สพฐ..เผยข้อมูลภาพรวมเด็ก ป.2 ที่ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ มีร้อยละ 12 หรือกว่า 79,000 คน ของเด็ก ป.2 กว่า 600,000 คน และพบใน 10 สพท. ที่มีเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เกินร้อยละ 25 จัดงบฯ ให้หัวละ 500 บาท จัดซื้อสื่อพัฒนาและติวเข้มเด็กให้อ่านได้เมื่อจบ ป.3
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติ (NT) ระดับ ป.2, ป.4, ม.2 และ ม.4 ปีการศึกษา 2549 นั้น ได้ขอให้ทุกสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สำรวจเด็กที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ในระดับ ป.2 เพื่อจะใช้เวลา 1 ปีเต็มในการแก้ปัญหา จากข้อมูลสำรวจเบื้องต้นพบว่าเด็ก ป.2 จำนวนกว่า 79,000 คน จากทั้งหมดกว่า 600,000 คน ที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ตามเกณฑ์ของเด็กที่พึงมีในระดับ ป.2 คิดเป็นร้อยละ 12 ถือเป็นภาพรวม แต่ไม่ใช่ทุก สพท.มีเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ตามจำนวนนี้ เพราะมีประมาณ 10 สพท.ที่มีเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในระดับ ป.2 เกินร้อยละ 25 ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือปัญหาเรื่องภาษา เช่น ยะลา นราธิวาส ปัตตานี ตาก ดังนั้น ใน 10 สพท.เป็นเขตที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ส่วนที่อื่นๆ ก็จะกระจายไป
ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้พบ 4 สาเหตุใหญ่ คือ 1.ยากจน ต้องขาดเรียนบ่อยๆ จนเวลาเรียนไม่ครบ 2.เด็กที่ไม่พูดภาษาไทยที่บ้าน 3.มีปัญหาการเรียนรู้ ซึ่งมีประมาณร้อยละ 5-6 บางโรงเรียนอาจมีมากกว่านี้ 4.เด็กในโรงเรียนที่มีครูไม่พอหรือขาดแคลนครู โดยครูต้องไปรับภาระด้านธุรการจำนวนมาก สำหรับการดำเนินการให้กับเด็กที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในปีนี้นั้น จะพยายามแก้ปัญหาการเรียนการสอน 2 ภาษาก่อน เริ่มทดลองทำในจังหวัดชายแดนภาคใต้จาก 12 โรงเรียนเป็น 100 โรงเรียน และจะถอดบทเรียนเพื่อขยายผลไปยังพื้นที่อื่นที่ต้องเรียน 2 ภาษา การแก้ปัญหาความยากจน โดยดูว่าเด็กขาดเรียนมาจากอะไรแล้วเข้าไปช่วยเช่น เรื่องอาหารกลางวัน เสื้อผ้า หรือไม่สามารถมาเรียนด้วยสาเหตุต่างๆ
ส่วนการแก้ปัญหาการเรียนรู้นั้นในปีนี้มีโครงการรณรงค์อย่างมาก เพื่อทำความเข้าใจกับครู ให้ใช้แบบเรียนวิเคราะห์ และจะนำไปใช้ในโรงเรียนแกนนำ 2,700 โรงเรียนแล้วขยายในปีต่อๆ ไป สำหรับการแก้ปัญหาครูไม่พอ จะให้ สพท.ลดภาระงานธุรการของครูลง และในปีหน้าจะประกาศเป็นนโยบายของ สพฐ.ไม่ให้มีการอบรมครูระหว่างวันจันทร์ถึงศุกร์เด็ดขาด เพราะค้นพบว่าโรงเรียนขนาดเล็กมีการดึงครูมารับการอบรมจำนวนมาก จนครูไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้เต็มที่
"ที่สำคัญเราให้เงินกับโรงเรียนที่พบว่ามีเด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ในระดับ ป.2 คนละ 500 บาท จำนวนกว่า 79,000 คน เพื่อไปพัฒนาสื่อและติวเด็กเหล่านี้เป็นพิเศษ โดยขึ้นกับลักษณะปัญหา ถ้ามีปัญหาความยากจน ครูก็ต้องช่วยดูแล หรือส่งเสริมให้ครูที่จัดการเรียนการสอนบางพื้นที่ ได้รับการอบรมเป็นพิเศษ คิดว่าประมาณเดือนพฤศจิกายน เราคงสามารถนำเสนอตัวอย่างของโรงเรียนที่ทำได้ดีๆ" เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
ทั้งนี้ นักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เกินร้อยละ 25 ใน 10 สพท.นั้น อยู่ใน สพท.จังหวัดชายแดนใต้ 5 เขต ภาคเหนือ 2 เขต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 เขต และภาคกลาง 1 เขต ส่วนสพท.ที่มีเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้น้อยที่สุดคือร้อยละ 1 อยู่ในกรุงเทพมหานคร และ สพท.ที่มีน้อยกว่าร้อยละ 5 อยู่ในจังหวัดเชียงราย ชลบุรี ปทุมธานี สุโขทัย ลำปาง นนทบุรี สระแก้ว สระบุรี อุบลราชธานี ฉะเชิงเทรา แพร่ เป็นต้น
