xs
xsm
sm
md
lg

บันทึกจากอเมริกา - ตอนอเมริกันสามานย์

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

.
ผมส่งคณะผู้ร่วมงานกลุ่มสุดท้ายวุฒิศักดิ์ ดักกลาส และริชาร์ด จากหอการค้าไทย-อเมริกัน ที่ปรึกษาปรเมเธี วิมลศิริ จากสภาพัฒน์ และไพสิฐ บุญปาลิตจากกระทรวงต่างประเทศกลับเมืองไทย 18 พฤษภาคม 2550 จึงย้ายไปพักโรงแรมเวนีเชียน ซึ่งจำลองแบบมาจากเมืองเวนิส ยังไงยังงั้น สวยงามโอ่อ่า น่าทึ่งจินตนาการและการวางวางแผนของเขาจริงๆ ทำให้นึกถึงเมืองโบราณของเราที่อับเฉาลงไปเรื่อยๆ ด้วยสังคม และรัฐไม่นำพา

ผมตั้งใจจะพักผ่อนสัก 2 คืน แต่เราต้องขับตัวเองออกจากโรงแรมในคืนวันที่ 19 เพราะค่าห้องจะขึ้นจาก $199 เป็น $ 399 ในคืนที่สอง ตามประเพณีการตลาดแบบน้ำขึ้นให้รีบตักของอเมริกัน ต่อเท่าไรก็ไม่สำเร็จ

ที่สนามบินแอลเอ หรือแอลเอเอกซ์ ( LAX ) นอกจากญาติผู้น้องคือศรีวิไล และพา มุนีวงศ์ สามี ยังมีตัวแทนพันธมิตรคือสองสามีภรรยาคุณแดงทั้งคู่กับคุณมนตรี อดีตช่างที่ผันอาชีพไปเป็นพยาบาลไปคอยรับทักทาย และขอบคุณกันสมควรแล้ว ผมขอตัวไปพักบ้านน้อง เตรียมตัวจะพูดเย็นรุ่งขึ้นที่ร้านอาหารแบมบูเฮาส์

ผมได้ยินข่าวล่วงหน้าว่าผมจะมาร่วมกับพันธมิตรในอเมริกาขับไล่พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ผมพอจะทราบแหล่งประชาสัมพันธ์ที่ผิดๆนี้แต่ไม่เคยคิดถือโทษโกรธเคือง ผมดักคอที่ประชุมแต่ต้นทีเดียวว่า ผมจะไม่พูดเรื่องนี้ ถ้าห้ามได้ผมอยากจะห้ามด้วย แต่ผมไม่อาจห้าม เพราะสิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์โจมตีหรือแม้กระทั่งขับไล่ผู้ปกครองประเทศนี้เป็นสิทธิอันศั
กดิ์สิทธิ์ในระบอบประชาธิปไตย

ผมพูดเน้นถึงหลักยุทธศาสตร์และลำดับความสำคัญในการต่อสู้เพื่อถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณและปูหนทางไปสู่การสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง สิ่งสำคัญที่สุดที่คนไทยในอเมริกาจะพึงกระทำ คือป้องกันไม่ให้อเมริกันมาทำร้ายเมืองไทย และป้องกันมิให้ทักษิณใช้อเมริกามาทำลายเมืองไทย ผมเชื่อว่าบัดนี้ทักษิณได้แผ่อิทธิพลไปครอบงำสถาบันสำคัญในสหรัฐฯ คือสภาคองเกรส มหาวิทยาลัย สื่อ และธุรกิจอุตสาหกรรมหมดสิ้นแล้ว สถาบันดังกล่าวถึงแม้ว่าจะไม่ถูกทักษิณใช้โดยตรง แต่ถ้าหากเขาไม่เข้าใจเบื้องหลังของทักษิณ และดูแต่เบื้องหน้าของรัฐบาลไทยที่เกิดจาก คมช.ไปขับไล่รัฐบาลเลือกตั้งของทักษิณ เราก็แพ้แล้ว

