กำลังผสมปูพรมค้น อ.สุไหงปาดี และอ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส รวบ “แกนนำอาร์เคเค” ตัวเอ้ พร้อมสมุน 54 คน และของกลางใช้ป่วนใต้ ด้าน“เสรีพิศุทธ์” ลงพื้นที่ชายแดนใต้ สร้างขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่ามกลางเหตุร้ายที่เกิดขึ้น ทั้งลอบบึ้มบ้านพักนายดาบตำรวจ เผาโรงเรียนและป่วนเบตงหลายจุด โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.00 น. วานนี้(1 ก.ค.) พ.ท.รุ่งโรจน์ อนันตโท ผบ.ฉก.31 ร.ต.อ.ปรีชา กิ่มเกลี้ยง สว.นปพ.ฉก.2 และ ร.อ.สุพจน์ ทรงประดิษฐ์ ฝอ.3 ทหารพรานที่ 45 และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ร่วมสนธิกำลังจำนวนกว่า 300 นาย ใช้กฎอัยการศึกบุกจู่โจมตรวจค้น 3 เป้าหมายใหญ่ในหมู่บ้านยานิง ม.2 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านมีกลุ่มสมาชิกแนวร่วมอาร์เคเคที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี และอ.เจาะไอร้อง ได้แฝงตัวมาร่วมชุมนุมกันในพื้นที่
เจ้าหน้าที่จึงได้บุกจู่โจมตรวจค้นแบบปูพรมพร้อมกัน โดยใช้เวลาในเบื้องต้นไปแล้วประมาณ 6 ชั่วโมง สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้จำนวน 54 คน ซึ่งบุคคล 1 ในนั้น คือ นายมูหามัด เจ๊ะแม อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 ม.2 บ้านยานิง ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความมั่นคงหลายพื้นที่ใน จ.นราธิวาส และเป็นแกนนำหลักของกลุ่มสมาชิกอาร์เคเค ที่รับผิดชอบเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ จ.นราธิวาส
พร้อมของกลางเป็นจำนวนมากที่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจค้นพบในบ้านของผู้ต้องสงสัย คือ 1.อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 11 มม.พร้อมกระสุน 6 นัด จำนวน 1 กระบอก 2.ยาปฏิชีวนะ 3.เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 4.เสื้อและกางเกงลายพรางทหาร 5.รองเท้าบูต 6 .สายไฟฟ้า 7 .นาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล 8.มีดสปาต้า 9.โทรศัพท์มือถือพร้อมซิมการ์ด 10.แผ่นซีดีปลุกระดม 11.เอกสารภาษายาวี และอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดอีกจำนวนหลายรายการ
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับและผู้ต้องสงสัยทั้งหมดมาตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ก่อนที่จะควบคุมตัวส่งศูนย์ซักถามค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เพื่อสอบสวนขยายผลถึงเครือข่ายต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับการจู่โจมตรวจค้นในครั้งนี้ภารกิจการขยายผลยังไม่เสร็จสิ้น คาดว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเพิ่มได้อีกหลายราย
ส่วน ที่ห้องประชุมโรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะได้เดินทางเข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ใน อ.สุไหงโก-ลก ทั้ง ตำรวจภูธร ตชด.และตำรวจน้ำ ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น และมอบนโยบายการแก้ไขปัญหา หลังจากได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกองกำลังที่ สภ.อ.ตากใบ และ สภ.อ.สุไหงปาดี
ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รักษาการ ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่กองกำลังทุกฝ่าย เร่งสร้างมวลชนให้เข้ามามีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ให้มากที่สุด เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์ความไม่สงบคลี่คลายไปได้โดยเร็ว
