ย้อนรอยมหากาพย์ยึดบทด.เป็นของตัวเองและพวพ้อง “ภูมิธรรม”และพวก ดิ้นไม่หลุดตามหลักฐานของสตง. พบสายสัมพันธ์โยงใยกันทั้งกลุ่มก้อน แถมปฏิบัติการไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ตั้งเป้ายึดบทด. เพียงอย่างเดียว ตั้งแต่ยึดธุรกรรมและสิทธิประโยชน์ของบทด. อมเงินสด 200 ล้านบาท ไปจนถึงเขี่ยบทด.ทิ้งในที่สุด ที่สำคัญบริษัท คุณนที จำกัดตัวละครที่ถูกวางตัวให้เข้ามายึดบทด. ผู้ถือหุ้นล้วนแต่เป็นคนใกล้ชิดนายภูมิธรรม และคนในไทยรักไทย
ในที่สุดบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ปฏิบัติการยึดบริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด หรือบทด. มาเป็นของตัวเองและพวกพ้องก็ได้รับผลจากกระทำ หลังจากที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีมติชี้ชัดว่าผู้ที่เกี่ยวข้องมีการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มบริษัทเจ้าของเรือไทยที่เป็นตัวละครหลักในการเข้ามายึด บทด.
บุคคลเหล่านั้น ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรมช.คมนาคม กรรมการบทด. ซึ่งได้แก่ พล.ร.ท.นิพนธ์ จักษุตุลย์ นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ นายเมธี เกียรติก้องขจร นายสุพจน์ คำภีระ ดร.รุธิร์ พนมยงค์ นายบวร วงศ์สินอุดม นายนันทชัย ประภาวัฒน์เวช พล.ร.ต.ทวีชัย บุญอนันต์ และนายสุวภัทร สุวรรณกิจบริหาร รวมถึงนายทรงชัย อนุนันตกุล ผู้ช่วยกรรมการและเลขานุการ
ปฏิบัติการยึดบทด. เกิดขึ้นหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 15 พ.ย.2549 โดยมติครม. ออกมาว่า 1.อนุมัติให้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างบทด.กับกลุ่มบริษัทเจ้าของเรือไทย 23 บริษัท โดยบทด.ถือหุ้น 30% กลุ่มบริษัทเจ้าของเรือไทย 70% และ 2.อนุมัติให้บทด.ลงทุนในบริษัทร่วมทุน 200 ล้านบาท โดยใช้เงินของบทด.ที่มีอยู่ภายหลังหักค่าใช้จ่ายและภาระผูกพันที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่มีการระบุว่าให้โอนธุรกรรมและสิทธิประโยชน์ของบทด.ไปยังบริษัทร่วมทุน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากครม.มีมติออกมา กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ได้ร่วมกันเดินหน้าถ่ายโอนธุรกรรมและสิทธิประโยชน์ของบทด. มายังบริษัทร่วมทุน โดยไม่สนใจว่ามีมติครม.รองรับหรือไม่ โดยใช้ข้ออ้างว่า ในเมื่อรัฐบาลเชิญให้กลุ่มเจ้าของเรือไทยมาร่วมในการพัฒนากองเรือพาณิชย์ของไทย ก็ต้องดำเนินการด้วยวิธีการดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ได้เดินหน้ายึดเงินก้อนสุดท้ายที่บทด.มีอยู่ เพื่อเอาไปเป็นทุนจดทะเบียน โดยมีเป้าหมายเพิ่มทุนเป็น 666 ล้านบาท บังคับให้บทด.ลงขัน 200 ล้านบาท ส่วนเจ้าของเรือไทย 23 รายช่วยกันลงขัน 444 ล้านบาท โดยทำทีว่าพร้อมที่จะเริ่มกิจการด้วยการใส่เงินมาเบื้องต้น 95 ล้านบาท
ส่วนแผนยึดบทด. ขั้นเบ็ดเสร็จ ก็คือ จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2,096 ล้านบาท โดยในการเพิ่มทุนนั้น บริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด(TOM) ตกลงว่า จะลงทุนเป็นเรือ 5 ลำ มูลค่า 570 ล้านบาท จะถือหุ้นสัดส่วน 27.19% บริษัท คุณนที จำกัด ลงทุนด้วยเรือ 2 ลำ มูลค่า 860 ล้านบาท จะถือหุ้นสัดส่วน 41.03% กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทันที ทั้งๆ ที่ลงทุนด้วยเรือเก่าปลดระวางแล้ว ส่วนบทด. และ 23 รายเบื้องต้น จะถือหุ้นเหลือ 31.77%
