“สนธิ” เรียกร้องรัฐบาลเร่งโอบอุ้มร้านโชว์ห่วยทั่วประเทศ อย่าปล่อยให้ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ทุนหนากระทืบจนเจ๊ง ขณะเดียวกันเร่งเร้าให้รวมกลุ่มกันให้เหนียวแน่น เพื่อต่อรองให้พรรคการเมืองได้เห็นความสำคัญ พร้อมประณาม “ม็อบไข่แม้ว” จาบจ้วง “ป๋าเปรม” กระทบถึงสถาบัน เรียกร้องพลังเงียบ แสดงพลัง 22 ก.ค.รวมกันหน้าลานพระรูป เพื่อถวายพระพรฯ และให้กำลังใจประธานองคมนตรี ท้าหัวโจกม็อบสนามหลวงขู่บุก “ผู้จัดการ” อย่าช้า
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ กล่าวในรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ถึงความเดือดร้อนของประกอบการรายย่อยหรือร้านโชว์ห่วยที่กำลังถูกห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ขยายสาขาออกไปทั่วทุกภูมิภาคจนต้องขาดทุนและทยอยปิดตัวเองลงเกือบหมดแล้ว โดยเมื่อเช้าวันที่ 29 มิ.ย.กลุ่มเจ้าของร้านค้าปลีกรายย่อยจาก ต.นิคมลำนารายณ์ อ.ไชยบาดาล จ.ลพบุรี ได้เดินทางมาร้องเรียนเรื่องดังกล่าว
นายสนธิ กล่าวเรียกร้องให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกคำสั่งระงับการก่อสร้างสาขาของธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่เหล่านั้นเอาไว้ก่อน ในช่วงที่กฤษฎีกากำลังตีความกฎหมายการค้าปลีก ซึ่งหากไม่ทำในช่วงนี้เกรงว่าเมื่อผลการตีความหรือร่างกฎหมายฉบับนี้เสร็จแล้วจะไม่ทันการณ์
“ท่านปลัดฯ และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านกรุณาแจ้งไปให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดว่าเรื่องการขอสร้างแม็คโคร โลตัส หรือบิ๊กซี ให้จังหวัดระงับเอาไว้ก่อน รอให้ พ.ร.บ.ค้าปลีก ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ผ่านสภาฯ เรียบร้อย แล้วค่อยปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ค้าปลีก อย่าได้ให้คนอื่นที่มีกำลังสูงกว่าใช้ช่องโหว่ของกฎหมายมารังแกคนเล็กกว่า ท่านสามารถทำได้ ถ้าท่านมีความปรารถนาและท่านมีความจริงใจในการทำงานเช่นนี้”
นายสนธิ ชี้ให้เห็นว่า ความเดือดร้อนของร้านโชว์ห่วย ก็คือความเดือดร้อนของชนชั้นกลาง ซึ่งเคยเป็นฐานอันแข็งแรงของสังคมไทย แต่รัฐไม่เคยให้ความช่วยเหลือ ทั้งที่ประเทศหรือสังคมจะไปได้ก็ต้องอาศัยคนเหล่านี้ด้วย เพราะร้านเหล่านี้มีลูกหลาน ควรให้มีโอกาสได้เป็นผู้ประกอบการด้วยตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้ห้างใหญ่โตอย่างเดียว โดยกระทืบห้างเล็กๆ จนขาดทุนและอยู่ไม่ได้
“คนพวกนี้มีแต่ความชอกช้ำ รัฐไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย แต่คนพวกนี้กลับเป็นฐานที่แข็งแรงของสังคม เราไม่เคยช่วยอะไรเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ประเทศชาติ ถ้าจะไปได้ ไม่ใช่ต้องให้ปูนซิเมนต์ไทยใหญ่ ไม่ใช่ให้ซี.พี.เจริญ และไม่ใช่ให้ ปตท.ใหญ่ แต่ประเทศชาติจะไปได้ ต้องมีคนอย่างอาเฮีย อาซ้อ อาแปะ ที่เขาทำมาหากินอยู่ทุกจังหวัด เราต้องส่งเสริมให้ลูกหลานของเขา หรือลูกหลานคนไทยที่เรียนหนังสือจบแล้ว มีความรู้สึกไม่อยากจะเป็นลูกจ้างใคร อยากจะทำงานด้วยตัวเราเอง”นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ เรียกร้องให้ร้านโชว์ห่วยที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 3.5 แสนราย ให้รวมตัวกัน และให้แต่ละร้านที่มีสมาชิกในครอบครัวและเครือข่ายละไม่น้อยกว่า 20 คน รวมแล้วไม่น้อยกว่า 7 ล้านคน สามารถไปต่อรองกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องค้าปลีก หรือตั้งพรรคเองก็ยังได้