หลังจากนั้นรักษาการ ผบ.ตร.ได้มอบวัตถุมงคลเหรียญหลวงปู่ทวด เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย รวมทั้งได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ประกอบการร้านค้าและประชาชน ตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งภารกิจก่อนเดินทางกลับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เดินทางไปเยี่ยมปลอบขวัญเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ต่างๆทั้ง 13 อำเภอในจังหวัดนราธิวาสครั้งนี้ด้วย
ขณะที่ในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนใต้เกิดเหตุป่วนในหลายจุด โดยเมื่อเวลา 09.30 น.เกิดเหตุระเบิด ที่บ้านพักเลขที่ 37-39/1 เขตเทศบาลต.มะรือโบตก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ พบจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณในคูน้ำหลังหลังบ้านพักดังกล่าว ด้านหลังเป็นสนามฟุตบอลเยื้องสถานีรถไฟมะรือโบตก พบเป็นบ้านพักของ ด.ต.ปรีชา สุขขาว อายุ 52 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีตำรวจยุทธศาสตร์ ต.มะรือโบตก สังกัด สภ.อ.ระแงะ ซึ่งกำลังยืนรอเจ้าหน้าที่ ด้วยสภาพเปรอะเปื้อนด้วยโคลนดินตามใบหน้าและลำตัว แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดแต่อย่างใด แต่แรงระเบิดทำให้โคลนดินในคูน้ำกระจายตามบริเวณต้นกล้วยและต้นไม้ รวมถึงผนังฝาบ้านเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ และจากการตรวจสอบในรัศมี 15 เมตร พบชิ้นส่วนประกอบเศษท่อพีวี เชื้อปะทุ เหล็กเส้นตัด เศษโทรศัพท์มือถือ ปุ๋ยแอมโมเนียไนเตรท จึงเก็บเป็นหลักฐาน
ส่วนที่อ.เจาะไอร้อง เมื่อเวลา 03.30 น.ได้เกิดเหตุ เพลิงไหม้อาคารเรียนไม้ชั้นเดียว ของโรงเรียนบ้านไอสะเตียร์ ม.3 ต.บูกิต อ.เจาะไอ จ.นราธิวาส ร้อง จำนวน 6 ห้อง ประกอบด้วยห้อง ป.1/1, ป.1/2, ป.2/1, ป.2/2, ป.3/1 และห้อง ป.3/2
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุชาวบ้านพบกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัย จำนวน 4-5 คนขี่รถจักรยานยนต์ถือแกลลอนน้ำมันพลาสติก ขนาด 5 ลิตร ขี่วนเวียนมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนบ้านไอสะเตียร์ แล้วจอดรถจักรยานยนต์ที่บริเวณริมรั้วด้านหลังของตัวอาคาร จากนั้นงัดหน้าต่างของห้องเรียนชั้น ป.3/2 ปีนเข้าไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เตรียมมาราดฝาผนัง และกองหนังสือบนโต๊ะครูหน้าชั้นเรียนแล้วจุดไฟเผา หลังหลบหนีกลุ่มคนร้ายได้โปรยตะปูเรือใบตามถนนเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่มาช่วยกันดับไฟได้สะดวก แต่ชาวบ้านพบเห็นจึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาเก็บกวาด ก่อนที่จะร่วมเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่เพลิงกำลังไหม้อาคารเรียนจนหมดทั้งหลังแล้ว
ขณะที่ จ.ยะลา เมื่อเวลา 05.00 น.ได้เกิดเหตุวุ่นวายหลายจุด พ.ต.ท.จุมพล เปรมศิริ รอง ผกก.(ป) สภ.อ.เบตง จ.ยะลา พร้อมกำลังตำรวจในพื้นที่ รวมทั้งทหารและฝ่ายปกครองกว่า 150 นาย หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่า บนถนนสายยะลา - เบตง มีต้นไม้ใหญ่ขวางถนน และยังมีวัตถุต้องสงสัยวางอยู่ริมถนน ทำให้รถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานไปยังหน่วย เก็บกู้ระเบิด เข้าตรวจสอบ