คำถามที่เกิดขึ้น คุณนที คือใคร และมาเกี่ยวข้องในกรณีนี้ได้อย่างไร ทำไมถึงได้มาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในที่สุด ทั้งๆ ที่บริษัทอื่นๆ ใน 23 ราย ก็เป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีผลประกอบการที่ดี
คำตอบ ก็เพราะว่าบริษัทนี้เป็นตัวแทนของบริษัท 23 ราย เนื่องด้วยเป็นบริษัทที่เป็นศูนย์รวมของกรรมการผู้มีอำนาจจากบริษัทต่างๆ มารวมกันอยู่
เพื่อให้เห็นกันจะๆ ไปดูที่กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท คุณนที พบว่า มีจำนวน 7 คน ได้แก่ นายสุรพล มีเสถียร นายพร้อมพงษ์ ชัยศรีสวัสด์สุข นายชัยยะ ไผ่สุวัฒน์ นายเชิดชู ปานบุญห้อม นายไกรสีห์ หุตะสิงห์ และนายภูมินทร์ หะรินสุต
แล้วบุคคลเหล่านี้เป็นใคร ซึ่งจากการตรวจสอบต่อไปพบว่า นายสุรพล เป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัท นทลิน จำกัด นายพร้อมพงษ์ เป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัท เอเซียซีทรานส์ จำกัด นายชัยยะ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ขี พี พี ซัพพลาย จำกัด และบริษัท บี เอส วี ซัพพลาย จำกัด นายไกรสีห์ เป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัท ซีแอนด์ พี จำกัด และนายภูมินทร์ เป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัท หะรินสุตขนส่ง จำกัด บริษัท หะรินพาณิชย์ จำกัด และบริษัท ภูรีมาศ นาวี จำกัด ส่วนนายเชิดชู มีคนนามสกุลเดียวกันเป็นกรรมการผู้จัดการอยู่ในบริษัท เอ็ม ที แอล มารีน จำกัด คือนางวิไลศรี ปานบุญห้อม
บริษัทที่กล่าวถึง เป็น 1 ใน 23 รายที่เป็นผู้ร่วมลงทุนในเบื้องต้น ซึ่งเท่ากับว่า การเลือกให้บริษัท คุณนทีมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ก็เท่ากับว่าบริษัทนี้เป็นตัวแทนของกลุ่มทุนทั้งหมดที่เข้ามา
ส่วนในบริษัทที่เหลือ เมื่อตรวจสอบไปก็พบว่า มีหลายคนที่เป็นกรรมการผู้มีอำนาจในหลายบริษัท แต่ไม่ได้เป็นกรรมการในบริษัท คุณนที เช่น นายสมศักดิ์ รัศมีวิรยะนนทก์ เป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัท กาญจนามารีน จำกัด บริษัท ถาวรมารีน จำกัด บริษัท นทลิน จำกัด บริษัท เอ็ม ที แอน มารีน จำกัด บริษัท ยูไนเต็ดแทงเกอร์ จำกัด นายวิรัช แจ่มกระจ่าง เป็นกรรมการในบริษัท ยูไนเต็ดแทงเกอร์ จำกัด บริษัท ทรานส์โอเซี่ยน ซัพพลาย จำกัด บริษัท วี ซี ซี อินเตอร์มารีนเซอร์วิส จำกัด บริษัท บี พี พี ซัพพลายจำกัด
นายชเนศร์ เพ็ญชาติ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท จุฑานาวี จำกัด และบริษัท ซีแอนด์ พี จำกัด นายสุเมธ ตันธุวนิตย์ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ที ไอ พี เอส จำกัด บริษัท โหงวฮก เอเยนซี่ จำกัด และบริษัท สยามเภตรา อินเตอร์ จำกัด นายสินธ์ วิเศษฐกิจการ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท เดินเรือแสงไทย จำกัด และบริษัท ภูรีมาศ นาวี จำกัด พลเรือตรี ชาโณ เพ็ญชาติ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ซีแอนด์ พี จำกัด และบริษัท ภูรีมาศ จำกัด นายประทีป เตียวรานนท์ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ภูรีมาศ นาวี จำกัด และบริษัท สยามเภตรา อินเตอร์ จำกัด