“หลายคนบอกว่า มันผิดตรงไหนถ้าผมไปซื้อของถูก แต่เบื้องหลังของการซื้อของถูกคือการขายของขาดทุนเพื่อให้คุณเข้าร้านเขา และเพื่อฆ่าร้านโชว์ห่วย รัฐบาลอย่าใจดำ ท่านอารีย์ วงศ์อารยะ ท่านอย่าใจดำ ท่านอย่าฆ่าคนไทยด้วยวิธีนี้ ผมสู้เรื่องนี้มาตั้งนาน แล้วพ่อแม่พี่น้องโชว์ห่วย ร้านขายยาทั่วประเทศไทย พวกท่านต้องสามัคคีกันไว้”นายสนธิ กล่าว
ทั้งนี้ นายสนธิ ได้อาสาขอเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ค้าปลีกรายย่อย เป็นหัวหอกต่อสู้ และคอยเช็กบิลกับพรรคการเมืองนั้นที่ผิดคำพูดหรือคำสัญญา พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้บอยคอตสินค้าของกลุ่มห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในทุกประเภทด้วย ถึงแม้วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยหนุนกลุ่มทุนใหญ่ให้ฮุบทุนเล็ก และให้ทุกคนเป็นลูกจ้าง ไม่อยู่ในประเทศไทยแล้ว แต่ระบบทุนนั้นยังอยู่เหมือนเดิม
“วันนี้ถ้าพ่อแม่พี่น้องดูกระบวนการต่อสู้ของผมมาตั้งแต่ต้น เริ่มจากทักษิณ ชินวัตร โกงชาติขายชาติ มาเรื่อยๆ จะเห็นว่ากระบวนการทักษิณ ชินวัตร นั้นเป็นกระบวนการของการส่งเสริมให้ธุรกิจใหญ่ๆ เจริญเติบโต ให้ธุรกิจเล็กๆ เจ๊ง พินาศฉิบหายไป แล้วให้ทุกคนในประเทศไทยเป็นขี้ข้า เป็นลูกจ้างธุรกิจใหญ่หมด นั่นคือสิ่งที่ผมพูด แล้ววันนี้ทักษิณไม่อยู่ ไปอยู่ลอนดอน แต่ระบบและระบอบยังอยู่เหมือนเดิม ระบอบขายส่งร้านใหญ่ๆ ที่เหยียบย่ำร้านโชว์ห่วย ระบบที่คนตัวเล็กทำธุรกิจ ต้นทุนต้องแพงกว่าคนตัวใหญ่”นายสนธิ กล่าว
*** แก๊ง“แม้ว”สูบ ธ.เอสเอ็มอีหนี้เสียบาน
พร้อมกันนี้ นายสนธิยังตั้งข้อสังเกตกรณีธนาคารเอสเอ็มอี ที่ก่อตั้งในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ และอ้างว่าจะปล่อยเงินกู้ให้กับธุรกิจรายเล็กและขนาดกลางนั้น ปัจจุบันมีหนี้เสียนับหมื่นล้านบาท เวลานี้กำลังมีการตรวจสอบ และพบว่ามีการปล่อยกู้ให้กับเครือญาติและหัวคะแนนของพรรคไทยรักไทย เชื่อว่าอีกไม่เกิน 6 เดือนจะมีคนติดคุกกันบ้าง
“วันนี้เขาตรวจสอบอยู่ อีกไม่เกิน 5-6 เดือนจะมีคนติดคุกกันเป็นแถว พรรคพวกเขาทั้งนั้น หัวคะแนนเขาทั้งนั้น อาเฮีย อาซ้อ คุณทั้งหลายที่เรียนจบ ทำมาค้าขายไปกู้เอสเอ็มอี กู้ไม่ได้ ขบวนการมันยุ่งยาก แต่ถ้าเป็นพวกของเขากู้ได้หมด เชื่อผมเถอะครับ เอสเอ็มอีแบงก์เป็นตัวอย่างหนึ่ง แทนที่จะมาช่วยพวกเราชนชั้นกลางให้ยืนอยู่บนลำแข้งตังเองได้ ก็ไปช่วยเฉพาะพวกเขา แล้วไม่ได้ช่วยพวกเขาทำมาหากินนะ พวกเขาเอามาผ่องเงินออกไป”
ในตอนท้ายของช่วงนี้ นายสนธิ ยังได้ตำหนิระบบการศึกษาที่มุ่งเน้นไปสู่การจบออกไปเป็นลูกจ้างบริษัทขนาดใหญ่ แทนที่จะสอนให้ต่อสู้หรือเป็นผู้ประกอบการได้เอง
“ระบบการศึกษามาโยงกับธุรกิจโชว์ห่วยให้เห็นได้ชัด ธุรกิจใหญ่กระทืบธุรกิจเล็กแล้วมันส่งผลไปการออกแบบระบบการศึกษารูปแบบเพื่อให้ลูกหลานเราไปเป็นลูกจ้าง ไปเป็นทาสเขา เรื่องนี้มันยิ่งใหญ่กว่ากรณีโชว์ห่วยถูกรังแกโดยร้านขายส่งนะ มันมีนัย มันมีสัญลักษณ์ถึงความล่มสลายของชนชั้นกลาง ถึงความล่มสลายของสิทธิอันชอบธรรมของคนไทยที่จะทำมาหากินโดยไม่ถูกรังแกจากทุนใหญ่หรือคนที่ใหญ่กว่า”
