ททท. เตรียมชิ่งหนี เสนอแนวคิด จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะรับผิดชอบดูแล เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ เหมือนต่างประเทศ ยอมรับเป็นเพียงแนวทาง อ้างไม่มีความเชี่ยวชาญและมีภาระหนักด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอยู่แล้ว ชี้เอกชนน่าจะเหมาะสมดูแลมากกว่า
นายสุรพล เศวตเศรนี รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.มีแนวคิดที่จะเสนอให้ทางภาครัฐให้มีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นมาดูแลและรับผิดชอบบริหารจัดการกิจกรรม เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ (Bangkok Film Market) ซึ่งเป็นเทศกาลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยระดับชาติ เป็นรูปแบบการบริหารเชิงเอกชน
รูปแบบการทำงานอาจจะจัดตั้งขึ้นมาเป็นสำนักงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ หรือฟิล์ม เฟสติวัล ออฟฟิศ (Film Festival Office) เหมือนกับในต่างประเทศที่มีการตั้งรูปแบบนี้แล้ว โดยจะมีผู้จัดการจัดงานเป็นผู้บริหาร รับผิดชอบ เพื่อจะทำให้การดำเนินงานมีความต่อเนื่องและเกิดความคล่องตัวด้วย
“จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของ ททท. ที่จัดงานนี้มาแล้ว 4 ครั้ง ใช้เงินไปไม่ต่ำกว่า 100-200 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นแม่งานหลักที่รับผิดชอบร่วมกับพันธมิตร พบว่า งานดังกล่าวได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งไทยและเทศอย่างมาก และพบว่คนไทยโดยเฉพาะภาคเอกชนมีความสามารถทางด้านนี้อย่างมากหลายคน ซึ่งอุตสาหกรรมบันเทิงของไทยนั้นยังมีศักยภาพอย่างมาก สามารถดึงดูดเงินตราเข้าประเทศได้ในหลายทาง”
ขณะที่ทาง ททท. เองก็มีภาระหน้าที่หลักทางด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอยู่แล้ว มีความรับผิดชอบที่มากมาย รวมทั้งเราเองไม่ค่อยมีความถนัดหรือเก่งทางด้านนี้ด้วย ซึ่งถ้าหากมีหน่วยงานเฉพาะเข้ามาดูแลแทนน่าจะดีกว่า โดยภาครัฐควรจะเป็นผู้สนับสนุนเรื่องเงินทุนต่างๆ รวมทั้งเรื่องของการประสานงานส่วนหนึ่ง และททท.ก็พร้อมที่จะสนับสนุนต่อเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังเป็นเพียงแนวคิดกว้างๆเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาได้เคยมีการพูดคุยแบบไม่เป็นทางการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกันบ้างแล้วเหมือนกัน และคาดว่าคงจะต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะในการทำให้เกิดเป็นจริงขึ้นมาให้ได้
สำหรับงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2550 (Bangkok Film Market2007 ) ในปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 กรกฎาคมศกนี้ ที่เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า โดยมีพันธมิตรหลักที่เข้าร่วมกันคือ ททท., บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)หรือซีพีเอ็นผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, บริษัท เอสเอฟซีเนม่า ซิตี้ จำกัด ผู้บริหารโรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ และสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ โดยภายในงานจะมีกิจกรรมเสวนาและสัมมนาเชิงปฎับัติการ และกิจกรรมอื่นๆมากมายเหมือนทุกปี
โดยการนำเสนอรูปแบบการจัดงานในปีนี้จะมีทั้งหมด 96 บูธ ซึ่งจองเต็มหมดแล้ว โดยครอบคลุมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยทั้งระบบเป็น 5 โซนดังนี้คือ 1.Location World นำเสนอความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์ชั้นนำของโลกมีความพร้อมทั้งภาครัฐในการอำนวยความสะดวกในการอนุญาติการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ณ ศูนย์บริการเพียงจุดเดียว และภาคเอกชนในการสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย
2. Animation & Digital Entertainment World เป็นการนำเสนอความก้าวหน้าของภาพยนตร์แอนิเมชั่น 3 มิติเรื่องแรกของไทย ที่กำลังก้าวไปสู่การร่วมลงทุนสร้างกับฮอลลีวู้ด 3.International Village เป็นการนำภาพยนตร์ต่างประเทศที่ยังไม่ได้ตกลงขายมานำเสนอกับผู้จัดจำหน่าย และผู้ประกอบการวีซีดี ดีวีดี ของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 4.Equipment & Post-production Service Pavilion มีการนำเสนอความก้าวหน้าของการให้บริการขายและเช่าอุปกรณ์ในการถ่ายทำภาพยนตร์ทั้งกล้อง HD digital camera ตลอดจนโรงถ่ายทำภาพยนตร์ที่ทันสมัย 5.การหารือร่วมกับสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งฝรั่งเศส เพื่อคัดเลือกภาพยนตร์ไทยเข้าร่วมในงานสัปดาห์นักวิจารณ์ภาพยนตร์ ซึ่งจัดเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ในปี 2008