สำหรับกลุ่มเจ้าของเรือไทย 23 ราย ได้แก่ 1.บริษัท โหงวฮก เอเยนซี่ จำกัด 2.บริษัท เดินเรือแสงไทย 1977 จำกัด 3.บริษัท จุฑานาวี จำกัด (มหาชน) 4.บริษัท นทลิน จำกัด 5.บริษัท หะรินสุตขนส่ง จำกัด 6.บริษัท ซี แอนด์ พี จำกัด 7.บริษัท พรีเซียสซิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) 8.บริษัท สยามเภตราอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 9.บริษัท คุณนที จำกัด 10.บริษัท บี พี พี ซัพพลาย จำกัด 11.บริษัท ภูรีมาศ นาวี จำกัด 12.บริษัท ทรานส์โอเซี่ยน ซัพพลาย (1992) จำกัด 13.บริษัท ถาวรมารีน จำกัด 14.บริษัท วาย.เค.น้ำใส จำกัด 15.บริษัท พี.เอส.วี ซัพพลาย จำกัด 16.บริษัท เอ็น.ที.แอล มารีน จำกัด 17.บริษัท ยูนิออยล์ บัลค ทรานสปอร์ต จำกัด 18.บริษัท ยูไนเต็ด แทงเกอร์ จำกัด 19.บริษัท วี.ซี.ซี.อินเตอร์มารีนเซอร์วิส แอนด์ ทรานสปอร์ต จำกัด 20.บริษัท กาญจนามารีน จำกัด 21.บริษัท เอเซียซีทรานส์ จำกัด 22.บริษัท หะรินพาณิชย์ จำกัด และ 23.บริษัท ที ไอ พี เอส จำกัด
อย่างไรก็ตาม เมื่อปฎิบัติการฮุบบทด. ถูกตีแผ่ นายภูมิธรรม ซึ่งเป็นคีย์แมนสำคัญในขณะนั้น ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่รู้ว่ามีคนใกล้ชิด และญาติของนักการเมืองในพรรคไทยรักไทยเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท คุณนที จำกัด ซึ่งจะเข้ามาเป็นผู้บริหารรายใหญ่ หลังจากที่ได้ปฏิบัติภารกิจฮุบกิจการของบทด.สำเร็จ
แต่เรื่องก็มาแดง เพราะคนที่เป็นผู้ถือหุ้นรายหลักๆ ในคุณนที ก็ล้วนแต่เป็นคนใกล้ชิด และคนที่อยู่ใน 23 บริษัทเริ่มก่อตั้ง และคนที่อยู่ในพรรคไทยรักไทยนั่นเอง
จากการตรวจสอบทะเบียนผู้ถือหุ้น บริษัท คุณนที จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าล่าสุด พบมีผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น 13 ราย ได้แก่ 1.บริษัท เอเชียซีทรานส์ จำกัด ถือหุ้น 311,110 หุ้น 2.นายสมบูรณ์ สิมะแสงยาภรณ์ ถือหุ้น 155,555 หุ้น 3.นายสุรพล มีเสถียร ถือหุ้น 177,780 หุ้น 4.บริษัท นพลิน จำกัด ถือหุ้น 966,665 หุ้น 5.บริษัท เอ็น ที แอล มารีน จำกัด ถือหุ้น 222,220 หุ้น 6.นายชูรัฐ เลาหพงศ์ชนะ ถือหุ้น 133,335 หุ้น 7.นายภูมินทร์ หะรินสุต ถือหุ้น 355,555 หุ้น
8.บริษัท บี พี พี ซัพพลาย จำกัด ถือหุ้น 400,000 หุ้น 9.นางวนิดา ตวงสินธนากุล ถือหุ้น 155,555 หุ้น 10.พล.ร.ต.ชาโณ เพ็ญชาติ ถือหุ้น 175,555 หุ้น 11.นายสวาย อุดมเจริญชัยกิจ ถือหุ้น 203,335 หุ้น 12.นายพร้อมพงษ์ ชัยศรีสวัสดิ์สุข ถือหุ้น 155,555 หุ้น และ 13.บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด ถือหุ้น 330,000 หุ้น
สรุปได้ว่าคนถือหุ้นในบริษัท คุณนที ถ้าไม่เป็นบริษัท 1 ใน 23 รายที่เป็นผู้ก่อตั้งเริ่มแรก ก็เป็นกรรมการผู้มีอำนาจใน 23 บริษัท และที่สำคัญที่สุดนายสมบูรณ์ ที่เป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 2 ก็เป็นที่ปรึกษาของนายภูมิธรรมเอง และยังมีคนตระกูลเลาหพงศ์ชนะ ซึ่งเป็นญาติของนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ แกนนำพรรคไทยรักไทยรักอดีตรมช.พาณิชย์ เป็นผู้ถือหุ้นด้วย
ในที่สุดบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ปฏิบัติการยึดบริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด หรือบทด. มาเป็นของตัวเองและพวกพ้องก็ได้รับผลจากกระทำ หลังจากที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีมติชี้ชัดว่าผู้ที่เกี่ยวข้องมีการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มบริษัทเจ้าของเรือไทยที่เป็นตัวละครหลักในการเข้ามายึด บทด.