*** ท้า“ม็อบไข่แม้ว”ขู่บุก “ผู้จัดการ”อย่าช้า!
ในช่วงที่ 2 ของรายการ นายสนธิ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำกลุ่มผู้สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่รวมตัวกันในนามแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ขู่จะนำผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวงเดินทางมายังสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและเอเอสทีวีในวันอาทิตย์นี้ว่า อย่าช้า ตนรอมานานแล้ว หากคิดว่าชัยชนะที่ได้รับจากการต่อต้านและร่วมกันต่อสู้กับระบอบทักษิณนั้น ได้มาเพราะโชคช่วย ตนก็ขอให้นายณัฐวุฒิ มาลองได้ ขอให้มาจริงๆ ทั้งนี้การต่อสู้เลือดต้องอาบตัวทั้งตัว ตนก็จะไม่หนีอย่างเด็ดขาด
นายสนธิ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิใช้ถ้อยคำหยาบคายด่าทอเพราะไม่พอใจที่เว็บไซต์ผู้จัดการรายงานจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมน้อยว่า ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีอย่างนายณัฐวุฒิ จะกล้าพูดจาหยาบคาย และถ่อยต่อหน้าประชาชนอย่างนั้น ผิดกับการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่เคยมีแกนนำคนใดกล่าวถ้อยคำหยาบคายในระหว่างการปราศรัย ไม่มีใครเอ่ยชื่อด่าพ่อล้อแม่กัน หากจะแรงก็แรงในเนื้อหาในเหตุผลของการขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นพี่น้องชาวนครศรีธรรมราช จะยอมให้คนเพียงหนึ่งคนมาทำร้ายภาพพจน์ของคนใต้หรืออย่างไร พี่น้องคนใต้ต้องจัดการกันเอง
นายสนธิกล่าวว่า อยากให้นายณัฐวุฒิ มาตามคำสัญญาที่ได้ลั่นปากเอาไว้ พี่น้องพันธมิตรฯ จะมาคอยรอรับอย่างดี ขอให้มาจริงๆ โดยวิสัยของนักเลงเข้าไม่ข่มขู่กันหลอก คนจริงเข้าเอาเลือดเดิน ที่สำคัญหากเรื่องทุกอย่างจบลงโดยมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ตนก็ขอให้แกนนำพีทีวีทั้งหมดมีใจแกร่งดังเพชร อย่ากลัวที่จะต้องเดินขึ้นศาลก็แล้วกัน
***ชี้ชัด “แม้ว”พุ่งเป้าโจมตี “ป๋าเปรม”กระทบสถาบัน
นายสนธิ กล่าวว่า วันที่ 29 มิ.ย.2550 นี้ เป็นวันครบรอบ 1 ปี ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้พูดที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อปีที่แล้วว่า มีคนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญใช้อำนาจสร้างความวุ่นวาย ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา มีการออกมาชุมนุม ก่อม็อบของกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และโจมตี พล.อ.เปรม ก็พิสูจน์ชัดเจนว่า ผู้มีบารมีนั้นหมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นการพุ่งเป้าและกล่าวหาที่ร้ายแรง โดยเฉพาะหนังสือปกม่วงของกลุ่มผู้ชุมนุม ยิ่งดูไม่เข้าท่า ไม่มีมารยาท และสัมมาคารวะต่อบุคคลที่มีคุณูปการต่อประเทศ อีกทั้งท่านยังรับใช้เบื้องยุคลบาทมาตั้งแต่ครองยศร้อยตรี จนมาเป็นองคมนตรี ซึ่งตำแหน่งนี้ เป็นตำแหน่งที่ได้จากการรับใช้เบื้องยุคลบาทมาอย่างต่อเนื่อง การไปกล่าวร้ายอย่างผิดๆ จาบจ้วงไม่ให้เกียรติอย่างหยาบคาย ทั้งคำพูดและอาการ เป็นเรื่องที่ให้อภัยกันไมได้
