“ยามเฝ้าแผ่นดิน”อัดแกนนำ นปก.โกหก บิดเบือนข้อมูลจาบจ้วง “พล.อ.เปรม” ชี้ชัดเคลื่อนไหวไม่บริสุทธิ์ใจ เชิญชวนประชาชนตั้งคำถาม 4 ข้อ ก่อนร่วมกันแสดงพลังปกป้อง “ป๋าเปรม” 22 ก.ค.นี้ ชี้ “หมอเหวง” หมดศักดิ์ศรี-นำหน่วยสันติวิธีคุมม็อบไม่สำเร็จ ต้องเดินตามก้น “จตุพร” เตือน “คมช.-รัฐบาล” ใช้กฎหมายจัดการม็อบป่วนก่อนเกิดน้ำผึ้งหยดเดียวปูทาง “แม้ว” คืนสู่อำนาจ
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 2 ก.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการโดยในช่วงแรก ได้กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) หรือม็อบพีทีวีเดิม ว่า การที่แกนนำกลุ่ม นปก.นำผู้ชุมนุมออกจากสนามหลวงไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์นั้น มันมีความหมาย โดยเฉพาะบทบาท และหน้าที่ของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปก.เมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) ยิ่งชัดเจนว่า ม็อบมีเจตนา และวัตถุประสงค์ล้ม พล.อ.เปรม เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ
หากดูจากข้อกล่าวหาที่นายจักรภพ พยายามกล่าวอ้างนั้นก็ฟังไม่ขึ้น อีกทั้งนายจักรภพ เองนั่นแหละที่โกหกประชาชน พูดจาดูหมิ่นและจาบจ้วงสถาบันอยู่ตลอด โดยเฉพาะเคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ โดยระบุอยากที่จะเห็นสงครามประชาชน วันนี้จึงชัดเจนว่า ม็อบพยายามโจมตี พล.อ.เปรม เพื่อกระทบชิ่งไปถึงสถาบันเบื้องสูง ขณะเดียวกัน ก็ไม่ต้องการระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถึงขนาดกล้าประกาศเจตนารมณ์ในการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวอีกว่า การที่นายจักรภพ กล่าวหา พล.อ.เปรม ในเรื่องต่างๆ นั้น เป็นการโกหกอย่างชัดเจน เพราะ พล.อ.เปรม นั้นถือเป็นบุคคลที่สำคัญคนหนึ่ง พล.อ.เปรม ไม่ใช่เจ้า เป็นเพียงสามัญชนที่มีโอกาสได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เป็นองคมนตรี ดังนั้นนายจักรภพ จะมากล่าวหาว่า พล.อ.เปรม หมิ่นเบื้องสูงนั้นคงไม่ใช่แน่ เพราะหากนำไปเปรียบเทียบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือว่าเข้าข่ายมากกว่า เห็นได้จากการแต่งตั้งโยกย้ายนายประจำปี 2548 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เรียกว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพไปออกรอบตีกอล์ฟก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งยังพูดว่าโผโยกย้ายที่นายกฯ เซ็นไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้
นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการ ยังตั้งข้อสังเกตถึงการเคลื่อนไหวของ นปก.โดยเชื่อว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อล้ม พล.อ.เปรม ดังนั้น ภาพที่เห็น ทั้งการปราศรัยโจมตี หรือกล่าววาจาจาบจ้วงต่างๆ นานานั้น ถือว่าไม่เหมาะสม สิ่งที่ พล.อ.เปรม โดนนั้นสมควรแล้วหรือไม่ การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ใจนั้นสามารถทำได้ แต่การแสดงออกของม็อบ นปก.ในวันนี้ ไม่ใช่การแสดงออกที่ถูกต้อง
ขณะเดียวกันผู้ดำเนินรายการ ยังฝากคำถามไปให้ประชาชนร่วมคิด 4 ข้อว่า 1.ตำแหน่งหน้าที่ที่ได้มาโดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ นั้น หากมีผู้บังอาจไปจาบจ้วงถือว่า เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่ 2.หากเป็นการกระทำละเมิดอำนาจจะมีการดำเนินการอย่างไร 3.จำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องรักษาความรู้สึกเกียรติยศของ พล.อ.เปรม อย่างถึงที่สุด และ 4.ประชาชนทุกคนพร้อมใจกันออกไปร่วมแสดงพลังในวันที่ 22 ก.ค.หรือไม่ คำถามทั้งหมดนี้ประชาชนที่จะต้องตอบเองว่า จะเลือกทำในสิ่งที่ถูกหรือผิด