บุคคลเหล่านั้น ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรมช.คมนาคม กรรมการบทด. ซึ่งได้แก่ พล.ร.ท.นิพนธ์ จักษุตุลย์ นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ นายเมธี เกียรติก้องขจร นายสุพจน์ คำภีระ ดร.รุธิร์ พนมยงค์ นายบวร วงศ์สินอุดม นายนันทชัย ประภาวัฒน์เวช พล.ร.ต.ทวีชัย บุญอนันต์ และนายสุวภัทร สุวรรณกิจบริหาร รวมถึงนายทรงชัย อนุนันตกุล ผู้ช่วยกรรมการและเลขานุการ
ปฏิบัติการยึดบทด. เกิดขึ้นหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 15 พ.ย.2549 โดยมติครม. ออกมาว่า 1.อนุมัติให้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างบทด.กับกลุ่มบริษัทเจ้าของเรือไทย 23 บริษัท โดยบทด.ถือหุ้น 30% กลุ่มบริษัทเจ้าของเรือไทย 70% และ 2.อนุมัติให้บทด.ลงทุนในบริษัทร่วมทุน 200 ล้านบาท โดยใช้เงินของบทด.ที่มีอยู่ภายหลังหักค่าใช้จ่ายและภาระผูกพันที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่มีการระบุว่าให้โอนธุรกรรมและสิทธิประโยชน์ของบทด.ไปยังบริษัทร่วมทุน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากครม.มีมติออกมา กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ได้ร่วมกันเดินหน้าถ่ายโอนธุรกรรมและสิทธิประโยชน์ของบทด. มายังบริษัทร่วมทุน โดยไม่สนใจว่ามีมติครม.รองรับหรือไม่ โดยใช้ข้ออ้างว่า ในเมื่อรัฐบาลเชิญให้กลุ่มเจ้าของเรือไทยมาร่วมในการพัฒนากองเรือพาณิชย์ของไทย ก็ต้องดำเนินการด้วยวิธีการดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ได้เดินหน้ายึดเงินก้อนสุดท้ายที่บทด.มีอยู่ เพื่อเอาไปเป็นทุนจดทะเบียน โดยมีเป้าหมายเพิ่มทุนเป็น 666 ล้านบาท บังคับให้บทด.ลงขัน 200 ล้านบาท ส่วนเจ้าของเรือไทย 23 รายช่วยกันลงขัน 444 ล้านบาท โดยทำทีว่าพร้อมที่จะเริ่มกิจการด้วยการใส่เงินมาเบื้องต้น 95 ล้านบาท
ส่วนแผนยึดบทด. ขั้นเบ็ดเสร็จ ก็คือ จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2,096 ล้านบาท โดยในการเพิ่มทุนนั้น บริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด(TOM) ตกลงว่า จะลงทุนเป็นเรือ 5 ลำ มูลค่า 570 ล้านบาท จะถือหุ้นสัดส่วน 27.19% บริษัท คุณนที จำกัด ลงทุนด้วยเรือ 2 ลำ มูลค่า 860 ล้านบาท จะถือหุ้นสัดส่วน 41.03% กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทันที ทั้งๆ ที่ลงทุนด้วยเรือเก่าปลดระวางแล้ว ส่วนบทด. และ 23 รายเบื้องต้น จะถือหุ้นเหลือ 31.77%
คำถามที่เกิดขึ้น คุณนที คือใคร และมาเกี่ยวข้องในกรณีนี้ได้อย่างไร ทำไมถึงได้มาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในที่สุด ทั้งๆ ที่บริษัทอื่นๆ ใน 23 ราย ก็เป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีผลประกอบการที่ดี
คำตอบ ก็เพราะว่าบริษัทนี้เป็นตัวแทนของบริษัท 23 ราย เนื่องด้วยเป็นบริษัทที่เป็นศูนย์รวมของกรรมการผู้มีอำนาจจากบริษัทต่างๆ มารวมกันอยู่