ทั้งนี้ การที่นายจักรพภพ เพ็ญแข แกนนำ นปก. เดินทางไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ พล.อ.เปรม นั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่สังคมไทยรับไม่ได้ หากดูจากกริยาในโทรทัศน์ยิ่งชัดเจน พยายามแอบอ้างว่ารักในหลวง แต่วิธีการไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวมันส่อให้เห็นว่า เหมือนสัตว์นรกมากกว่ามนุษย์ อยากให้จำหน้าจำตาคนเหล่านี้ให้ดี อย่างไรก็ตามชื่นชมกับท่าทีของ พล.อ.เปรม เป็นอย่างมาก ท่านใจเย็น และมีความเมตตามากที่ไม่เอาเรื่องกับคนพวกนี้ ดังนั้นจึงอยากเตือนสติแกนนำ นปก.ว่า พวกเขานั้นแหละที่กำลังเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
“ในสังคมไทยจะมีกลุ่มคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่เป็นอวิชชา ไม่มีอุดมการณ์ ยิ่งกว่าผีห่าซาตาน ชาติ บ้านเมือง แผ่นดินที่ให้เกิด คนพวกนี้ไม่คิดถึง คิดถึงแต่เงินของคนบางคนที่ส่งตรงมาจากเมืองนอก ให้เป็นท่อน้ำเลี้ยง อย่างที่คุณคำนูณ สิทธิสมาน ขนานนามให้เป็นม็อบหลอกรับประทาน รับเงินรับทองมาชุมนุมอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนี้เป็นเครื่องมือให้คนอีกกลุ่มหนึ่งเพื่อล้มชาติ พระมหากษัตริย์ วันนี้จึงชัดเจนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เห็นด้วยกับสถาบัน นี่คือข้อเท็จจริงและสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ทำให้คนดีที่ทำประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างท่านพล.อ.เปรมฯ ต้องมาแปดเปื้อนกับคำพูดที่เลวทรามต่ำช้า”
***ปลุกพลังเงียบรวมพลัง 22 ก.ค.นี้
นายสนธิ กล่าวว่า วันที่ 22 ก.ค.เวลา 07.00 น. ขอให้พี่น้องทั่วประเทศพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อเหลืองมาทำบุญประเทศที่ลานพระบรมรูปทรงม้า มาร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 999 รูปให้ประเทศ มาถวายพระพรให้กับองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ และให้กำลังใจพล.อ.เปรม และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มาแสดงพลังให้คนถ่อยได้เห็น มาโดยไม่ต้องให้ใครไปว่าจ้าง เรามาสร้างพลังเงียบ สร้างแนวร่วม ทุกสาขาอาชีพ เพื่อแสดงพลังประชาชนที่แท้จริง มาต่อยอดจากครั้งที่แล้ว อย่างไรก็ตามหากมาไม่ได้ก็ให้สวมใส่เสื้อเหลืองไปร่วมกันทำบุญประเทศที่หน้าศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงให้คนเหล่านั้นเห็นพลังเงียบ เห็นพลังจากประชาชนทุกส่วน แสดงให้ม็อบถ่อยที่อยู่สนามหลวงได้เห็น ไล่ให้คนเหล่านั้นออกไป แล้วเรามาเชิดชูคนดีในสังคมร่วมกัน
นายสนธิ กล่าวต่อว่า บางครั้งตนยังไม่เข้าใจท่าทีของคนบางคน โดยเฉพาะนายวีระ มุสิกพงศ์ ที่อดีตเคยเดือดร้อนมาขอให้ตนช่วยเหลือเรื่องเงิน ซึ่งตนก็ช่วยไป จากนั้นก็ติดตามข่าวของนายวีระอยู่ตลอด กระทั้งเจ้าตัวตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมืองครั้งแรกในนามพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากนั้นถูกจับในข้อหาหมิ่นพระบรมราชานุภาพ และได้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อปี 2531 จากการช่วยเหลือของ พล.อ.เปรม ตนจึงไม่เข้าใจว่า เหตุใดเมื่อมีการพูดพาดพิงและจาบจ้วงถึง พล.อ.เปรม บนเวทีสนามหลวง ทำไมนายวีระ ไม่แสดงอะไรออกมาบ้าง
