xs
xsm
sm
md
lg

ฉะ"ทีโอที"ทำมึนเซ็กซ์โฟน 1900-จี้เลิกให้สัมปทานธุรกิจน้ำกาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฉเบื้องหลังเซ็กซ์โฟน 1900 เหตุทีโอทีเปิดช่องให้สัมปทานธุรกิจน้ำกามเพราะประโยชน์มหาศาล มูลนิธิกระจกเงาลั่นให้เวลา 1 เดือนก่อนยื่นเรื่อง กทช.ขอให้ยกเลิกสัมปทานผู้ให้บริการโทรศัพท์ ชี้ไม่เคยเห็นหน่วยงานของรัฐประเทศใดในโลกที่เปิดให้บริการเพศพาณิชย์เหมือนประเทศไทย ขณะที่ 10 บริษัทแชทไลน์ยังให้บริการต่อเนื่อง ส่วนตัวเลขเด็กหายพุ่ง 450 คนเฉลี่ยอายุ 11-15 ปี เป็นเด็กหญิงถึง 300 คนโดยพบว่าส่วนใหญ่หายจากสื่อลวงทางเพศเป็นอันดับหนึ่ง

วานนี้ ( 2 มิ.ย.) นายเอกลักษณ์ หลุ่มชุมแข หัวหน้าโครงการศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยว่า เดิมแชทไลน์ไม่ใช่เซ็กซ์โฟน แต่พอพบว่ามีกรณีเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 14 ปี หายจากแชทไลน์ 10 คนแต่พอปี 2547-2549 เพิ่มเป็น 200 คน ทางศูนย์ข้อมูลคนหายฯจึงได้นำเรื่องดังกล่าวส่งไปยังผู้ประกอบการออดิโอเท็กซ์แต่ทุกบริษัทกลับปฏิเสธการพูดคุยกับทางมูลนิธิเพราะเหตุผลที่ว่าเด็กหายจากการแชทไลน์ไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ จากยอดคนหายทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเพราะแค่เด็กหายเพียงคนเดียวก็ต้องหาทางแก้ไขแล้ว

จากนั้นทางกระทรวงไอซีที ได้เรียกผู้ประกอบการมาพูดคุยจึงกลายเป็นจุดหักเหที่สำคัญทำให้บริการเซ็กซ์โฟนเกิดขึ้นมาเพราะทางบริษัทได้ยอมให้มีพนักงานประจำเข้ามาเป็นคู่สายบริการ มีการโฆษณาลงอินเทอร์เน็ตเว็บไซต์ต่างๆ หนังสือฟุตบอล นิตยสารบันเทิง กระดาษทิชชู่ โดยเจ้าของบริษัทบอกพนักงานให้คุยได้ทุกเรื่อง ทั้งนี้ พบว่ามีเด็กชายที่เห็นโฆษณาจากหนังสือฟุตบอลดังๆโทรเข้ามาเล่นเซ็กซ์โฟน

ดังนั้น จึงทำเรื่องส่งไปยังกระทรวงไอซีทีเพื่อให้สั่งการให้บริษัททีโอทีฯยกเลิกสัญญากับบริษัทผู้ประกอบการดังกล่าว แต่จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ กับบริษัททั้ง 10 รายที่เปิดให้บริการอย่างโจ่งแจ้งหรือบางรายเปิดให้บริการอย่างแอบแฝง ทั้งๆที่บริษัททีโอทีฯบอกว่าจะเลิกสัญญากับบริษัทผู้ให้บริการออดิโอเท็กซ์ที่หมิ่นเหม่แต่เมื่อข่าวเงียบหายไปก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ

“ที่ผ่านมาทางศูนย์ฯได้ใช้งบประมาณหลายหมื่นบาทกว่าจะได้ข้อมูลเพราะ 5 นาทีแรกเป็นระบบตอบรับเสียไปแล้ว 75 บาทจึงจะคุยกับพนักงานได้ ซึ่งกว่าจะได้ข้อมูลที่ต้องการหมดครั้งละเป็นพันเมื่อก่อนนาทีละ 9 บาทเดี๋ยวนี้นาทีละ 13 บาท แต่ไม่มีการแจ้งปรับราคาให้ผู้ใช้บริการทราบ สคบ.ควรเข้ามาดูแลด้วย ซึ่งจากข้อมูลที่ได้จากการส่งสายเข้าไปเป็นพนักงานทำให้รู้ว่าบางรายมีการสำเร็จความใคร่ให้กันฟังทางโทรศัพท์ซึ่งถือว่าเป็นการค้าประเวณีทางเสียงแม้ว่าจะไม่เจอตัวกันเลยก็ตาม ทั้งนี้ช่วงที่เซ็กซ์โฟนบูมมากๆ มีพนักงานให้บริการถึง 30 คนต่อผลัดแต่ปัจจุบันนี้ลดเหลือ 10-15 คนต่อผลัดซึ่งคิดเป็นรายได้ตกวันละ 175,000 บาท ตกเดือนละ 5 ล้าน เฉลี่ยรวมทั้ง 10 บริษัทที่ยังเปิดให้บริการกว่า 100 ล้านบาทต่อเดือน”

โดยแต่ละบริษัทต้องแบ่งรายได้ให้ทีโอที 40% บวกค่าสัมปทานปีละ 1 ล้านบาทจึงเห็นว่าทีโอทีเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรงพอๆกับต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแต่กลับปล่อยปละละเลยทั้งๆที่บริษัทผิดสัญญาอย่างชัดเจน หนำซ้ำผู้ดูแลการให้บริการออดิโอเท็กซ์ของบ.ทีโอทีฯ เคยโทรศัพท์มาหาและบอกว่าการให้บริการเซ็กซ์โฟนเป็นการช่วยเหลือสังคม ลดปัญหาอาชญากรรมเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าแบบนี้ยังไม่ดีอีกหรือ