จุดแรกที่บริเวณบ้านกม.29 ม.1 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง บริเวณตลาดนัด พบมีกล่องต้องสงสัยวางอยู่ริมถนนจำนวน 2 กล่อง จึงยิงทำลาย ตรวจสอบภายในพบเป็นก้อนอิฐ และห่างไป 2 กิโลเมตร คนร้ายได้โรยตะปูเรือใบ
ส่วนพื้นที่บ้าน กม.30 ม.1 ต.อัยเยอร์เวง มีต้นไม้ใหญ่ถูกตัดโค่นขวางถนน และเศษแก้วเกลื่อนถนน แต่ไม่พบวัตถุอันตราย เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำต้นไม้ออก และเปิดการจราจรได้ตามปกติ ส่วนบริเวณบ้าน กม.34 และ 35 พบป้ายผ้าเขียนภาษามลายูเป็นป้ายปลุกระดมโดยมีความว่า ชาวมลายูลุกขึ้นมาจับปืน ต่อสู้กับรัฐ
นอกจากนี้ หน่วยข่าวความมั่นคง ยังได้แจ้งเตือนให้หน่วยราชการทุกหน่วย ทุกองค์กรรวมทั้งภาคธุรกิจของเอกชน ให้เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากหน่วยข่าวกรองของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.ยะลา ได้รับรายงานว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปฝ่ายตรงข้ามมีแผนการ ที่จะก่อเหตุความไม่สงบในหลายพื้นที่ของ จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยพุ่งเป้าไปที่ย่านชุมชน บ้านพักอาศัยของคนไทยพุทธ
ส่วนพื้นที่ จ.ยะลา จากการติดตามข่าวสารของหน่วยข่าวพบว่า ฝ่ายตรงข้ามวางแผนที่จะเข้ามาก่อเหตุในเขตเทศบาลนครยะลา โดยมีเป้าหมายที่สถานบันเทิงในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งการวางแผนกันในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ บ้านตือเบาะ ต.สะเตงนอก อ. เมือง จ.ยะลา โดยมีการวางตัวผู้ลงมือเป็นกลุ่มวัยรุ่น ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะโดยทำทีเป็นขับขี่เข้ามาเที่ยว หากเจ้าหน้าที่หรือรปภ.เผลอ ก็จะฉวยโอกาสนำระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยโทรมือถือขว้างเข้าใส่ตัวอาคาร แล้วพวกที่เหลือก็จะจุดระเบิดแบบเดียวกับที่เคยก่อเหตุอย่างที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.00 น. วานนี้(1 ก.ค.) พ.ท.รุ่งโรจน์ อนันตโท ผบ.ฉก.31 ร.ต.อ.ปรีชา กิ่มเกลี้ยง สว.นปพ.ฉก.2 และ ร.อ.สุพจน์ ทรงประดิษฐ์ ฝอ.3 ทหารพรานที่ 45 และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ร่วมสนธิกำลังจำนวนกว่า 300 นาย ใช้กฎอัยการศึกบุกจู่โจมตรวจค้น 3 เป้าหมายใหญ่ในหมู่บ้านยานิง ม.2 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านมีกลุ่มสมาชิกแนวร่วมอาร์เคเคที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี และอ.เจาะไอร้อง ได้แฝงตัวมาร่วมชุมนุมกันในพื้นที่
เจ้าหน้าที่จึงได้บุกจู่โจมตรวจค้นแบบปูพรมพร้อมกัน โดยใช้เวลาในเบื้องต้นไปแล้วประมาณ 6 ชั่วโมง สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้จำนวน 54 คน ซึ่งบุคคล 1 ในนั้น คือ นายมูหามัด เจ๊ะแม อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 ม.2 บ้านยานิง ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความมั่นคงหลายพื้นที่ใน จ.นราธิวาส และเป็นแกนนำหลักของกลุ่มสมาชิกอาร์เคเค ที่รับผิดชอบเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายในพื้นที่ จ.นราธิวาส
พร้อมของกลางเป็นจำนวนมากที่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจค้นพบในบ้านของผู้ต้องสงสัย คือ 1.อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 11 มม.พร้อมกระสุน 6 นัด จำนวน 1 กระบอก 2.ยาปฏิชีวนะ 3.เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 4.เสื้อและกางเกงลายพรางทหาร 5.รองเท้าบูต 6 .สายไฟฟ้า 7 .นาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล 8.มีดสปาต้า 9.โทรศัพท์มือถือพร้อมซิมการ์ด 10.แผ่นซีดีปลุกระดม 11.เอกสารภาษายาวี และอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดอีกจำนวนหลายรายการ
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับและผู้ต้องสงสัยทั้งหมดมาตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ก่อนที่จะควบคุมตัวส่งศูนย์ซักถามค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เพื่อสอบสวนขยายผลถึงเครือข่ายต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับการจู่โจมตรวจค้นในครั้งนี้ภารกิจการขยายผลยังไม่เสร็จสิ้น คาดว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเพิ่มได้อีกหลายราย
ส่วน ที่ห้องประชุมโรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะได้เดินทางเข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ใน อ.สุไหงโก-ลก ทั้ง ตำรวจภูธร ตชด.และตำรวจน้ำ ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น และมอบนโยบายการแก้ไขปัญหา หลังจากได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกองกำลังที่ สภ.อ.ตากใบ และ สภ.อ.สุไหงปาดี
ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รักษาการ ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่กองกำลังทุกฝ่าย เร่งสร้างมวลชนให้เข้ามามีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ให้มากที่สุด เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์ความไม่สงบคลี่คลายไปได้โดยเร็ว
หลังจากนั้นรักษาการ ผบ.ตร.ได้มอบวัตถุมงคลเหรียญหลวงปู่ทวด เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย รวมทั้งได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ประกอบการร้านค้าและประชาชน ตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งภารกิจก่อนเดินทางกลับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เดินทางไปเยี่ยมปลอบขวัญเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ต่างๆทั้ง 13 อำเภอในจังหวัดนราธิวาสครั้งนี้ด้วย
ขณะที่ในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนใต้เกิดเหตุป่วนในหลายจุด โดยเมื่อเวลา 09.30 น.เกิดเหตุระเบิด ที่บ้านพักเลขที่ 37-39/1 เขตเทศบาลต.มะรือโบตก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ พบจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณในคูน้ำหลังหลังบ้านพักดังกล่าว ด้านหลังเป็นสนามฟุตบอลเยื้องสถานีรถไฟมะรือโบตก พบเป็นบ้านพักของ ด.ต.ปรีชา สุขขาว อายุ 52 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีตำรวจยุทธศาสตร์ ต.มะรือโบตก สังกัด สภ.อ.ระแงะ ซึ่งกำลังยืนรอเจ้าหน้าที่ ด้วยสภาพเปรอะเปื้อนด้วยโคลนดินตามใบหน้าและลำตัว แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดแต่อย่างใด แต่แรงระเบิดทำให้โคลนดินในคูน้ำกระจายตามบริเวณต้นกล้วยและต้นไม้ รวมถึงผนังฝาบ้านเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ และจากการตรวจสอบในรัศมี 15 เมตร พบชิ้นส่วนประกอบเศษท่อพีวี เชื้อปะทุ เหล็กเส้นตัด เศษโทรศัพท์มือถือ ปุ๋ยแอมโมเนียไนเตรท จึงเก็บเป็นหลักฐาน
ส่วนที่อ.เจาะไอร้อง เมื่อเวลา 03.30 น.ได้เกิดเหตุ เพลิงไหม้อาคารเรียนไม้ชั้นเดียว ของโรงเรียนบ้านไอสะเตียร์ ม.3 ต.บูกิต อ.เจาะไอ จ.นราธิวาส ร้อง จำนวน 6 ห้อง ประกอบด้วยห้อง ป.1/1, ป.1/2, ป.2/1, ป.2/2, ป.3/1 และห้อง ป.3/2