***หยัน“ม็อบไข่แม้ว”ก็แค่ม็อบรับจ้าง
นายสนธิ ยังกล่าวถึงการชุมนุมของม็อบสนามหลวงว่า เมื่อคืนวันที่ 28 มิ.ย.นั่งรถยนต์ไปบริเวณที่มีการชุมนุมประมาณ 23.30 น.ภาพที่ตนเห็นคือ คนนั่งจับกลุ่มกันอยู่จำนวนหนึ่ง เห็นหลายคนเดินใส่รองเท้าแตะ มือหนึ่งกำแบงก์ร้อยเดินออกมาจากที่ชุมนุม เป็นภาพที่เห็นได้บ่อยและชัดเจน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนเดินมาขึ้นรถกระบะที่จอดรถรอยู่บริเวณรอบๆ สนามหลวง ขณะเดียวกันบางส่วนก็นั่งๆ นอน อยู่ในสนามหลวง สรุปทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม นายสนธิ ยังฝากเตือนแกนนำม็อบพีทีวี หากคิดจะนำผู้ชุมนุมมายังสำนักงานเอเอสทีวี ก็ให้แนวหน้าที่รับเงินไปเป็นจำนวนมากๆ มา อย่าให้คนที่รับเงินเพียงร้อยสองร้อยเดินออกหน้า เนื่องจากหากมีอะไรตนรู้สึกสงสาร และเป็นห่วง ทั้งนี้ตนได้เตรียมการรองรับไว้เป็นอย่างดีแล้ว ขอให้มากันจริงตามที่ประกาศไว้ก็แล้วกัน
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ กล่าวในรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ถึงความเดือดร้อนของประกอบการรายย่อยหรือร้านโชว์ห่วยที่กำลังถูกห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ขยายสาขาออกไปทั่วทุกภูมิภาคจนต้องขาดทุนและทยอยปิดตัวเองลงเกือบหมดแล้ว โดยเมื่อเช้าวันที่ 29 มิ.ย.กลุ่มเจ้าของร้านค้าปลีกรายย่อยจาก ต.นิคมลำนารายณ์ อ.ไชยบาดาล จ.ลพบุรี ได้เดินทางมาร้องเรียนเรื่องดังกล่าว
นายสนธิ กล่าวเรียกร้องให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกคำสั่งระงับการก่อสร้างสาขาของธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่เหล่านั้นเอาไว้ก่อน ในช่วงที่กฤษฎีกากำลังตีความกฎหมายการค้าปลีก ซึ่งหากไม่ทำในช่วงนี้เกรงว่าเมื่อผลการตีความหรือร่างกฎหมายฉบับนี้เสร็จแล้วจะไม่ทันการณ์
“ท่านปลัดฯ และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านกรุณาแจ้งไปให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดว่าเรื่องการขอสร้างแม็คโคร โลตัส หรือบิ๊กซี ให้จังหวัดระงับเอาไว้ก่อน รอให้ พ.ร.บ.ค้าปลีก ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ผ่านสภาฯ เรียบร้อย แล้วค่อยปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ค้าปลีก อย่าได้ให้คนอื่นที่มีกำลังสูงกว่าใช้ช่องโหว่ของกฎหมายมารังแกคนเล็กกว่า ท่านสามารถทำได้ ถ้าท่านมีความปรารถนาและท่านมีความจริงใจในการทำงานเช่นนี้”
นายสนธิ ชี้ให้เห็นว่า ความเดือดร้อนของร้านโชว์ห่วย ก็คือความเดือดร้อนของชนชั้นกลาง ซึ่งเคยเป็นฐานอันแข็งแรงของสังคมไทย แต่รัฐไม่เคยให้ความช่วยเหลือ ทั้งที่ประเทศหรือสังคมจะไปได้ก็ต้องอาศัยคนเหล่านี้ด้วย เพราะร้านเหล่านี้มีลูกหลาน ควรให้มีโอกาสได้เป็นผู้ประกอบการด้วยตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้ห้างใหญ่โตอย่างเดียว โดยกระทืบห้างเล็กๆ จนขาดทุนและอยู่ไม่ได้
“คนพวกนี้มีแต่ความชอกช้ำ รัฐไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย แต่คนพวกนี้กลับเป็นฐานที่แข็งแรงของสังคม เราไม่เคยช่วยอะไรเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ประเทศชาติ ถ้าจะไปได้ ไม่ใช่ต้องให้ปูนซิเมนต์ไทยใหญ่ ไม่ใช่ให้ซี.พี.เจริญ และไม่ใช่ให้ ปตท.ใหญ่ แต่ประเทศชาติจะไปได้ ต้องมีคนอย่างอาเฮีย อาซ้อ อาแปะ ที่เขาทำมาหากินอยู่ทุกจังหวัด เราต้องส่งเสริมให้ลูกหลานของเขา หรือลูกหลานคนไทยที่เรียนหนังสือจบแล้ว มีความรู้สึกไม่อยากจะเป็นลูกจ้างใคร อยากจะทำงานด้วยตัวเราเอง”นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ เรียกร้องให้ร้านโชว์ห่วยที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 3.5 แสนราย ให้รวมตัวกัน และให้แต่ละร้านที่มีสมาชิกในครอบครัวและเครือข่ายละไม่น้อยกว่า 20 คน รวมแล้วไม่น้อยกว่า 7 ล้านคน สามารถไปต่อรองกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องค้าปลีก หรือตั้งพรรคเองก็ยังได้