นายเอกลักษณ์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ทางศูนย์ข้อมูลคนหายฯได้ข้อมูลดังกล่าวมาได้แจ้งไปยังหน่วยงานต่างๆ อาทิ กองบังคับการตำรวจสันติบาล กรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ทุกหน่วยงานก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าการกระทำดังกล่าวจะเข้าฐานความผิดหรือไม่ ทางศูนย์จึงได้ติดต่อไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชนและสตรี (ปดส.) ซึ่งได้ให้ความร่วมมือจนสู่การเข้าจับกุมผู้ให้บริการออดิโอเท็กซ์ ประเภทแชทไลน์ 1900 ที่เปิดสายให้บริการเซ็กซ์โฟนย่านรัชดาภิเษกเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ จากการส่งสายเข้าไปทำให้ทราบว่านักศึกษาที่เข้าไปทำงานไม่ได้รู้เห็นเป็นใจแต่ทางบริษัทบังคับให้ทำเพราะหากคุยไม่ถึง 200 นาทีจะถึงไล่ออกแต่หากถึง 350 นาทีจะได้โบนัสพิเศษซึ่งสายที่โทรเข้ามา 95% คุยเรื่องเกี่ยวกับเซ็กซ์ทั้งหมด

ด้าน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ประธานมูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยส่งหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กทช.) ที่มีหน้าที่ตรวจสอบและทบทวนสัญญาการเปิดให้บริการออดิโอเท็กซ์ ประเภทแชทไลน์ ของ บ.ทีโอทีฯว่าเหมาะสมหรือไม่แต่ทาง กทช.กลับบอกว่าไม่สามารถดำเนินการเรื่องนี้ได้เพราะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)และกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ที่จะออกกฎระเบียบควบคุมการแชท์ไลน์เพราะเรื่องเด็กหายเกี่ยวข้องกับ 2 หน่วยงาน

อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับผลประโยชน์จากค่าบริการ 1900 ในอัตรา 40 : 60 ยังคงไม่ดำเนินการใดๆ ขณะที่การให้บริการแชท์ไลน์ยังคงแพร่หลาย กลายเป็นธุรกิจเพศพาณิชย์ ธุรกิจดังกล่าวมีทั่วโลกแต่ตนไม่พบว่าจะมีประเทศใดที่หน่วยงานรัฐเป็นผู้ดำเนินการเสียเอง บ.ทีโอทีฯต้องรับผิดชอบ

ทั้งนี้ ทางมูลนิธิฯจะไปยื่นเรื่องที่กทช.อีกครั้งแต่จะเป็นประเด็นที่จะขอให้กทช.ยกเลิกสัมปทานบ.ทีโอทีฯ หากยังไม่ดำเนินการกับผู้ให้บริการออดิโอเท็กซ์ที่กระทำผิดสัญญาโดยจะให้เวลาทีโอทีอีก 1 เดือนก่อนที่จะยื่นเรื่องไปยัง กทช.นอกจากนี้ทางบ.ทีโอทีฯเคยบอกให้เราเห็นใจทางผู้ประกอบการออดิโอเท็กซ์เพราะลงทุนถึง 30 ล้านบาท

“ขอฝากถึงอาจารย์ไพบูลย์ รองนายกฯและ รมว.พม.ว่าท่านไม่ใช่ไลน์แมนที่จะคอยบอกว่าล้ำหน้าไม่ล้ำหน้าแต่การการทำงานแก้ไขปัญหาต้องทำอย่างคู่ขนานและต้องไม่ทำตัวเป็นคนที่โรแมนติกเกินไป และพาสื่อไปดูทีแบบเต๊ะปี๊ปที จากนั้นก็หายไปเป็นการแก้ปัญหาผ่านสื่อ ซึ่งปัจจุบันศูนย์ฯมีตัวเลขเด็กหายจากบ้านเกือบ 450 คนเฉลี่ยอายุ 11-15 ปี เป็นเด็กหญิงถึง 300 ราย โดยพบว่าหายจากสื่อลวงทางเพศเป็นอันดับหนึ่ง”

ทั้งนี้ ทางศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธรกระจก ขอเสนอทางแก้ไขและข้อเรียกร้องจำนวน 3 ข้อได้แก่ 1.ยกเลิกสัญญาสัมปทานการให้บริการออดิโอเท็กซ์แก่บริษัทที่กระทำความผิดทันที 2.ดำเนินการทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่ที่ปล่อยปละละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมดูแลการให้บริการออดิโอเท็กซ์ 1900 ให้เป็นไปตามสัญญา 3. ควรออกมาตรการควบคุมสัญญาสัมปทานที่เป็นบริการสาธารณะ อันอาจก่อผลกระทบต่อเด็ก เยาวชน และสังคมโดยรวม

สำหรับบริษัทที่ให้บริการแชทไลน์ออดิโอเท็กซ์ 1900 จำนวน 10 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัททริปเปิ้ลเอ 2.บริษัทสามารถ 3.บริษัท1081009 4.บริษัทเทเลอินโฟ 5.บริษัทสยามทูยู 6.บริษัทไทยเทเลวอยส์ 7.บริษัทโมโนเทคโนโลยี 8.บริษัทควอลิติ้ ดิจิตอล 9.บริษัทไซเบอร์คอล และ10.บริษัทอินโฟเทล โดยบริษัทดังกล่าวได้จัดหาคู่สัญญารับทำแผนการตลาด และทำโฆษณาให้
กำลังโหลดความคิดเห็น