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุชาวบ้านพบกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัย จำนวน 4-5 คนขี่รถจักรยานยนต์ถือแกลลอนน้ำมันพลาสติก ขนาด 5 ลิตร ขี่วนเวียนมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนบ้านไอสะเตียร์ แล้วจอดรถจักรยานยนต์ที่บริเวณริมรั้วด้านหลังของตัวอาคาร จากนั้นงัดหน้าต่างของห้องเรียนชั้น ป.3/2 ปีนเข้าไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เตรียมมาราดฝาผนัง และกองหนังสือบนโต๊ะครูหน้าชั้นเรียนแล้วจุดไฟเผา หลังหลบหนีกลุ่มคนร้ายได้โปรยตะปูเรือใบตามถนนเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่มาช่วยกันดับไฟได้สะดวก แต่ชาวบ้านพบเห็นจึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาเก็บกวาด ก่อนที่จะร่วมเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่เพลิงกำลังไหม้อาคารเรียนจนหมดทั้งหลังแล้ว
ขณะที่ จ.ยะลา เมื่อเวลา 05.00 น.ได้เกิดเหตุวุ่นวายหลายจุด พ.ต.ท.จุมพล เปรมศิริ รอง ผกก.(ป) สภ.อ.เบตง จ.ยะลา พร้อมกำลังตำรวจในพื้นที่ รวมทั้งทหารและฝ่ายปกครองกว่า 150 นาย หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่า บนถนนสายยะลา - เบตง มีต้นไม้ใหญ่ขวางถนน และยังมีวัตถุต้องสงสัยวางอยู่ริมถนน ทำให้รถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานไปยังหน่วย เก็บกู้ระเบิด เข้าตรวจสอบ
จุดแรกที่บริเวณบ้านกม.29 ม.1 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง บริเวณตลาดนัด พบมีกล่องต้องสงสัยวางอยู่ริมถนนจำนวน 2 กล่อง จึงยิงทำลาย ตรวจสอบภายในพบเป็นก้อนอิฐ และห่างไป 2 กิโลเมตร คนร้ายได้โรยตะปูเรือใบ
ส่วนพื้นที่บ้าน กม.30 ม.1 ต.อัยเยอร์เวง มีต้นไม้ใหญ่ถูกตัดโค่นขวางถนน และเศษแก้วเกลื่อนถนน แต่ไม่พบวัตถุอันตราย เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำต้นไม้ออก และเปิดการจราจรได้ตามปกติ ส่วนบริเวณบ้าน กม.34 และ 35 พบป้ายผ้าเขียนภาษามลายูเป็นป้ายปลุกระดมโดยมีความว่า ชาวมลายูลุกขึ้นมาจับปืน ต่อสู้กับรัฐ
นอกจากนี้ หน่วยข่าวความมั่นคง ยังได้แจ้งเตือนให้หน่วยราชการทุกหน่วย ทุกองค์กรรวมทั้งภาคธุรกิจของเอกชน ให้เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากหน่วยข่าวกรองของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.ยะลา ได้รับรายงานว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปฝ่ายตรงข้ามมีแผนการ ที่จะก่อเหตุความไม่สงบในหลายพื้นที่ของ จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยพุ่งเป้าไปที่ย่านชุมชน บ้านพักอาศัยของคนไทยพุทธ
ส่วนพื้นที่ จ.ยะลา จากการติดตามข่าวสารของหน่วยข่าวพบว่า ฝ่ายตรงข้ามวางแผนที่จะเข้ามาก่อเหตุในเขตเทศบาลนครยะลา โดยมีเป้าหมายที่สถานบันเทิงในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งการวางแผนกันในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ บ้านตือเบาะ ต.สะเตงนอก อ. เมือง จ.ยะลา โดยมีการวางตัวผู้ลงมือเป็นกลุ่มวัยรุ่น ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะโดยทำทีเป็นขับขี่เข้ามาเที่ยว หากเจ้าหน้าที่หรือรปภ.เผลอ ก็จะฉวยโอกาสนำระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยโทรมือถือขว้างเข้าใส่ตัวอาคาร แล้วพวกที่เหลือก็จะจุดระเบิดแบบเดียวกับที่เคยก่อเหตุอย่างที่ผ่านมา