“หลายคนบอกว่า มันผิดตรงไหนถ้าผมไปซื้อของถูก แต่เบื้องหลังของการซื้อของถูกคือการขายของขาดทุนเพื่อให้คุณเข้าร้านเขา และเพื่อฆ่าร้านโชว์ห่วย รัฐบาลอย่าใจดำ ท่านอารีย์ วงศ์อารยะ ท่านอย่าใจดำ ท่านอย่าฆ่าคนไทยด้วยวิธีนี้ ผมสู้เรื่องนี้มาตั้งนาน แล้วพ่อแม่พี่น้องโชว์ห่วย ร้านขายยาทั่วประเทศไทย พวกท่านต้องสามัคคีกันไว้”นายสนธิ กล่าว
ทั้งนี้ นายสนธิ ได้อาสาขอเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ค้าปลีกรายย่อย เป็นหัวหอกต่อสู้ และคอยเช็กบิลกับพรรคการเมืองนั้นที่ผิดคำพูดหรือคำสัญญา พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้บอยคอตสินค้าของกลุ่มห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในทุกประเภทด้วย ถึงแม้วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยหนุนกลุ่มทุนใหญ่ให้ฮุบทุนเล็ก และให้ทุกคนเป็นลูกจ้าง ไม่อยู่ในประเทศไทยแล้ว แต่ระบบทุนนั้นยังอยู่เหมือนเดิม
“วันนี้ถ้าพ่อแม่พี่น้องดูกระบวนการต่อสู้ของผมมาตั้งแต่ต้น เริ่มจากทักษิณ ชินวัตร โกงชาติขายชาติ มาเรื่อยๆ จะเห็นว่ากระบวนการทักษิณ ชินวัตร นั้นเป็นกระบวนการของการส่งเสริมให้ธุรกิจใหญ่ๆ เจริญเติบโต ให้ธุรกิจเล็กๆ เจ๊ง พินาศฉิบหายไป แล้วให้ทุกคนในประเทศไทยเป็นขี้ข้า เป็นลูกจ้างธุรกิจใหญ่หมด นั่นคือสิ่งที่ผมพูด แล้ววันนี้ทักษิณไม่อยู่ ไปอยู่ลอนดอน แต่ระบบและระบอบยังอยู่เหมือนเดิม ระบอบขายส่งร้านใหญ่ๆ ที่เหยียบย่ำร้านโชว์ห่วย ระบบที่คนตัวเล็กทำธุรกิจ ต้นทุนต้องแพงกว่าคนตัวใหญ่”นายสนธิ กล่าว
*** แก๊ง“แม้ว”สูบ ธ.เอสเอ็มอีหนี้เสียบาน
พร้อมกันนี้ นายสนธิยังตั้งข้อสังเกตกรณีธนาคารเอสเอ็มอี ที่ก่อตั้งในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ และอ้างว่าจะปล่อยเงินกู้ให้กับธุรกิจรายเล็กและขนาดกลางนั้น ปัจจุบันมีหนี้เสียนับหมื่นล้านบาท เวลานี้กำลังมีการตรวจสอบ และพบว่ามีการปล่อยกู้ให้กับเครือญาติและหัวคะแนนของพรรคไทยรักไทย เชื่อว่าอีกไม่เกิน 6 เดือนจะมีคนติดคุกกันบ้าง
“วันนี้เขาตรวจสอบอยู่ อีกไม่เกิน 5-6 เดือนจะมีคนติดคุกกันเป็นแถว พรรคพวกเขาทั้งนั้น หัวคะแนนเขาทั้งนั้น อาเฮีย อาซ้อ คุณทั้งหลายที่เรียนจบ ทำมาค้าขายไปกู้เอสเอ็มอี กู้ไม่ได้ ขบวนการมันยุ่งยาก แต่ถ้าเป็นพวกของเขากู้ได้หมด เชื่อผมเถอะครับ เอสเอ็มอีแบงก์เป็นตัวอย่างหนึ่ง แทนที่จะมาช่วยพวกเราชนชั้นกลางให้ยืนอยู่บนลำแข้งตังเองได้ ก็ไปช่วยเฉพาะพวกเขา แล้วไม่ได้ช่วยพวกเขาทำมาหากินนะ พวกเขาเอามาผ่องเงินออกไป”
ในตอนท้ายของช่วงนี้ นายสนธิ ยังได้ตำหนิระบบการศึกษาที่มุ่งเน้นไปสู่การจบออกไปเป็นลูกจ้างบริษัทขนาดใหญ่ แทนที่จะสอนให้ต่อสู้หรือเป็นผู้ประกอบการได้เอง
“ระบบการศึกษามาโยงกับธุรกิจโชว์ห่วยให้เห็นได้ชัด ธุรกิจใหญ่กระทืบธุรกิจเล็กแล้วมันส่งผลไปการออกแบบระบบการศึกษารูปแบบเพื่อให้ลูกหลานเราไปเป็นลูกจ้าง ไปเป็นทาสเขา เรื่องนี้มันยิ่งใหญ่กว่ากรณีโชว์ห่วยถูกรังแกโดยร้านขายส่งนะ มันมีนัย มันมีสัญลักษณ์ถึงความล่มสลายของชนชั้นกลาง ถึงความล่มสลายของสิทธิอันชอบธรรมของคนไทยที่จะทำมาหากินโดยไม่ถูกรังแกจากทุนใหญ่หรือคนที่ใหญ่กว่า”
