ผู้จัดการรายวัน – จีเอ็มเอ็ม จับมือพันธมิตรเปิดตลาดส่งศิลปินโกอินเตอร์ เดิน
เครื่องเพิ่มยุทธศาสตร์รบต่อ Cross-Culture แย้มกระแส เอเชียน เทรนด์ ฝัน 3 ปีผล
กำไรจับต้องได้ต้องใช้เวลา พร้อมยิ้มรับกำไรในประเทศไตรมาสสองโตเท่าตัว ผลมาจาก
การลดต้นทุนและลดความเสี่ยงในธุรกิจ
นางบุษบา ดาวเรือง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (
มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแนวทางพัฒนาธุรกิจตามแนวโน้มไปในทิศทางของวัฒนธรรม
ไร้พรมแดน หรื อCross-Culture เพื่อการเปิดกว้างและขยายตลาดในระดับสากล ทั้งใน
ภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และอเมริกา บริษัทฯจึงให้ความสำคัญในการสรรหาศิลปินที่มี
ความสามารถ เช่น การเพิ่มภาษาให้ศิลปินเรียนเพิ่มเติม โดยเฉพาะภาษาจีน เกาหลี
ญี่ปุ่น และอังกฤษ เพื่อนำมาพัฒนาให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ตามความต้องการของกระแส
โลก หรือกลุ่มเป้าหมาย
พร้อมกันนี้บริษัทฯต้องผูกสัมพันธ์กับพันธมิตรที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นช่องทางใน
การขยายโอกาสการทำตลาดของศิลปินในสังกัดซึ่งแม้ต้องใช้การลงทุนจำนวนมาก แต่ผล
ตอบแทนที่ได้ถือว่าคุ้มค่า เนื่องจากหากมีการพัฒนาศิลปิน ที่มีศักยภาพจะเปิด
โอกาสในการขยายตลาดได้ โดยศิลปินแต่ละรายจะสามารถเห็นผลตอบแทนจากการ
ทำ Cross-Culture ได้ในระยะเวลา 3 ปี
ทั้งนี้ บริษัทฯจะเปลี่ยนแนวดำเนินธุรกิจ จากเดิมที่โฟกัสทำตลาดท้องถิ่นหรือในประเทศ จะเป็นการเพิ่มโอกาสและช่องทางในตลาดระดับโลกควบคู่ไปด้วย รวมทั้งการเน้นรุกสร้างกระแส
นิยมในเทรนด์เอเชีย เนื่องจากมีความพร้อมในการพัฒนาศิลปินตามกระแสดังกล่าว ส่วน
การสร้างกระแส T-Trend หรือกระแสไทยนิยม คาดว่าจะเกิดได้ยากกว่ากระแส A-Trend
หรือเอเชี่ยนนิยม”
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯให้ความสำคัญในการคัดสรรศิลปิน ตามช่องทางต่างๆ โดย
ปัจจุบันบริษัทฯมีแบรนด์ที่สามารถคัดสรรศิลปินที่ได้รับการยอมรับ เช่น โครงการ
จี-เจอาร์ ,เฟิร์สสเตจโชว์ เดอะ สตาร์ , และฮอมเวฟ มิวสิค อะวอร์ด เป็นต้น รวม
ทั้งมีสถาบันในการพัฒนาศิลปิน เช่น สถาบันดนตรีมีฟ้า สถาบันอะราทิสต์ เรียกได้
ว่า จีเอ็มเอ็ม เป็นสถาบันเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ที่มีความครบวงจร มีแพลทฟอร์มทาง
ธุรกิจที่ครบถ้วน
สำหรับการปลุกปั้นศิลปินให้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา ต้องวางรากฐานในประเทศให้ดีและจะต้องสร้างการเติบโตทั่วโลก หรือ “local roots global reach” ส่วนองค์ประกอบสำคัญของการ
บริหารศิลปินนั้นมี 4 ด้านสำคัญ คือ การคัดสรรและการพัฒนาศิลปิน การจัดการ การ
ผลิต และการตลาดกับธุรกิจ สิ่งนี้นับว่าเป็นบทบาทที่สำคัญในแต่ละประเทศ
เพิ่งมี โดยเฉพาะบริษัทฯ จีเอ็มเอ็มฯที่มีศักยภาพในการทำตลาดบันเทิงในประเทศ
ไทย ย่อมรู้จักปรับตัวตามกระแสตลาด ความเหมาะสมในแต่ละเวลาอยู่แล้วการรุกขยาย
ตลาดในต่างประเทศมากขึ้น พร้อมกับการพัฒนารากฐานความแข็งแกร่งในประเทศปั้น
ศิลปินโกอินเตอร์ครั้งนี้คาดว่าต้องใช้เวลาและบริษัทฯจะต้องส่งศิลปินที่เหมาะ