ผมได้อธิบายวิธีเคลื่อนไหวง่ายๆ เพื่อติดตามและแก้ข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จหรือเกิดจากอวิชชาความไม่เข้าใจเมืองไทย เริ่มตั้งแต่เบื้องต้น ก็คือ การตรวจสอบข่าวสารจากเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต หรือ www.google.com ด้วยการตั้งคำถามง่ายๆ เข้าไปในจอว่า moves (or talks, or articles, or congress) on or AGAINST THAILAND เราก็จะพบว่าใครเขียน พูด ประชุม ตีพิมพ์ ต่อต้านโจมตีเมืองไทยที่ไหนว่าอย่างไร แต่เว็บนี้จะมีจำนวนมากมายมหาศาลครอบจักรวาลไปหมด ถ้าคำถามไม่เฉพาะเจาะจงก็จะเลือกคำตอบไม่ถูก สู้การเข้าหาตัวบุคคล เครือข่ายหรือสถาบันโดยเฉพาะไม่ได้ เป็นต้นว่า ตรวจสอบกับศูนย์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ติดตามข่าวจากสื่อที่เสนอข่าวเมืองไทยเป็นประจำ หรือคบ congressman หรือ senatorในเขตของแต่ละคน ติดต่อ staff ของเขาในเขตเลือกตั้งหรือที่สภาคองเกรสในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เลยก็ได้ ทุกอย่างนี้ทำไม่อยาก มีระบบไว้รองรับอยู่แล้ว อยู่เมืองไทยก็ทำได้

ผมบอกว่าเมืองไทยโชคดีที่มีคนไทยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียมาก ทั้งแพทย์ พยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบการ เจ้าของร้านอาหารและเสริมสวย หากเข้าใจสร้างพลังกลุ่มก็จะพากันช่วยบ้านเกิดเมืองนอนได้อเนกประการ รวมทั้งการปฏิรูปการเมือง ตอนนี้เงื่อนเวลาและเงื่อนไขก็เอื้ออำนวย ด้วยวุฒิสมาชิกและ ส.ส.จากแคลิฟอร์เนียเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในสภาคองเกรสของอเมริกัน มีวุฒิสมาชิก 2 คนและ ส.ส.(representative or congressman) อีก 53 คน ในนั้นมีประธานสภา คือ ส.ส.หญิง Representative Nancy Pelosi (D - 08) Representative Tom Lantos (D - 12) Representative Henry A. Waxman (D - 30) D คือเดโมแครต ตัวเลข 08 แปลว่ามาจากเขต 8 ซึ่งอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก เขต 12 ของ Lantos นั้นอยู่ชานเมืองซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นถิ่นของคนไทยที่เชียร์ทักษิณเป็นส่วนใหญ่ ต่างกับ Waxman ที่อยู่ในเขต 30 เมืองลอสแองเจลิส ที่ออกมาแก้ต่างให้ไทยเกี่ยวกับการจดทะเบียนยา ร่วมกับ ส.ส. อีกกว่า 20 ราย ปัจจุบัน ส.ส. แคลิฟอร์เนียกำลังมีอิทธิพลเป็นผู้นำในสภา ส่วนใหญ่เป็นพวกหัวก้าวหน้าเอียงซ้ายแบบอเมริกันที่เคร่งครัดเรื่องสิทธิมนุษยชนและการปกครองโดยกฎหมาย (Rule of Law) ซึ่งถ้าหากได้ทราบผลงานโบดำของทักษิณ ก็ย่อมจะเอาใจออกห่างและสนับสนุนประชาธิปไตยอันแท้จริงของไทยได้ไม่ยาก ส.ส.ทั้ง 3 ท่านนี้เมื่อต้องกรอกประวัติในทะเบียนว่านับถือศาสนาใด ทุกคนไม่ยอมกรอก (Faith: Not Available)

ผมลาจากพันธมิตรหลายสิบคนในคืนนั้นด้วยความขอบคุณและอิ่มเอิบใจ เชื่อมั่นในมิตรภาพและศักยภาพที่ท่านเหล่านั้นจะสร้างคุณประโยชน์ให้กับบ้านเกิดจากเมืองนอนในปัจจุบันได้ เพราะแคลิฟอร์เนียเป็นระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่อันดับต้นของโลก มีระบบอุดมศึกษาที่ยอมรับกันว่าดีที่สุด กลับถึงที่พัก ผมเปิดอินเทอร์เน็ตดู ก็เจอแจ็กพอตพอดี

นั่นก็คือ ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2007 หรือ 3 วันที่เพิ่งผ่านไป Rep. Mark Kirkแห่งรัฐอิลลินอยส์ เขตเลือกตั้งที่ 10 เสนอพระราชบัญญัติเข้าสู่สภาคองเกรส หมายเลขที่ H. R. 2382 ให้ชื่อว่า ‘Thailand Democracy Act of 2007’ หรือการจัดระเบียบประชาธิปไตยไทย ปี 2550