*** ท้า“ม็อบไข่แม้ว”ขู่บุก “ผู้จัดการ”อย่าช้า!
ในช่วงที่ 2 ของรายการ นายสนธิ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำกลุ่มผู้สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่รวมตัวกันในนามแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ขู่จะนำผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวงเดินทางมายังสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและเอเอสทีวีในวันอาทิตย์นี้ว่า อย่าช้า ตนรอมานานแล้ว หากคิดว่าชัยชนะที่ได้รับจากการต่อต้านและร่วมกันต่อสู้กับระบอบทักษิณนั้น ได้มาเพราะโชคช่วย ตนก็ขอให้นายณัฐวุฒิ มาลองได้ ขอให้มาจริงๆ ทั้งนี้การต่อสู้เลือดต้องอาบตัวทั้งตัว ตนก็จะไม่หนีอย่างเด็ดขาด
นายสนธิ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิใช้ถ้อยคำหยาบคายด่าทอเพราะไม่พอใจที่เว็บไซต์ผู้จัดการรายงานจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมน้อยว่า ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีอย่างนายณัฐวุฒิ จะกล้าพูดจาหยาบคาย และถ่อยต่อหน้าประชาชนอย่างนั้น ผิดกับการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่เคยมีแกนนำคนใดกล่าวถ้อยคำหยาบคายในระหว่างการปราศรัย ไม่มีใครเอ่ยชื่อด่าพ่อล้อแม่กัน หากจะแรงก็แรงในเนื้อหาในเหตุผลของการขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นพี่น้องชาวนครศรีธรรมราช จะยอมให้คนเพียงหนึ่งคนมาทำร้ายภาพพจน์ของคนใต้หรืออย่างไร พี่น้องคนใต้ต้องจัดการกันเอง
นายสนธิกล่าวว่า อยากให้นายณัฐวุฒิ มาตามคำสัญญาที่ได้ลั่นปากเอาไว้ พี่น้องพันธมิตรฯ จะมาคอยรอรับอย่างดี ขอให้มาจริงๆ โดยวิสัยของนักเลงเข้าไม่ข่มขู่กันหลอก คนจริงเข้าเอาเลือดเดิน ที่สำคัญหากเรื่องทุกอย่างจบลงโดยมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ตนก็ขอให้แกนนำพีทีวีทั้งหมดมีใจแกร่งดังเพชร อย่ากลัวที่จะต้องเดินขึ้นศาลก็แล้วกัน
***ชี้ชัด “แม้ว”พุ่งเป้าโจมตี “ป๋าเปรม”กระทบสถาบัน
นายสนธิ กล่าวว่า วันที่ 29 มิ.ย.2550 นี้ เป็นวันครบรอบ 1 ปี ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้พูดที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อปีที่แล้วว่า มีคนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญใช้อำนาจสร้างความวุ่นวาย ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา มีการออกมาชุมนุม ก่อม็อบของกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และโจมตี พล.อ.เปรม ก็พิสูจน์ชัดเจนว่า ผู้มีบารมีนั้นหมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นการพุ่งเป้าและกล่าวหาที่ร้ายแรง โดยเฉพาะหนังสือปกม่วงของกลุ่มผู้ชุมนุม ยิ่งดูไม่เข้าท่า ไม่มีมารยาท และสัมมาคารวะต่อบุคคลที่มีคุณูปการต่อประเทศ อีกทั้งท่านยังรับใช้เบื้องยุคลบาทมาตั้งแต่ครองยศร้อยตรี จนมาเป็นองคมนตรี ซึ่งตำแหน่งนี้ เป็นตำแหน่งที่ได้จากการรับใช้เบื้องยุคลบาทมาอย่างต่อเนื่อง การไปกล่าวร้ายอย่างผิดๆ จาบจ้วงไม่ให้เกียรติอย่างหยาบคาย ทั้งคำพูดและอาการ เป็นเรื่องที่ให้อภัยกันไมได้
ทั้งนี้ การที่นายจักรพภพ เพ็ญแข แกนนำ นปก. เดินทางไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ พล.อ.เปรม นั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่สังคมไทยรับไม่ได้ หากดูจากกริยาในโทรทัศน์ยิ่งชัดเจน พยายามแอบอ้างว่ารักในหลวง แต่วิธีการไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวมันส่อให้เห็นว่า เหมือนสัตว์นรกมากกว่ามนุษย์ อยากให้จำหน้าจำตาคนเหล่านี้ให้ดี อย่างไรก็ตามชื่นชมกับท่าทีของ พล.อ.เปรม เป็นอย่างมาก ท่านใจเย็น และมีความเมตตามากที่ไม่เอาเรื่องกับคนพวกนี้ ดังนั้นจึงอยากเตือนสติแกนนำ นปก.ว่า พวกเขานั้นแหละที่กำลังเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
