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับค่อนข้างดี
โดยปัจจุบันมียอดจองหนังสือภาคภาษาอังกฤษแล้วมากกว่า 3,500 เล่ม และคาดว่าเมื่อถึงวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการคือวันที่ 21 กรกฎาคมศกนี้ ซึ่งพร้อมกับทั่วโลก คาดว่าจะมียอดจองผ่านร้านบีทูเอสเพิ่มเป็น 6,000 เล่ม จากจำนวนสาขาของร้านบีทูเอสทุกรูปแบบรวมกันที่ 130 สาขาทั่วประเทศ
สำหรับปีนี้ซึ่งเป็นเล่มที่ 7 เล่มสุดท้าย ทางบีทูเอสตั้งเป้าหมายยอดขายรวมทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยที่คาดว่าจะเริ่มวางตลาดได้ในช่วงปลายปีนี้คือวันที่ 7 ธันวาคม ประมาณไม่ต่ำกว่า 80,000 เล่ม โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนเป็นภาษาไทยมากกว่า 60-70% เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“เชื่อว่าน่าจะทำได้ไม่ยาก เพราะว่ากระแสของแฮร์รี พอตเตอร์ก็ยังแรงอยู่ และยิ่งเมื่อเล่มนี้เป็นเล่มสุดท้ายด้วยแล้วคาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างมากจากบรรดาแฟนๆผู้อ่านแฮร์รี่พอตเตอร์ รวมไปถึงการทำตลาดของบรรดาร้านหนังสือที่จัดจำหน่ายด้วยแล้วก็จะเป็นตัวกระตุ้นตลาดได้อีกทางหนึ่งด้วย อีกทั้งเล่มนี้ห่างจากเล่มที่ 6ประมาณ 2 ปี ทำให้ผู้คนอยากอ่านเพราะรอมานาน โดยเล่มที่ถือว่าพีคหรือแรงที่สุดคือ เล่มที่ 5 ซึ่งตอนนั้นทิ้งช่วงจากเล่มที่ 4 นานถึง 2 ปี”
สำหรับเล่มที่ 7 บีทูเอส ได้ตั้งราคาจำหน่ายตอนช่วงเริ่มจองไว้ที่ 850 บาทต่อเล่ม พร้อมกับรับคูปองสมนาคุณมูลค่า 100 บาท และของขวัญจำนวนหนึ่ง พร้อมกับการทำตลาดแบบครบวงจรโดยอาศัยความเป็นร้านหนังสือที่มีทุกสื่อของบีทูเอส เครือข่ายสาขาที่มากมาย มาเป็นตัวขับเคลื่อนคือ การขายทั้งหนังสือ เครื่องเขียน ของพรีเมี่ยม และของต่างๆที่ได้รับลิขสิทธิ์ถูกต้อง จากผู้ผลิตทั้งหลายที่ผลิตและมาวางจำหน่ายในร้านบีทูเอส โดยภาษาอังกฤษผู้ได้รับสิทธิ์คือ สำนักพิมพ์สกอลลาร์สติกและบลูมเบอร์รี่ ส่วนภาษาไทยผู้ได้รับสิทธิ์แปลคือ นานมีบุ๊คส์
“หลังจากที่ได้ตั้งราคาขายตอนช่วงเปิดให้จองนั้นซึ่งเป็นโปรโมชั่นพิเศษ แต่ หลังจากนี้เราคงต้องมาดูกระแสและตลาดรวมทั้งผู้จำหน่ายรายอื่นด้วยว่าตั้งราคากันอย่างไร เพราะหากดูจากราคาปกติแล้วจริงๆควรจะมีราคาขายประมาณ 1,195 บาท” นางสาวนันทวรรณ กล่าว
สำหรับการเตรียมพร้อมในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการคือ เวลา 06.00 น.ของเช้าวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ทางบีทูเอสได้เตรียมจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ โดยจะเริ่มก่อนตั้งแต่เวลา 05.00 น. ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีกิจกรรมเป็นการอุ่นเครื่องก่อน ซึ่งในวันนั้นผู้ที่มาเข้าคิวก่อนเป็นรายแรกจะได้รับของขวัญพิเศษที่มีเพียงชิ้นเดียวในประเทศไทยคือ หนังสือแฮร์รี่พอตเตอร์ทองคำ เป็นที่ระลึกอีกด้วย นอกนั้นก็จะมีกิจกรรมตลอดทั้งงาน มีการตกแต่งหน้าร้านบีทูเอสทุกสาขาให้มีบรรยากาศของแฮร์รี่พอตเตอร์เต็มที่
อย่างไรก็ตามการทำตลาดหรือโปรโมชั่นนั้น เงื่อนไขหนึ่งของ เจ เค โรลลิ่ง ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ระบุไว้ว่า ไม่ให้ผู้ได้รับสิทธิ์จำหน่ายไปทำครอสโปรโมชั่น (Cross Promotion) ร่วมกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบีทูเอส หรือร้านซีเอ็ด ร้านเอชียบุ๊ค ร้านคิโนฯ ก็ไม่สามารถทำตลาดร่วมกับโรงภาพยนตร์หรือใครได้
นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท บีทูเอส จำกัด ผู้บริหารร้านหนังสือบีทูเอสในเครือซีอาร์ซี เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ถึงแผนการทำตลาดของหนังสือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เล่ม 7 หรือ Harry Potter No7 and The Deathly Hallows ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายของนักเขียนดัง “เจ เค โรลลิ่ง” ว่า บริษัทฯได้ใช้งบประมาณการทำตลาดไปรวมกว่า 3 ล้านบาทในเบื้องต้นนี้ นับตั้งแต่วันที่เริ่มให้มีการจองหนังสือภาคภาษาอังกฤษก่อนในวันที่ 15 เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับค่อนข้างดี
โดยปัจจุบันมียอดจองหนังสือภาคภาษาอังกฤษแล้วมากกว่า 3,500 เล่ม และคาดว่าเมื่อถึงวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการคือวันที่ 21 กรกฎาคมศกนี้ ซึ่งพร้อมกับทั่วโลก คาดว่าจะมียอดจองผ่านร้านบีทูเอสเพิ่มเป็น 6,000 เล่ม จากจำนวนสาขาของร้านบีทูเอสทุกรูปแบบรวมกันที่ 130 สาขาทั่วประเทศ
สำหรับปีนี้ซึ่งเป็นเล่มที่ 7 เล่มสุดท้าย ทางบีทูเอสตั้งเป้าหมายยอดขายรวมทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยที่คาดว่าจะเริ่มวางตลาดได้ในช่วงปลายปีนี้คือวันที่ 7 ธันวาคม ประมาณไม่ต่ำกว่า 80,000 เล่ม โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนเป็นภาษาไทยมากกว่า 60-70% เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“เชื่อว่าน่าจะทำได้ไม่ยาก เพราะว่ากระแสของแฮร์รี พอตเตอร์ก็ยังแรงอยู่ และยิ่งเมื่อเล่มนี้เป็นเล่มสุดท้ายด้วยแล้วคาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างมากจากบรรดาแฟนๆผู้อ่านแฮร์รี่พอตเตอร์ รวมไปถึงการทำตลาดของบรรดาร้านหนังสือที่จัดจำหน่ายด้วยแล้วก็จะเป็นตัวกระตุ้นตลาดได้อีกทางหนึ่งด้วย อีกทั้งเล่มนี้ห่างจากเล่มที่ 6ประมาณ 2 ปี ทำให้ผู้คนอยากอ่านเพราะรอมานาน โดยเล่มที่ถือว่าพีคหรือแรงที่สุดคือ เล่มที่ 5 ซึ่งตอนนั้นทิ้งช่วงจากเล่มที่ 4 นานถึง 2 ปี”
สำหรับเล่มที่ 7 บีทูเอส ได้ตั้งราคาจำหน่ายตอนช่วงเริ่มจองไว้ที่ 850 บาทต่อเล่ม พร้อมกับรับคูปองสมนาคุณมูลค่า 100 บาท และของขวัญจำนวนหนึ่ง พร้อมกับการทำตลาดแบบครบวงจรโดยอาศัยความเป็นร้านหนังสือที่มีทุกสื่อของบีทูเอส เครือข่ายสาขาที่มากมาย มาเป็นตัวขับเคลื่อนคือ การขายทั้งหนังสือ เครื่องเขียน ของพรีเมี่ยม และของต่างๆที่ได้รับลิขสิทธิ์ถูกต้อง จากผู้ผลิตทั้งหลายที่ผลิตและมาวางจำหน่ายในร้านบีทูเอส โดยภาษาอังกฤษผู้ได้รับสิทธิ์คือ สำนักพิมพ์สกอลลาร์สติกและบลูมเบอร์รี่ ส่วนภาษาไทยผู้ได้รับสิทธิ์แปลคือ นานมีบุ๊คส์
“หลังจากที่ได้ตั้งราคาขายตอนช่วงเปิดให้จองนั้นซึ่งเป็นโปรโมชั่นพิเศษ แต่ หลังจากนี้เราคงต้องมาดูกระแสและตลาดรวมทั้งผู้จำหน่ายรายอื่นด้วยว่าตั้งราคากันอย่างไร เพราะหากดูจากราคาปกติแล้วจริงๆควรจะมีราคาขายประมาณ 1,195 บาท” นางสาวนันทวรรณ กล่าว
สำหรับการเตรียมพร้อมในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการคือ เวลา 06.00 น.ของเช้าวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ทางบีทูเอสได้เตรียมจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ โดยจะเริ่มก่อนตั้งแต่เวลา 05.00 น. ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีกิจกรรมเป็นการอุ่นเครื่องก่อน ซึ่งในวันนั้นผู้ที่มาเข้าคิวก่อนเป็นรายแรกจะได้รับของขวัญพิเศษที่มีเพียงชิ้นเดียวในประเทศไทยคือ หนังสือแฮร์รี่พอตเตอร์ทองคำ เป็นที่ระลึกอีกด้วย นอกนั้นก็จะมีกิจกรรมตลอดทั้งงาน มีการตกแต่งหน้าร้านบีทูเอสทุกสาขาให้มีบรรยากาศของแฮร์รี่พอตเตอร์เต็มที่
อย่างไรก็ตามการทำตลาดหรือโปรโมชั่นนั้น เงื่อนไขหนึ่งของ เจ เค โรลลิ่ง ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ระบุไว้ว่า ไม่ให้ผู้ได้รับสิทธิ์จำหน่ายไปทำครอสโปรโมชั่น (Cross Promotion) ร่วมกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบีทูเอส หรือร้านซีเอ็ด ร้านเอชียบุ๊ค ร้านคิโนฯ ก็ไม่สามารถทำตลาดร่วมกับโรงภาพยนตร์หรือใครได้