“ปีที่แล้วที่เราจัดงาน มีเม็ดเงินสะพัดในงานที่ซื้อขายสินค้ากันกว่า 500 ล้านบาท แต่ยังไม่นับรวมเม็ดเงินที่เกิดขึ้นต่อจากหลังงานด้วย เช่นการเข้ามาถ่ายทำหนังในไทยเป็นต้น” นายสุรพลกล่าว
นายสุรพล เศวตเศรนี รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.มีแนวคิดที่จะเสนอให้ทางภาครัฐให้มีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นมาดูแลและรับผิดชอบบริหารจัดการกิจกรรม เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ (Bangkok Film Market) ซึ่งเป็นเทศกาลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยระดับชาติ เป็นรูปแบบการบริหารเชิงเอกชน
รูปแบบการทำงานอาจจะจัดตั้งขึ้นมาเป็นสำนักงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ หรือฟิล์ม เฟสติวัล ออฟฟิศ (Film Festival Office) เหมือนกับในต่างประเทศที่มีการตั้งรูปแบบนี้แล้ว โดยจะมีผู้จัดการจัดงานเป็นผู้บริหาร รับผิดชอบ เพื่อจะทำให้การดำเนินงานมีความต่อเนื่องและเกิดความคล่องตัวด้วย
“จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของ ททท. ที่จัดงานนี้มาแล้ว 4 ครั้ง ใช้เงินไปไม่ต่ำกว่า 100-200 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นแม่งานหลักที่รับผิดชอบร่วมกับพันธมิตร พบว่า งานดังกล่าวได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งไทยและเทศอย่างมาก และพบว่คนไทยโดยเฉพาะภาคเอกชนมีความสามารถทางด้านนี้อย่างมากหลายคน ซึ่งอุตสาหกรรมบันเทิงของไทยนั้นยังมีศักยภาพอย่างมาก สามารถดึงดูดเงินตราเข้าประเทศได้ในหลายทาง”
ขณะที่ทาง ททท. เองก็มีภาระหน้าที่หลักทางด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอยู่แล้ว มีความรับผิดชอบที่มากมาย รวมทั้งเราเองไม่ค่อยมีความถนัดหรือเก่งทางด้านนี้ด้วย ซึ่งถ้าหากมีหน่วยงานเฉพาะเข้ามาดูแลแทนน่าจะดีกว่า โดยภาครัฐควรจะเป็นผู้สนับสนุนเรื่องเงินทุนต่างๆ รวมทั้งเรื่องของการประสานงานส่วนหนึ่ง และททท.ก็พร้อมที่จะสนับสนุนต่อเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังเป็นเพียงแนวคิดกว้างๆเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาได้เคยมีการพูดคุยแบบไม่เป็นทางการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกันบ้างแล้วเหมือนกัน และคาดว่าคงจะต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะในการทำให้เกิดเป็นจริงขึ้นมาให้ได้
สำหรับงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2550 (Bangkok Film Market2007 ) ในปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 กรกฎาคมศกนี้ ที่เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า โดยมีพันธมิตรหลักที่เข้าร่วมกันคือ ททท., บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)หรือซีพีเอ็นผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, บริษัท เอสเอฟซีเนม่า ซิตี้ จำกัด ผู้บริหารโรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ และสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ โดยภายในงานจะมีกิจกรรมเสวนาและสัมมนาเชิงปฎับัติการ และกิจกรรมอื่นๆมากมายเหมือนทุกปี
โดยการนำเสนอรูปแบบการจัดงานในปีนี้จะมีทั้งหมด 96 บูธ ซึ่งจองเต็มหมดแล้ว โดยครอบคลุมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยทั้งระบบเป็น 5 โซนดังนี้คือ 1.Location World นำเสนอความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์ชั้นนำของโลกมีความพร้อมทั้งภาครัฐในการอำนวยความสะดวกในการอนุญาติการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ณ ศูนย์บริการเพียงจุดเดียว และภาคเอกชนในการสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย
2. Animation & Digital Entertainment World เป็นการนำเสนอความก้าวหน้าของภาพยนตร์แอนิเมชั่น 3 มิติเรื่องแรกของไทย ที่กำลังก้าวไปสู่การร่วมลงทุนสร้างกับฮอลลีวู้ด 3.International Village เป็นการนำภาพยนตร์ต่างประเทศที่ยังไม่ได้ตกลงขายมานำเสนอกับผู้จัดจำหน่าย และผู้ประกอบการวีซีดี ดีวีดี ของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 4.Equipment & Post-production Service Pavilion มีการนำเสนอความก้าวหน้าของการให้บริการขายและเช่าอุปกรณ์ในการถ่ายทำภาพยนตร์ทั้งกล้อง HD digital camera ตลอดจนโรงถ่ายทำภาพยนตร์ที่ทันสมัย 5.การหารือร่วมกับสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งฝรั่งเศส เพื่อคัดเลือกภาพยนตร์ไทยเข้าร่วมในงานสัปดาห์นักวิจารณ์ภาพยนตร์ ซึ่งจัดเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ในปี 2008
“ปีที่แล้วที่เราจัดงาน มีเม็ดเงินสะพัดในงานที่ซื้อขายสินค้ากันกว่า 500 ล้านบาท แต่ยังไม่นับรวมเม็ดเงินที่เกิดขึ้นต่อจากหลังงานด้วย เช่นการเข้ามาถ่ายทำหนังในไทยเป็นต้น” นายสุรพลกล่าว