ผมได้แต่นึกในใจว่า ไอ้ ส.ส. คนนี้ช่างสามหาวจริงหนอ และสภาคองเกรสก็พลอยทะลึ่งไปด้วย ผมรีบเปิดตำราพิชัยยุทธ์ว่าจะสั่งสอน ส.ส. อเมริกัน คนนี้อย่างไรดี

ขอยืนยันอีกครั้งว่า ผมมิใช่คนแอนตี้อเมริกัน ผมตั้งใจจะอพยพไปอยู่อเมริกาหากเมืองไทยเป็นเผด็จการไม่รู้จักเลิก แต่ผมก็เข้าใจว่า ในทางร้าย อเมริกาสามารถทำร้ายประเทศไทยได้มากกว่าคนอื่นหมด เพราะอเมริกาเป็นสังคมที่เงินจ้างได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งจ้างสังหารประธานาธิบดีของตนเองหรือประ
มุขชาติอื่นก็ทำได้

อดีตวุฒิสมาชิกวิลเลียม ฟุลไบรท์ เคยเขียนถึง The Arrogance of Power หรือความผยองอำนาจของสังคมอเมริกัน อเมริกาเป็นชาติใหม่ เป็นอภิมหาเศรษฐีใหม่ เป็นอภิมหาอำนาจใหม่ จึงมีความหยิ่งผยองมาก เป็นความหยิ่งผยองที่เกิดจากปมด้อยและอวิชชาของตนเอง“รู้น้อยว่ามากรู้เริงใจ” ผมคิดถึงอาจารย์คึกฤทธิ์ที่เคย กระทำความผิดฐานไปวิจารณ์ “กุ๋ยอเมริกัน” ผู้ปกครองไทยสมัยนั้นโกรธแทนคุณพ่อจนทนไม่ได้เลยจับขึ้นศาล ในกาลต่อมาอาจารย์คึกฤทธิ์ได้แสดงหนังของฮอลลีวูด เป็นตัวนำคู่กับมาร์ลอน แบรนโด ในหนังเรื่อง Ugly American หรืออเมริกันสวะ

อเมริกันสวะมิใช่ตัวแทนของอเมริกันส่วนใหญ่ แต่เป็นตัวแทนของคนอเมริกันส่วนน้อยที่มีอำนาจ มีเงิน มีวิชาความรู้สูง พอชักจะมีมากขึ้นหน่อยก็ชักจะสามหาว หยิ่งผยอง ยโสโอหัง คุยโตโอ่อวด จะหาบุคคลเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องค้นให้ยากในวงการเมือง วงการศึกษา วงการค้า และบ่อยครั้งในสื่อ หรือแม้แต่ในสถานทูตอเมริกัน คนพวกนี้ถ้าไม่เตะสั่งสอนเสียบ้างก็จะไม่รู้ว่าไทยเป็นราชอาณาจักรที่รุ่งเรืองก่อนประเทศอเมริกากำเนิดหลายร้อยปี

จากข้อมูลอินเทอร์เน็ต เคิร์กสังกัดพรรครีปับลิกัน ที่ตอนนี้ตกเป็นฝ่ายเสียงข้างน้อยทั้ง 2 สภา เพิ่งเป็น ส.ส. เมื่อปี 2000 ขึ้นสมัยที่ 4 ปีนี้เอง นับว่าอาวุโสน้อยมาก เขาเรียนจบมาจากคอร์เนล จอร์จทาวน์ และลอนดอนสกูลฯ ตามลำดับ และเป็น ส.ส.เขตเลือกตั้ง 10 ของรัฐอิลลินอยส์ ในพื้นที่ตอนเหนือของเมืองชิคาโก

“เสร็จกูละ” ผมนึกในใจ เพราะที่ที่กล่าวมายกเว้นชิคาโก ล้วนแล้วแต่เป็นถิ่นเก่าของผมทั้งสิ้น แต่ชิคาโกก็เป็นเมืองที่มีคนไทยมากที่สุดรองจากแอลเอ

ผมเริ่มวางแผนนัดสำนักงานของ ส.ส. เคิร์กที่ Capitol Hill หรือสภาคองเกรสของอเมริกันทันที