กับในแต่ละประเทศที่จะเข้าไปเจาะตลาดด้วยเช่นเดียวกัน
เบื้องต้นศิลปินที่บริษัทฯเล็งเห็นความพร้อมของ ศิลปินในค่าย อย่างสองพี่น้อง
กอล์ฟ –ไมค์ จากโครงการจี-เจอาร์ ไอซ์ ศรันยู ผ่านการประกวดเฟิร์สเสตจโชว์ และ
เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ นักร้องที่มีศักยภาพอีกคน ทดลองเปิดตลาดก่อน
ทั้งนี้เชื่อว่าตัวศิลปิน อีกทั้งความพร้อมในการบริหารศิลปินไทยให้ก้าวสู่ตลาด
เอเชียได้ เนื่องจากศักยภาพที่ผ่านมา บริษัทฯมีทั้ง ทาเลนต์ที่ดี ช่องทางใน
การทำ จากเวทีประกวด เอ็นเตอร์เทนครบวงจร ทั้งวิทยุ ภาพยนตร์ อี
เว้นต์ฯลฯ ประสบการณ์ที่พัฒนาศิลปินมากกว่า 24 ปี การมีแพลตฟอร์มธุรกิจเพลงครบ
ถ้วน และที่สำคัญคือการเป็นพันธมิตรกับบริษัทรายสำคัญในเอเชียมาอย่างยาวนาน
“ขอเวลาอีกไม่เกิน 3-5 ปี ทาเลนต์หรือศิลปินไทยจะไปประสบความสำเร็จในเอเชีย
พร้อมกับปลุกกระแส T-Trend ได้อย่างแน่นอน”
นอกจากแผนการทำตลาดต่างประเทศ ด้านตลาดในประเทศคาดว่าในไตรมาสสองของปีนี้ จะสามารถมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกกว่าเท่าตัว โดยในไตรมาสแรกมี
กำไรเบื้องต้น 41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 5 แสนบาทในปี 2549 ส่วนในไตรมาสสองของ
ปี 2549 มีกำไร 98 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมทั้งปีของบริษัทฯคาดว่าจะได้ตามเป้า
หมายที่ตั้งไว้ที่ 6,500 ล้านบาท ซึ่งอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากการลดต้นทุนการ
ดำเนินงาน และการลดความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ
เครื่องเพิ่มยุทธศาสตร์รบต่อ Cross-Culture แย้มกระแส เอเชียน เทรนด์ ฝัน 3 ปีผล
กำไรจับต้องได้ต้องใช้เวลา พร้อมยิ้มรับกำไรในประเทศไตรมาสสองโตเท่าตัว ผลมาจาก
การลดต้นทุนและลดความเสี่ยงในธุรกิจ
นางบุษบา ดาวเรือง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (
มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแนวทางพัฒนาธุรกิจตามแนวโน้มไปในทิศทางของวัฒนธรรม
ไร้พรมแดน หรื อCross-Culture เพื่อการเปิดกว้างและขยายตลาดในระดับสากล ทั้งใน
ภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และอเมริกา บริษัทฯจึงให้ความสำคัญในการสรรหาศิลปินที่มี
ความสามารถ เช่น การเพิ่มภาษาให้ศิลปินเรียนเพิ่มเติม โดยเฉพาะภาษาจีน เกาหลี
ญี่ปุ่น และอังกฤษ เพื่อนำมาพัฒนาให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ตามความต้องการของกระแส
โลก หรือกลุ่มเป้าหมาย
พร้อมกันนี้บริษัทฯต้องผูกสัมพันธ์กับพันธมิตรที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นช่องทางใน
การขยายโอกาสการทำตลาดของศิลปินในสังกัดซึ่งแม้ต้องใช้การลงทุนจำนวนมาก แต่ผล
ตอบแทนที่ได้ถือว่าคุ้มค่า เนื่องจากหากมีการพัฒนาศิลปิน ที่มีศักยภาพจะเปิด
โอกาสในการขยายตลาดได้ โดยศิลปินแต่ละรายจะสามารถเห็นผลตอบแทนจากการ
ทำ Cross-Culture ได้ในระยะเวลา 3 ปี
ทั้งนี้ บริษัทฯจะเปลี่ยนแนวดำเนินธุรกิจ จากเดิมที่โฟกัสทำตลาดท้องถิ่นหรือในประเทศ จะเป็นการเพิ่มโอกาสและช่องทางในตลาดระดับโลกควบคู่ไปด้วย รวมทั้งการเน้นรุกสร้างกระแส