ในช่วงที่ 2 ของรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงการที่กลุ่มผู้ชุมนุม นปก.พยายามเคลื่อนขบวนไปยังบ้านพักขอ พล.อ.เปรม ซึ่งทำให้ประชาชนในย่านเทเวศร์เดือดร้อนในการเดินทาง จนต้องออกมาต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่มีอยู่หลายสิบคน เช่นเดียวกับการไปปราศรัยที่บริเวณห้างสยามพารากอนของ นพ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย 2 ใน 8 แกนนำ นปก.พร้อมกับพวกอีกประมาณ 10 กว่าคนเมื่อวันเสาร์ที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้นางสุนิสาที่พาลูก 2 คนไปเรียนหนังสือต้องตะโกนด่าจน นพ.เหวง หน้าถอดสี เพราะไม่พอใจที่ นปก.ไปก่อความวุ่นวายสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ อีกทั้งยังเรียกร้องให้คนไทยช่วยกันไล่ นปก.ด้วย
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า การไปปราศรัยที่สยามพารากอนของแกนนำ นปก.ครั้งนี้ ทำให้แกนนำได้เห็นว่า ประชาชนทั่วไปไม่เอาด้วยกับ นปก. ซึ่งถ้าปราศรัยอยู่ที่สนามหลวงก็จะไม่รู้ เพราะคนที่ฟังด้านล่างเวทีก็มีแต่ปรบมือเห็นด้วยทั้งหมด และถ้าเปรียบเทียบกับการเคลื่อนขบวนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปที่สยามพารากอนเมื่อปี 2549 ที่ผ่านมา ก็จะเห็นความแตกต่างอย่างตรงกันข้าม เพราะพันธมิตรฯ เคลื่อนไปเป็นขบวนใหญ่ด้วยความเรียบร้อยโดยมีประชาชนในบริเวณนั้นให้การต้อนรับและเข้ามาร่วมตะโกนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย โดยผู้ดำเนินรายการได้แนะนำ นพ.เหวงว่า ไม่ควรกล่าวหาว่า นางสุนิสาเป็น “สมุนสนธิ” เพราะไม่ใช่ และจะยิ่งทำให้นางสุนิสาไม่พอใจ
นายคำนูณ กล่าวเสริมว่า นพ.เหวงยังมีโอกาสที่จะกลับตัวกลับใจ เพราะเชื่อว่านพ.เหวงไม่ใช่คนประเภทเดียวกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ และไม่น่าจะเอาเกียรติประวัติการต่อสู้ที่เคยทำไว้ในอดีตมาทิ้งกับคนพวกนี้ นพ.เหวงน่าจะเห็นแล้วว่าในการนำม็อบไปที่บ้านพล.อ.เปรม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น นพ.เหวง ได้จัดขบวนสันติวิธีนำหน้า เมื่อถูกสกัดก็บอกผู้ชุมนุมให้รอก่อน แต่คนพวกนั้นไม่ได้เชื่อฟัง และดันให้เคลื่อนขบวนไปข้างหน้า โดย นพ.เหวง ก็ต้องตามไป การที่คนอย่าง นพ.เหวง ต้องเดินตามก้นนายจตุพร ก็เท่ากับหมดศักดิ์ศรีไปแล้ว
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ได้ประกาศว่าจะนำผู้ชุมนุมมาปิดล้อมสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเอเอสทีวีหลายครั้ง ขณะที่ นพ.เหวง ไปพูดที่สยามพารากอน ก็บอกว่าอาจจะมาที่ผู้จัดการเช่นกัน แต่แล้วก็ไม่มา ซ้ำยังไปพูดบิดเบือนหาว่าฝ่ายเราท้าทาย จึงทำให้นึกถึงคำโบราณที่ว่า “หมาเห่าจะไม่กัด”
นายคำนูณ กล่าวว่า ไม่อยากจะเปรียบเทียบใครกับหมา เพราะเป็นคนรักหมา และเชื่อว่า คนทุกคนเป็นมนุษย์ เพียงแต่ว่า บางคนจัดอยู่ใน 3 ประเภท ซึ่งเหมือนจะเป็นมนุษย์ แต่ไม่ใช่มนุษย์ ตามที่สมเด็จฯ ญาณสังวรณ์ ได้เทศนาไว้ คือ 1.มนุสเนรยิโก มีร่างกายเป็นคนแต่ว่าภูมิพื้นฐานทางจิตใจนั้นเป็นสัตว์นรก 2.มนุสเปโต หรือพวกเปรต มีความอยากไม่สิ้นสุด และ 3.มนุสเดรัจฉาโน หรือ มนุษยชายผ้าถุง เป็นมนุษย์ที่มีกิเลส และกรรมที่กระทำเปลี่ยนภูมิพื้นของจิตใจให้เป็นเปรต ไม่มีจิตของความเป็นมนุษย์ ขาดหิริโอตปะ เป็นเดรัจฉาน ดังนั้นจึงไม่อยากว่าใครเป็นหมา แต่ใครบางคนอาจจะเป็นมนุษย์ใน 3 ประเภทนี้