“ในสังคมไทยจะมีกลุ่มคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่เป็นอวิชชา ไม่มีอุดมการณ์ ยิ่งกว่าผีห่าซาตาน ชาติ บ้านเมือง แผ่นดินที่ให้เกิด คนพวกนี้ไม่คิดถึง คิดถึงแต่เงินของคนบางคนที่ส่งตรงมาจากเมืองนอก ให้เป็นท่อน้ำเลี้ยง อย่างที่คุณคำนูณ สิทธิสมาน ขนานนามให้เป็นม็อบหลอกรับประทาน รับเงินรับทองมาชุมนุมอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนี้เป็นเครื่องมือให้คนอีกกลุ่มหนึ่งเพื่อล้มชาติ พระมหากษัตริย์ วันนี้จึงชัดเจนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เห็นด้วยกับสถาบัน นี่คือข้อเท็จจริงและสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ทำให้คนดีที่ทำประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างท่านพล.อ.เปรมฯ ต้องมาแปดเปื้อนกับคำพูดที่เลวทรามต่ำช้า”
***ปลุกพลังเงียบรวมพลัง 22 ก.ค.นี้
นายสนธิ กล่าวว่า วันที่ 22 ก.ค.เวลา 07.00 น. ขอให้พี่น้องทั่วประเทศพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อเหลืองมาทำบุญประเทศที่ลานพระบรมรูปทรงม้า มาร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 999 รูปให้ประเทศ มาถวายพระพรให้กับองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ และให้กำลังใจพล.อ.เปรม และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มาแสดงพลังให้คนถ่อยได้เห็น มาโดยไม่ต้องให้ใครไปว่าจ้าง เรามาสร้างพลังเงียบ สร้างแนวร่วม ทุกสาขาอาชีพ เพื่อแสดงพลังประชาชนที่แท้จริง มาต่อยอดจากครั้งที่แล้ว อย่างไรก็ตามหากมาไม่ได้ก็ให้สวมใส่เสื้อเหลืองไปร่วมกันทำบุญประเทศที่หน้าศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงให้คนเหล่านั้นเห็นพลังเงียบ เห็นพลังจากประชาชนทุกส่วน แสดงให้ม็อบถ่อยที่อยู่สนามหลวงได้เห็น ไล่ให้คนเหล่านั้นออกไป แล้วเรามาเชิดชูคนดีในสังคมร่วมกัน
นายสนธิ กล่าวต่อว่า บางครั้งตนยังไม่เข้าใจท่าทีของคนบางคน โดยเฉพาะนายวีระ มุสิกพงศ์ ที่อดีตเคยเดือดร้อนมาขอให้ตนช่วยเหลือเรื่องเงิน ซึ่งตนก็ช่วยไป จากนั้นก็ติดตามข่าวของนายวีระอยู่ตลอด กระทั้งเจ้าตัวตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมืองครั้งแรกในนามพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากนั้นถูกจับในข้อหาหมิ่นพระบรมราชานุภาพ และได้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อปี 2531 จากการช่วยเหลือของ พล.อ.เปรม ตนจึงไม่เข้าใจว่า เหตุใดเมื่อมีการพูดพาดพิงและจาบจ้วงถึง พล.อ.เปรม บนเวทีสนามหลวง ทำไมนายวีระ ไม่แสดงอะไรออกมาบ้าง
***หยัน“ม็อบไข่แม้ว”ก็แค่ม็อบรับจ้าง
นายสนธิ ยังกล่าวถึงการชุมนุมของม็อบสนามหลวงว่า เมื่อคืนวันที่ 28 มิ.ย.นั่งรถยนต์ไปบริเวณที่มีการชุมนุมประมาณ 23.30 น.ภาพที่ตนเห็นคือ คนนั่งจับกลุ่มกันอยู่จำนวนหนึ่ง เห็นหลายคนเดินใส่รองเท้าแตะ มือหนึ่งกำแบงก์ร้อยเดินออกมาจากที่ชุมนุม เป็นภาพที่เห็นได้บ่อยและชัดเจน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนเดินมาขึ้นรถกระบะที่จอดรถรอยู่บริเวณรอบๆ สนามหลวง ขณะเดียวกันบางส่วนก็นั่งๆ นอน อยู่ในสนามหลวง สรุปทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม นายสนธิ ยังฝากเตือนแกนนำม็อบพีทีวี หากคิดจะนำผู้ชุมนุมมายังสำนักงานเอเอสทีวี ก็ให้แนวหน้าที่รับเงินไปเป็นจำนวนมากๆ มา อย่าให้คนที่รับเงินเพียงร้อยสองร้อยเดินออกหน้า เนื่องจากหากมีอะไรตนรู้สึกสงสาร และเป็นห่วง ทั้งนี้ตนได้เตรียมการรองรับไว้เป็นอย่างดีแล้ว ขอให้มากันจริงตามที่ประกาศไว้ก็แล้วกัน