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติ (NT) ระดับ ป.2, ป.4, ม.2 และ ม.4 ปีการศึกษา 2549 นั้น ได้ขอให้ทุกสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สำรวจเด็กที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ในระดับ ป.2 เพื่อจะใช้เวลา 1 ปีเต็มในการแก้ปัญหา จากข้อมูลสำรวจเบื้องต้นพบว่าเด็ก ป.2 จำนวนกว่า 79,000 คน จากทั้งหมดกว่า 600,000 คน ที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ตามเกณฑ์ของเด็กที่พึงมีในระดับ ป.2 คิดเป็นร้อยละ 12 ถือเป็นภาพรวม แต่ไม่ใช่ทุก สพท.มีเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ตามจำนวนนี้ เพราะมีประมาณ 10 สพท.ที่มีเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในระดับ ป.2 เกินร้อยละ 25 ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือปัญหาเรื่องภาษา เช่น ยะลา นราธิวาส ปัตตานี ตาก ดังนั้น ใน 10 สพท.เป็นเขตที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ส่วนที่อื่นๆ ก็จะกระจายไป
ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้พบ 4 สาเหตุใหญ่ คือ 1.ยากจน ต้องขาดเรียนบ่อยๆ จนเวลาเรียนไม่ครบ 2.เด็กที่ไม่พูดภาษาไทยที่บ้าน 3.มีปัญหาการเรียนรู้ ซึ่งมีประมาณร้อยละ 5-6 บางโรงเรียนอาจมีมากกว่านี้ 4.เด็กในโรงเรียนที่มีครูไม่พอหรือขาดแคลนครู โดยครูต้องไปรับภาระด้านธุรการจำนวนมาก สำหรับการดำเนินการให้กับเด็กที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในปีนี้นั้น จะพยายามแก้ปัญหาการเรียนการสอน 2 ภาษาก่อน เริ่มทดลองทำในจังหวัดชายแดนภาคใต้จาก 12 โรงเรียนเป็น 100 โรงเรียน และจะถอดบทเรียนเพื่อขยายผลไปยังพื้นที่อื่นที่ต้องเรียน 2 ภาษา การแก้ปัญหาความยากจน โดยดูว่าเด็กขาดเรียนมาจากอะไรแล้วเข้าไปช่วยเช่น เรื่องอาหารกลางวัน เสื้อผ้า หรือไม่สามารถมาเรียนด้วยสาเหตุต่างๆ
ส่วนการแก้ปัญหาการเรียนรู้นั้นในปีนี้มีโครงการรณรงค์อย่างมาก เพื่อทำความเข้าใจกับครู ให้ใช้แบบเรียนวิเคราะห์ และจะนำไปใช้ในโรงเรียนแกนนำ 2,700 โรงเรียนแล้วขยายในปีต่อๆ ไป สำหรับการแก้ปัญหาครูไม่พอ จะให้ สพท.ลดภาระงานธุรการของครูลง และในปีหน้าจะประกาศเป็นนโยบายของ สพฐ.ไม่ให้มีการอบรมครูระหว่างวันจันทร์ถึงศุกร์เด็ดขาด เพราะค้นพบว่าโรงเรียนขนาดเล็กมีการดึงครูมารับการอบรมจำนวนมาก จนครูไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้เต็มที่
"ที่สำคัญเราให้เงินกับโรงเรียนที่พบว่ามีเด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ในระดับ ป.2 คนละ 500 บาท จำนวนกว่า 79,000 คน เพื่อไปพัฒนาสื่อและติวเด็กเหล่านี้เป็นพิเศษ โดยขึ้นกับลักษณะปัญหา ถ้ามีปัญหาความยากจน ครูก็ต้องช่วยดูแล หรือส่งเสริมให้ครูที่จัดการเรียนการสอนบางพื้นที่ ได้รับการอบรมเป็นพิเศษ คิดว่าประมาณเดือนพฤศจิกายน เราคงสามารถนำเสนอตัวอย่างของโรงเรียนที่ทำได้ดีๆ" เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
ทั้งนี้ นักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เกินร้อยละ 25 ใน 10 สพท.นั้น อยู่ใน สพท.จังหวัดชายแดนใต้ 5 เขต ภาคเหนือ 2 เขต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 เขต และภาคกลาง 1 เขต ส่วนสพท.ที่มีเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้น้อยที่สุดคือร้อยละ 1 อยู่ในกรุงเทพมหานคร และ สพท.ที่มีน้อยกว่าร้อยละ 5 อยู่ในจังหวัดเชียงราย ชลบุรี ปทุมธานี สุโขทัย ลำปาง นนทบุรี สระแก้ว สระบุรี อุบลราชธานี ฉะเชิงเทรา แพร่ เป็นต้น