หลังจากนั้น ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงปัญหาความแตกแยกในกลุ่มไทยรักไทย จากปรากฏการณ์ที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวกลุ่มไปแถลงข่าวที่สำนักงานพรรค ที่ตึกนวสร เพียงลำพัง ขณะที่นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นัดประชุมอดีตสมาชิกที่ตึกไอเอฟซีที ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นางเยาวภา กลับมาทวงการนำในพรรคไปจากนายจาตุรนต์ แล้ว
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า มีข่าวว่ากลุ่มไทยรักไทยจะผลักดันนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สามีของนางเยาวภา ให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค และให้นายบุญคลี ปลั่งศิริ เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นข่าวปล่อยเพื่อให้คนวิ่งเข้าไปหา เพราะยังมีจำนวนหนึ่งที่เชื่อมือนายบุญคลี และการที่มีภาพของญาติ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามา จึงเชื่อว่าข้าวปลาอาหารจะอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้มีคนเข้าไปประชุมที่ตึกไอเอฟซีทีถึง 300 คน
อย่างไรก็ตาม นายปานเทพ กล่าวว่า ในเวลานี้ยังวัดอะไรไม่ได้ เพราะอดีต ส.ส.ที่เข้าไปร่วมกับกลุ่มต่างๆ นั้น บางคนก็จะอยู่หลายกลุ่ม และมีเงินเดือนซึ่งจะได้รับจนกระทั่งวันสุดท้ายที่อยู่ในกลุ่ม จึงเชื่อว่าคนที่เข้าไปร่วมประชุมคงจะรอดูสถานภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อน ซึ่งขณะนี้กำลังเข้าตาจน อาจไม่สามารถกลับมาภายในไม่กี่ปีนี้ ยกเว้นจะเกิดความไม่สงบจน คมช.อยู่ไม่ได้
การชุมนุมทุกวันนี้ พวกแกนนำจึงหวังให้เกิดความรุนแรง ให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว แล้วเอาไปอ้างว่าทหารทำร้ายประชาชน ขณะที่ทหารต้องอดทนไว้ แต่พวกนี้ก็ได้ใจ พยายามยั่วยุ เพราะฉะนั้น อะไรที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ ทาง คมช.หรือรัฐบาลก็ควรจะทำเท่าที่จะทำได้
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 2 ก.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการโดยในช่วงแรก ได้กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) หรือม็อบพีทีวีเดิม ว่า การที่แกนนำกลุ่ม นปก.นำผู้ชุมนุมออกจากสนามหลวงไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์นั้น มันมีความหมาย โดยเฉพาะบทบาท และหน้าที่ของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปก.เมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) ยิ่งชัดเจนว่า ม็อบมีเจตนา และวัตถุประสงค์ล้ม พล.อ.เปรม เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ
หากดูจากข้อกล่าวหาที่นายจักรภพ พยายามกล่าวอ้างนั้นก็ฟังไม่ขึ้น อีกทั้งนายจักรภพ เองนั่นแหละที่โกหกประชาชน พูดจาดูหมิ่นและจาบจ้วงสถาบันอยู่ตลอด โดยเฉพาะเคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ โดยระบุอยากที่จะเห็นสงครามประชาชน วันนี้จึงชัดเจนว่า ม็อบพยายามโจมตี พล.อ.เปรม เพื่อกระทบชิ่งไปถึงสถาบันเบื้องสูง ขณะเดียวกัน ก็ไม่ต้องการระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถึงขนาดกล้าประกาศเจตนารมณ์ในการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวอีกว่า การที่นายจักรภพ กล่าวหา พล.อ.เปรม ในเรื่องต่างๆ นั้น เป็นการโกหกอย่างชัดเจน เพราะ พล.อ.เปรม นั้นถือเป็นบุคคลที่สำคัญคนหนึ่ง พล.อ.เปรม ไม่ใช่เจ้า เป็นเพียงสามัญชนที่มีโอกาสได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เป็นองคมนตรี ดังนั้นนายจักรภพ จะมากล่าวหาว่า พล.