เพื่อให้เห็นกันจะๆ ไปดูที่กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท คุณนที พบว่า มีจำนวน 7 คน ได้แก่ นายสุรพล มีเสถียร นายพร้อมพงษ์ ชัยศรีสวัสด์สุข นายชัยยะ ไผ่สุวัฒน์ นายเชิดชู ปานบุญห้อม นายไกรสีห์ หุตะสิงห์ และนายภูมินทร์ หะรินสุต
แล้วบุคคลเหล่านี้เป็นใคร ซึ่งจากการตรวจสอบต่อไปพบว่า นายสุรพล เป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัท นทลิน จำกัด นายพร้อมพงษ์ เป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัท เอเซียซีทรานส์ จำกัด นายชัยยะ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ขี พี พี ซัพพลาย จำกัด และบริษัท บี เอส วี ซัพพลาย จำกัด นายไกรสีห์ เป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัท ซีแอนด์ พี จำกัด และนายภูมินทร์ เป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัท หะรินสุตขนส่ง จำกัด บริษัท หะรินพาณิชย์ จำกัด และบริษัท ภูรีมาศ นาวี จำกัด ส่วนนายเชิดชู มีคนนามสกุลเดียวกันเป็นกรรมการผู้จัดการอยู่ในบริษัท เอ็ม ที แอล มารีน จำกัด คือนางวิไลศรี ปานบุญห้อม
บริษัทที่กล่าวถึง เป็น 1 ใน 23 รายที่เป็นผู้ร่วมลงทุนในเบื้องต้น ซึ่งเท่ากับว่า การเลือกให้บริษัท คุณนทีมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ก็เท่ากับว่าบริษัทนี้เป็นตัวแทนของกลุ่มทุนทั้งหมดที่เข้ามา
ส่วนในบริษัทที่เหลือ เมื่อตรวจสอบไปก็พบว่า มีหลายคนที่เป็นกรรมการผู้มีอำนาจในหลายบริษัท แต่ไม่ได้เป็นกรรมการในบริษัท คุณนที เช่น นายสมศักดิ์ รัศมีวิรยะนนทก์ เป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัท กาญจนามารีน จำกัด บริษัท ถาวรมารีน จำกัด บริษัท นทลิน จำกัด บริษัท เอ็ม ที แอน มารีน จำกัด บริษัท ยูไนเต็ดแทงเกอร์ จำกัด นายวิรัช แจ่มกระจ่าง เป็นกรรมการในบริษัท ยูไนเต็ดแทงเกอร์ จำกัด บริษัท ทรานส์โอเซี่ยน ซัพพลาย จำกัด บริษัท วี ซี ซี อินเตอร์มารีนเซอร์วิส จำกัด บริษัท บี พี พี ซัพพลายจำกัด
นายชเนศร์ เพ็ญชาติ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท จุฑานาวี จำกัด และบริษัท ซีแอนด์ พี จำกัด นายสุเมธ ตันธุวนิตย์ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ที ไอ พี เอส จำกัด บริษัท โหงวฮก เอเยนซี่ จำกัด และบริษัท สยามเภตรา อินเตอร์ จำกัด นายสินธ์ วิเศษฐกิจการ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท เดินเรือแสงไทย จำกัด และบริษัท ภูรีมาศ นาวี จำกัด พลเรือตรี ชาโณ เพ็ญชาติ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ซีแอนด์ พี จำกัด และบริษัท ภูรีมาศ จำกัด นายประทีป เตียวรานนท์ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ภูรีมาศ นาวี จำกัด และบริษัท สยามเภตรา อินเตอร์ จำกัด