นิยมในเทรนด์เอเชีย เนื่องจากมีความพร้อมในการพัฒนาศิลปินตามกระแสดังกล่าว ส่วน
การสร้างกระแส T-Trend หรือกระแสไทยนิยม คาดว่าจะเกิดได้ยากกว่ากระแส A-Trend
หรือเอเชี่ยนนิยม”
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯให้ความสำคัญในการคัดสรรศิลปิน ตามช่องทางต่างๆ โดย
ปัจจุบันบริษัทฯมีแบรนด์ที่สามารถคัดสรรศิลปินที่ได้รับการยอมรับ เช่น โครงการ
จี-เจอาร์ ,เฟิร์สสเตจโชว์ เดอะ สตาร์ , และฮอมเวฟ มิวสิค อะวอร์ด เป็นต้น รวม
ทั้งมีสถาบันในการพัฒนาศิลปิน เช่น สถาบันดนตรีมีฟ้า สถาบันอะราทิสต์ เรียกได้
ว่า จีเอ็มเอ็ม เป็นสถาบันเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ที่มีความครบวงจร มีแพลทฟอร์มทาง
ธุรกิจที่ครบถ้วน
สำหรับการปลุกปั้นศิลปินให้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา ต้องวางรากฐานในประเทศให้ดีและจะต้องสร้างการเติบโตทั่วโลก หรือ “local roots global reach” ส่วนองค์ประกอบสำคัญของการ
บริหารศิลปินนั้นมี 4 ด้านสำคัญ คือ การคัดสรรและการพัฒนาศิลปิน การจัดการ การ
ผลิต และการตลาดกับธุรกิจ สิ่งนี้นับว่าเป็นบทบาทที่สำคัญในแต่ละประเทศ
เพิ่งมี โดยเฉพาะบริษัทฯ จีเอ็มเอ็มฯที่มีศักยภาพในการทำตลาดบันเทิงในประเทศ
ไทย ย่อมรู้จักปรับตัวตามกระแสตลาด ความเหมาะสมในแต่ละเวลาอยู่แล้วการรุกขยาย
ตลาดในต่างประเทศมากขึ้น พร้อมกับการพัฒนารากฐานความแข็งแกร่งในประเทศปั้น
ศิลปินโกอินเตอร์ครั้งนี้คาดว่าต้องใช้เวลาและบริษัทฯจะต้องส่งศิลปินที่เหมาะ
กับในแต่ละประเทศที่จะเข้าไปเจาะตลาดด้วยเช่นเดียวกัน
เบื้องต้นศิลปินที่บริษัทฯเล็งเห็นความพร้อมของ ศิลปินในค่าย อย่างสองพี่น้อง
กอล์ฟ –ไมค์ จากโครงการจี-เจอาร์ ไอซ์ ศรันยู ผ่านการประกวดเฟิร์สเสตจโชว์ และ
เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ นักร้องที่มีศักยภาพอีกคน ทดลองเปิดตลาดก่อน
ทั้งนี้เชื่อว่าตัวศิลปิน อีกทั้งความพร้อมในการบริหารศิลปินไทยให้ก้าวสู่ตลาด
เอเชียได้ เนื่องจากศักยภาพที่ผ่านมา บริษัทฯมีทั้ง ทาเลนต์ที่ดี ช่องทางใน
การทำ จากเวทีประกวด เอ็นเตอร์เทนครบวงจร ทั้งวิทยุ ภาพยนตร์ อี
เว้นต์ฯลฯ ประสบการณ์ที่พัฒนาศิลปินมากกว่า 24 ปี การมีแพลตฟอร์มธุรกิจเพลงครบ
ถ้วน และที่สำคัญคือการเป็นพันธมิตรกับบริษัทรายสำคัญในเอเชียมาอย่างยาวนาน
“ขอเวลาอีกไม่เกิน 3-5 ปี ทาเลนต์หรือศิลปินไทยจะไปประสบความสำเร็จในเอเชีย
พร้อมกับปลุกกระแส T-Trend ได้อย่างแน่นอน”
นอกจากแผนการทำตลาดต่างประเทศ ด้านตลาดในประเทศคาดว่าในไตรมาสสองของปีนี้ จะสามารถมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกกว่าเท่าตัว โดยในไตรมาสแรกมี
กำไรเบื้องต้น 41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 5 แสนบาทในปี 2549 ส่วนในไตรมาสสองของ
ปี 2549 มีกำไร 98 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมทั้งปีของบริษัทฯคาดว่าจะได้ตามเป้า
หมายที่ตั้งไว้ที่ 6,500 ล้านบาท ซึ่งอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากการลดต้นทุนการ
ดำเนินงาน และการลดความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