อ.เปรม หมิ่นเบื้องสูงนั้นคงไม่ใช่แน่ เพราะหากนำไปเปรียบเทียบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือว่าเข้าข่ายมากกว่า เห็นได้จากการแต่งตั้งโยกย้ายนายประจำปี 2548 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เรียกว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพไปออกรอบตีกอล์ฟก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งยังพูดว่าโผโยกย้ายที่นายกฯ เซ็นไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้
นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการ ยังตั้งข้อสังเกตถึงการเคลื่อนไหวของ นปก.โดยเชื่อว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อล้ม พล.อ.เปรม ดังนั้น ภาพที่เห็น ทั้งการปราศรัยโจมตี หรือกล่าววาจาจาบจ้วงต่างๆ นานานั้น ถือว่าไม่เหมาะสม สิ่งที่ พล.อ.เปรม โดนนั้นสมควรแล้วหรือไม่ การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ใจนั้นสามารถทำได้ แต่การแสดงออกของม็อบ นปก.ในวันนี้ ไม่ใช่การแสดงออกที่ถูกต้อง
ขณะเดียวกันผู้ดำเนินรายการ ยังฝากคำถามไปให้ประชาชนร่วมคิด 4 ข้อว่า 1.ตำแหน่งหน้าที่ที่ได้มาโดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ นั้น หากมีผู้บังอาจไปจาบจ้วงถือว่า เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่ 2.หากเป็นการกระทำละเมิดอำนาจจะมีการดำเนินการอย่างไร 3.จำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องรักษาความรู้สึกเกียรติยศของ พล.อ.เปรม อย่างถึงที่สุด และ 4.ประชาชนทุกคนพร้อมใจกันออกไปร่วมแสดงพลังในวันที่ 22 ก.ค.หรือไม่ คำถามทั้งหมดนี้ประชาชนที่จะต้องตอบเองว่า จะเลือกทำในสิ่งที่ถูกหรือผิด
ในช่วงที่ 2 ของรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงการที่กลุ่มผู้ชุมนุม นปก.พยายามเคลื่อนขบวนไปยังบ้านพักขอ พล.อ.เปรม ซึ่งทำให้ประชาชนในย่านเทเวศร์เดือดร้อนในการเดินทาง จนต้องออกมาต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่มีอยู่หลายสิบคน เช่นเดียวกับการไปปราศรัยที่บริเวณห้างสยามพารากอนของ นพ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย 2 ใน 8 แกนนำ นปก.พร้อมกับพวกอีกประมาณ 10 กว่าคนเมื่อวันเสาร์ที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้นางสุนิสาที่พาลูก 2 คนไปเรียนหนังสือต้องตะโกนด่าจน นพ.เหวง หน้าถอดสี เพราะไม่พอใจที่ นปก.ไปก่อความวุ่นวายสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ อีกทั้งยังเรียกร้องให้คนไทยช่วยกันไล่ นปก.ด้วย
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า การไปปราศรัยที่สยามพารากอนของแกนนำ นปก.ครั้งนี้ ทำให้แกนนำได้เห็นว่า ประชาชนทั่วไปไม่เอาด้วยกับ นปก. ซึ่งถ้าปราศรัยอยู่ที่สนามหลวงก็จะไม่รู้ เพราะคนที่ฟังด้านล่างเวทีก็มีแต่ปรบมือเห็นด้วยทั้งหมด และถ้าเปรียบเทียบกับการเคลื่อนขบวนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปที่สยามพารากอนเมื่อปี 2549 ที่ผ่านมา ก็จะเห็นความแตกต่างอย่างตรงกันข้าม เพราะพันธมิตรฯ เคลื่อนไปเป็นขบวนใหญ่ด้วยความเรียบร้อยโดยมีประชาชนในบริเวณนั้นให้การต้อนรับและเข้ามาร่วมตะโกนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย โดยผู้ดำเนินรายการได้แนะนำ นพ.เหวงว่า ไม่ควรกล่าวหาว่า นางสุนิสาเป็น “สมุนสนธิ” เพราะไม่ใช่ และจะยิ่งทำให้นางสุนิสาไม่พอใจ