สำหรับกลุ่มเจ้าของเรือไทย 23 ราย ได้แก่ 1.บริษัท โหงวฮก เอเยนซี่ จำกัด 2.บริษัท เดินเรือแสงไทย 1977 จำกัด 3.บริษัท จุฑานาวี จำกัด (มหาชน) 4.บริษัท นทลิน จำกัด 5.บริษัท หะรินสุตขนส่ง จำกัด 6.บริษัท ซี แอนด์ พี จำกัด 7.บริษัท พรีเซียสซิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) 8.บริษัท สยามเภตราอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 9.บริษัท คุณนที จำกัด 10.บริษัท บี พี พี ซัพพลาย จำกัด 11.บริษัท ภูรีมาศ นาวี จำกัด 12.บริษัท ทรานส์โอเซี่ยน ซัพพลาย (1992) จำกัด 13.บริษัท ถาวรมารีน จำกัด 14.บริษัท วาย.เค.น้ำใส จำกัด 15.บริษัท พี.เอส.วี ซัพพลาย จำกัด 16.บริษัท เอ็น.ที.แอล มารีน จำกัด 17.บริษัท ยูนิออยล์ บัลค ทรานสปอร์ต จำกัด 18.บริษัท ยูไนเต็ด แทงเกอร์ จำกัด 19.บริษัท วี.ซี.ซี.อินเตอร์มารีนเซอร์วิส แอนด์ ทรานสปอร์ต จำกัด 20.บริษัท กาญจนามารีน จำกัด 21.บริษัท เอเซียซีทรานส์ จำกัด 22.บริษัท หะรินพาณิชย์ จำกัด และ 23.บริษัท ที ไอ พี เอส จำกัด
อย่างไรก็ตาม เมื่อปฎิบัติการฮุบบทด. ถูกตีแผ่ นายภูมิธรรม ซึ่งเป็นคีย์แมนสำคัญในขณะนั้น ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่รู้ว่ามีคนใกล้ชิด และญาติของนักการเมืองในพรรคไทยรักไทยเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท คุณนที จำกัด ซึ่งจะเข้ามาเป็นผู้บริหารรายใหญ่ หลังจากที่ได้ปฏิบัติภารกิจฮุบกิจการของบทด.สำเร็จ
แต่เรื่องก็มาแดง เพราะคนที่เป็นผู้ถือหุ้นรายหลักๆ ในคุณนที ก็ล้วนแต่เป็นคนใกล้ชิด และคนที่อยู่ใน 23 บริษัทเริ่มก่อตั้ง และคนที่อยู่ในพรรคไทยรักไทยนั่นเอง
จากการตรวจสอบทะเบียนผู้ถือหุ้น บริษัท คุณนที จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าล่าสุด พบมีผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น 13 ราย ได้แก่ 1.บริษัท เอเชียซีทรานส์ จำกัด ถือหุ้น 311,110 หุ้น 2.นายสมบูรณ์ สิมะแสงยาภรณ์ ถือหุ้น 155,555 หุ้น 3.นายสุรพล มีเสถียร ถือหุ้น 177,780 หุ้น 4.บริษัท นพลิน จำกัด ถือหุ้น 966,665 หุ้น 5.บริษัท เอ็น ที แอล มารีน จำกัด ถือหุ้น 222,220 หุ้น 6.นายชูรัฐ เลาหพงศ์ชนะ ถือหุ้น 133,335 หุ้น 7.นายภูมินทร์ หะรินสุต ถือหุ้น 355,555 หุ้น
8.บริษัท บี พี พี ซัพพลาย จำกัด ถือหุ้น 400,000 หุ้น 9.นางวนิดา ตวงสินธนากุล ถือหุ้น 155,555 หุ้น 10.พล.ร.ต.ชาโณ เพ็ญชาติ ถือหุ้น 175,555 หุ้น 11.นายสวาย อุดมเจริญชัยกิจ ถือหุ้น 203,335 หุ้น 12.นายพร้อมพงษ์ ชัยศรีสวัสดิ์สุข ถือหุ้น 155,555 หุ้น และ 13.บริษัท เจ้าพระยาประกันภัย จำกัด ถือหุ้น 330,000 หุ้น
สรุปได้ว่าคนถือหุ้นในบริษัท คุณนที ถ้าไม่เป็นบริษัท 1 ใน 23 รายที่เป็นผู้ก่อตั้งเริ่มแรก ก็เป็นกรรมการผู้มีอำนาจใน 23 บริษัท และที่สำคัญที่สุดนายสมบูรณ์ ที่เป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 2 ก็เป็นที่ปรึกษาของนายภูมิธรรมเอง และยังมีคนตระกูลเลาหพงศ์ชนะ ซึ่งเป็นญาติของนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ แกนนำพรรคไทยรักไทยรักอดีตรมช.พาณิชย์ เป็นผู้ถือหุ้นด้วย