วันที่พวกเราไปเหยียบสภาคองเกรสคือวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 เป็นวันปิดสมัยประชุม จึงไม่มี ส.ว. หรือ ส.ส. อยู่ที่สภา มีแต่สต๊าฟประจำที่ทำงานอยู่เต็มอัตราศึกระบบสต๊าฟของสภาอเมริกันก้าวหน้ามีความสามารถและรับผิดชอบสูงกว่าสภาของชาติอื่นๆ ของไทยเราเองมีแต่หลอกลวง บรรจุเอาลูกน้องบริวารอัดเข้าไปรับเงินเดือนไม่รู้จักละอาย ผลงานไม่ต้องพูดถึง วันนั้นเราไปกัน 3 คน เพราะผมขอให้สถานทูตส่งคนไปช่วยฟังช่วยจดรับข้อมูลด้วย ผมไม่ต้องการปิดบังอะไร ไม่ว่าเรื่องที่ผมเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับทางราชการ สถานทูตจึงส่ง อัครราชทูตที่ปรึกษา ซึ่งเป็นเบอร์ 3 ชื่อคุณทรงศักดิ์ สายเชื้อ กับเลขานุการเอกชื่อประพันธ์ ดิษยทัตไปกับผมด้วย

ครั้นถึง 11 น. เป๊ะเขาก็เชิญเราเข้าห้องประชุม มีผู้มายื่นนามบัตร 3 คนคือ Lester E.Munson, Washington Chief of Staff ; Patrick R. Magnuson, Legislative Director กับ Richard Goldberg, Legislative Assistant ซึ่งนับเป็น 2 ใน 4 ขององค์ประกอบสำคัญของสำนักงาน ส.ส. และ ส.ว. อเมริกัน พวกนี้เป็นมืออาชีพ กินเงินเดือนสูง และมีพนักงานผู้ช่วยอีกมากมาย

ครั้นถึงเวลาเจรจา ฝ่ายเขาเหลือเพียง 2 คนหลังที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่จะออกโดยตรง ผมเสียดายที่คุณธัชพงษ์ จันทรปรรณิก ประธานวอชิงตัน ดี.ซี. ฟอรั่มไม่สามารถมาร่วมได้ ไม่งั้นฝ่ายเราจะกลายเป็น 2 ต่อ 1 และมีตัวแทนที่มิได้เป็นราชการมาเข้าคู่กับผมอีก 1 คน ผมได้ย้ำกับเขาอีกครั้งว่า ผมมาในฐานะประชาชนแท้ๆ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล และมีประชาชนที่อยู่ในเขตเลือกตั้ง 10 ของเคิร์กและใกล้เคียงลงลายมือชื่อมอบให้ผมมาเป็นตัวแทนแสดงความไม่พอใจกับกฎหมายฉบับนี้ด้วย

ไม่เสียแรงที่พี่น้องไทยชาวชิคาโกช่วยโทรศัพท์และส่งรายชื่อไปเตือนที่สำนักงานของเขาใน Northwood, ชิคาโกมาก่อนแล้ว ผมขอบคุณคุณหมอพวงเพชร์ และคุณสุนันทา ลัดดากลม ที่ช่วยประสานงานให้อย่างรวดเร็วทันใจ ปรากฏว่า Patrick กับ Richard ฟังหูผึ่ง และออกปากขอบัญชีรายชื่อจากผมหลายครั้ง ผู้แทนอเมริกันเขาฟังเสียงผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาก เพราะนั่นหมายถึงอนาคตของเขา

เคิร์กจะต้องเผชิญการเลือกตั้งทุกๆ 2 ปี คะแนนเขาลดลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ชนะ 67% ครั้งแรกเหลือเพียง 53% ครั้งล่าสุด หากกระแสเดโมแครตขึ้นคราวหน้าซึ่งค่อนข้างแน่ เคิร์กก็มีหวังปิ๋ว นี่กระมังที่เป็นเหตุให้เขาเสนอกฎหมายนี้ เพื่อเอาใจแอบบอท บริษัทยายักษ์ที่โรงงานตั้งอยู่ในเขต 10 มันโกรธที่ไทยไปลงทะเบียนลดราคายาเอดส์แบบไม่มีหูรูด ขณะนี้บริษัทประสานเสียงกับล็อบบี้ของทักษิณโจมตีไทยทุกวิถีทาง