นายคำนูณ กล่าวเสริมว่า นพ.เหวงยังมีโอกาสที่จะกลับตัวกลับใจ เพราะเชื่อว่านพ.เหวงไม่ใช่คนประเภทเดียวกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ และไม่น่าจะเอาเกียรติประวัติการต่อสู้ที่เคยทำไว้ในอดีตมาทิ้งกับคนพวกนี้ นพ.เหวงน่าจะเห็นแล้วว่าในการนำม็อบไปที่บ้านพล.อ.เปรม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น นพ.เหวง ได้จัดขบวนสันติวิธีนำหน้า เมื่อถูกสกัดก็บอกผู้ชุมนุมให้รอก่อน แต่คนพวกนั้นไม่ได้เชื่อฟัง และดันให้เคลื่อนขบวนไปข้างหน้า โดย นพ.เหวง ก็ต้องตามไป การที่คนอย่าง นพ.เหวง ต้องเดินตามก้นนายจตุพร ก็เท่ากับหมดศักดิ์ศรีไปแล้ว
ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ได้ประกาศว่าจะนำผู้ชุมนุมมาปิดล้อมสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเอเอสทีวีหลายครั้ง ขณะที่ นพ.เหวง ไปพูดที่สยามพารากอน ก็บอกว่าอาจจะมาที่ผู้จัดการเช่นกัน แต่แล้วก็ไม่มา ซ้ำยังไปพูดบิดเบือนหาว่าฝ่ายเราท้าทาย จึงทำให้นึกถึงคำโบราณที่ว่า “หมาเห่าจะไม่กัด”
นายคำนูณ กล่าวว่า ไม่อยากจะเปรียบเทียบใครกับหมา เพราะเป็นคนรักหมา และเชื่อว่า คนทุกคนเป็นมนุษย์ เพียงแต่ว่า บางคนจัดอยู่ใน 3 ประเภท ซึ่งเหมือนจะเป็นมนุษย์ แต่ไม่ใช่มนุษย์ ตามที่สมเด็จฯ ญาณสังวรณ์ ได้เทศนาไว้ คือ 1.มนุสเนรยิโก มีร่างกายเป็นคนแต่ว่าภูมิพื้นฐานทางจิตใจนั้นเป็นสัตว์นรก 2.มนุสเปโต หรือพวกเปรต มีความอยากไม่สิ้นสุด และ 3.มนุสเดรัจฉาโน หรือ มนุษยชายผ้าถุง เป็นมนุษย์ที่มีกิเลส และกรรมที่กระทำเปลี่ยนภูมิพื้นของจิตใจให้เป็นเปรต ไม่มีจิตของความเป็นมนุษย์ ขาดหิริโอตปะ เป็นเดรัจฉาน ดังนั้นจึงไม่อยากว่าใครเป็นหมา แต่ใครบางคนอาจจะเป็นมนุษย์ใน 3 ประเภทนี้
หลังจากนั้น ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงปัญหาความแตกแยกในกลุ่มไทยรักไทย จากปรากฏการณ์ที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวกลุ่มไปแถลงข่าวที่สำนักงานพรรค ที่ตึกนวสร เพียงลำพัง ขณะที่นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นัดประชุมอดีตสมาชิกที่ตึกไอเอฟซีที ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นางเยาวภา กลับมาทวงการนำในพรรคไปจากนายจาตุรนต์ แล้ว
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า มีข่าวว่ากลุ่มไทยรักไทยจะผลักดันนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สามีของนางเยาวภา ให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค และให้นายบุญคลี ปลั่งศิริ เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นข่าวปล่อยเพื่อให้คนวิ่งเข้าไปหา เพราะยังมีจำนวนหนึ่งที่เชื่อมือนายบุญคลี และการที่มีภาพของญาติ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามา จึงเชื่อว่าข้าวปลาอาหารจะอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้มีคนเข้าไปประชุมที่ตึกไอเอฟซีทีถึง 300 คน
อย่างไรก็ตาม นายปานเทพ กล่าวว่า ในเวลานี้ยังวัดอะไรไม่ได้ เพราะอดีต ส.ส.ที่เข้าไปร่วมกับกลุ่มต่างๆ นั้น บางคนก็จะอยู่หลายกลุ่ม และมีเงินเดือนซึ่งจะได้รับจนกระทั่งวันสุดท้ายที่อยู่ในกลุ่ม จึงเชื่อว่าคนที่เข้าไปร่วมประชุมคงจะรอดูสถานภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อน ซึ่งขณะนี้กำลังเข้าตาจน อาจไม่สามารถกลับมาภายในไม่กี่ปีนี้ ยกเว้นจะเกิดความไม่สงบจน คมช.อยู่ไม่ได้
การชุมนุมทุกวันนี้ พวกแกนนำจึงหวังให้เกิดความรุนแรง ให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว แล้วเอาไปอ้างว่าทหารทำร้ายประชาชน ขณะที่ทหารต้องอดทนไว้ แต่พวกนี้ก็ได้ใจ พยายามยั่วยุ เพราะฉะนั้น อะไรที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ ทาง คมช.หรือรัฐบาลก็ควรจะทำเท่าที่จะทำได้