ผมพูดจาอย่างสุภาพมาก ฝากขอบคุณเคิร์กด้วยที่เป็นห่วงประชาธิปไตยไทย ผมได้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาตลอดชีวิต ตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยคอร์เนลรุ่นครูของเขา แต่ผมเกรงว่าภาษาในหมวด 1 คือ This Act may be cited as the ‘Thailand Democracy Act of 2007’ ให้เรียก พ.ร.บ.นี้ว่า “พ.ร.บ. จัดระบบประชาธิปไตยไทย 2007” ออกจะเป็นความตั้งใจดีที่สามหาวเกินไป หนำซ้ำข้อเท็จจริงในหมวด 2 มีหลายเรื่องที่ไม่ตรงกับความจริง หรือผิดพลาดและเข้าใจผิด เช่น ข้อ 2 ตอนหนึ่งว่า (2) General Boonyaratkalin, leader of the military coup, suspended both houses of Parliament ก็ผิดอย่างฉกรรจ์เพราะทักษิณต่างหากที่ยุบสภาที่ตนเองมีเสียงล้นหลามโดยไม่มีสาเหตุ นอกจากจะหลีกคำถามของสังคมเรื่องคอร์รัปชัน ครั้นมีการเลือกตั้งใหม่ในเดือนเมษายน 2007 ศาลก็สั่งว่า null and void คือเป็นโมฆะเพราะทักษิณครอบงำการเลือกตั้งจนไม่เสรีและยุติธรรม อนึ่ง ทักษิณก็ได้ลาออกไปแล้วดังที่เป็นข่าวทั่วโลก แต่จู่ๆ ก็กลับมาสถาปนาตนเองใหม่โดยใช้อำนาจครอบงำ มิได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ความในข้อ (1) ที่ว่า On September 19, 2006, the military and police of the Kingdom of Thailand overthrew the elected government of Prime Minister Thaksin Shinawatra จึงไม่จริงอย่างสิ้นเชิง ทักษิณเองต่างหากเป็นผู้ทำลายรัฐธรรมนูญหลายมาตรา เช่น มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดการสังหารบุคคลโดยไม่ผ่านขั้นตอนกฎหมาย คนหายตัวไปเหมือนกับในชิลีเป็นจำนวนพัน รวมทั้งชิปปิ้งของทักษิณและทนายความมุสลิม ทักษิณถูกกล่าวหาว่าคอร์รัปชันกว่า 40 โครงการ และนำเงินหลวงไปแจกจ่ายในโครงการประชานิยมโดยไม่คำนึงถึงระเบียบงบประมาณและข้อบังคับของรัฐธรรมนูญ ฯลฯ

เราคุยกัน1 ช.ม.เต็มๆ เขาก็ถึงบางอ้อ ก่อนจะจบ ผมตบท้ายว่า เรื่องพันธมิตรพิเศษนอกเนโต ที่กฎหมายนี้จะให้ยกเลิกนั้น ผมเห็นต่างจากรัฐบาล ผมไม่ give a damn คือไม่สนแบบถุยน้ำลายให้ เพราะรู้ว่าเงินช่วยเหลือที่พรรณนาเสียโก้หรูรวมแล้วปีละไม่ถึง $ 5 ล้าน จะเอาไปทำหอกอะไร ผมรู้ดี แต่ลืมพูดไปว่า 7 ใน 14 ประเทศที่เป็นพันธมิตรพิเศษนาโตนั้น ล้วนแต่เป็นเผด็จการโลกที่สามทั้งสิ้น โถ เองนึกว่าคนไทยโง่ทั้งประเทศยังงั้นหรือ

ผมรู้ดีว่า พ.ร.บ.นี้ยังไงๆ ก็ไม่ผ่าน เพื่อนที่เป็นเดโมแครต และผู้นำองค์กรกลุ่มผลประโยชน์ที่แนบแน่นกับสภาคองเกรสบอกผมว่าสบายใจได้เลย แต่ผมไม่อยากให้ไทยถูกประจานผิดๆ ตราบใดที่กฎหมายฉบับนี้ยังอยู่ในสายพาน น่าที่จะจัดการเผาเสียให้เสร็จ โดยไม่ให้มีผู้รับรองและไม่ให้ขึ้นไปถึงคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของสภา เรื่องนี้คนไทยในอเมริกาก็ช่วยได้ สถานทูตก็ช่วยได้ กระทรวงต่างประเทศก็ช่วยได้ เว้นแต่จะเกี่ยงกัน ปล่อยให้เปรตสาวไส้ให้กากินต่อไป

วันที่ 4 กรกฎาคมนี้เป็นวันชาติสหรัฐอเมริกา
ขอให้ประชาชนอเมริกันและสหรัฐอเมริกาจงเจริญ!
ขอให้มิตรภาพระหว่างไทยกับอเมริกาจงเจริญ!!

กำลังโหลดความคิดเห็น