.
ผมลงมือเขียนเรื่องนี้ในวันที่ 24 มิถุนายน 2550 ครบรอบ 75 ปีที่เมืองไทยได้ล้มล้างระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ลง ผมขอคารวะและสรรเสริญอุดมการณ์และความเสียสละของสมาชิกคณะราษฎร์ทุกท่านที่เสี่ยงชีวิต อนาคตและความสมบูรณ์พูนสุขส่วนตัวร่วมกันสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงให้กับบ้านเกิดเมืองนอน
ความพยายามของคณะราษฎร์มิประสบผลสำเร็จบริบูรณ์ ด้วยความเชื่อมโยงและผลกระทบจากเหตุปัจจัยหลายประการ ได้แก่ (1) ภยาคติ และ การกีดกันเจ้ากับศักดินา ทำให้เกิดการตอบโต้และต่อสู้กลับอย่างสลับซับซ้อน (หรือที่เห็นได้เช่น กบฏบวรเดชก็มี) (2) สามัคคีเภทหรือความแข่งขันแตกแยกในหมู่คณะราษฎร์ โดยแต่ละฝ่ายก็มีลูกน้องบริวาร ทำให้เกิดสามก๊กทำลายกันเอง(3) เศรษฐกิจภายในประเทศและของโลกตกต่ำ เกิดกระแสชาตินิยมรวมกลุ่มเป็นฟาสต์ซิสม์ จนกระทั่งเกิดสงครามโลกและสงครามมหาเอเชียบูรพา(4) การสูญเสียพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล โดยการลอบปลงพระชนม์ (5) เหมาเซตุงนำพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นเป็นใหญ่ในจีน-อเมริกันอภิมหาเศรษฐีผู้เยาว์ผงาดขึ้นเป็นเจ้าโลกในสงครามเย็น 2 ค่าย และ (6) รัฐประหารเผด็จการทหารไทย พ.ย. 2490
ยุคของคณะราษฎร์อวสานลงเพราะรัฐประหาร แต่ตลอดทั้งยุคไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเคยเห็นเปรตประชาธิปไตย ไม่ว่าในคณะผู้นำหรือในหมู่พวกพ้องบริวาร
เปรตประชาธิปไตยเป็นปรากฏการณ์หลังรัฐประหารแท้ๆ การเมืองไทยเปลี่ยนโฉมสู่อำนาจนิยมทุนสามานย์หนักขึ้นๆ มาตลอด 67 ปี 24 มิถุนายน ศกนี้ เทวดาฟ้าดินเทฝนลงมาห่าใหญ่ เปรตประชาธิปไตยก็ยังมิพากันสำนึกตัว
เปรตประชาธิปไตยคือฝูงห่าที่เสพประชาธิปไตย และดูดกินสรรพสิ่งที่มากับประชาธิปไตย หรือแอบอ้างคำว่าประชาธิปไตยไปเสาะหายัดห่าอามิสอาจมสารพัด โดยปากก็อ้างว่าตนรักชาติบ้านเมือง พี่น้องประชาชนและประชาธิปไตย
ลูกหลานบ่นไม่รู้ว่าเปรตคืออะไร พวกครูบาอาจารย์ผู้บริหารที่พากันกินโต๊ะเก้าอี้อาคารเรียนอุปกรณ์การศึกษาเบี้ยเลี้ยงเงินเดือน ตลอดจนเวลาและอนาคตของการศึกษาไทย ไม่ทราบว่าจะสงเคราะห์เป็นเปรตได้ด้วยหรือไม่ ทำไมจึงทำให้เด็กโง่ได้ถึงเพียงนี้
ใครรู้จัก “เปรตกู้”บ้าง ใครเคยเป็นลูกศิษย์เปรตกู้บ้าง ยกมือขึ้น
ผู้ใหญ่ที่เป็นนักเรียนนอกนักเรียนนา อ้างว่าตนมี “สัมมาวิชชา” ยังพากันงมงายถึงขนาดนั้น อย่าว่ากระทรวงศึกษาธิการเลย
ขออธิบายว่า เปรตมี 2 พวก แต่ละพวกมีหลายประเภท เปรตพวกหนึ่งเป็นมนุษย์ และเปรตอีกพวกหนึ่งเป็นอมนุษย์ คือไม่ใช่คน
เปรตที่เป็นมนุษย์ ภาษาพระเรียกว่า “มนุสสเปโต” ได้แก่ “มนุษย์ที่มีจิตใจเหมือนเปรต” คือหิวกระหาย อยากได้ ต้องการอยู่เสมอ ไม่อิ่ม ไม่เต็ม ท่านเรียกว่า มนุสสเปโต
เปรตที่เป็นอมนุษย์คือไม่ใช่คน เป็น “ผีเปรต” ตามคติพุทธศาสนา เปรต แปลว่า ผู้ละโลกนี้ไปแล้ว ผู้ตายไปแล้ว หมายถึง สัตว์พวกหนึ่งที่เกิดในเปตสิสัยซึ่งเป็นอบายภูมิ 1 ใน 4 ซึ่งมีหลายประเภท เช่นประเภทหนึ่งเรียกว่า ปรทัตตูปชีวิเปรต คือเปรตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้ทำอุทิศให้ หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ก็มักจะกินเลือดและหนองของตัวเองเป็นอาหาร โบราณมีความเชื่อที่ว่า ถ้าใครทำร้ายพ่อแม่ ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นผีเปรต
สำหรับเปรตประชาธิปไตยเป็นเปรตตระกูลใหม่ เป็นทั้งมนุษย์และอมนุษย์ในคราบเดียวกัน นอกจากหิวกระหายอดอยากยัดห่าเท่าไรไม่พอไม่ว่าจะเป็นอามิสอาจมอำนาจหรือตำแหน่งการเมืองแล้ว ยังเรียกร้องขอส่วนบุญให้เจ้าบุญนายคุณเสียอีก นอกจากจะกินเลือดและหนองของตนเอง เปรตประชาธิปไตยยังชอบ “สาวไส้ให้กากิน” ด้วย พวกนี้ใจคอโหดเหี้ยม อย่าว่าแต่ทำร้ายพ่อแม่ของตนเองเลย ชาติบ้านเมืองและเจ้าเหนือหัวก็ไม่ละเว้น ใครอยากเห็นเปรตพวกนี้ให้พากันไปดูหลังยามโพล้เพล้ที่บริเวณท้องพระเมรุ ถ้าอยากจะเห็นหัวหน้าเปรต ก็ให้คอยดูแผ่นรูปที่ชูขึ้นมา
ผมจากบ้านไปอเมริกาสามสัปดาห์ กลับมาถึงได้ 20 วันพอดี 24 มิถุนายน นอกจากเหนื่อยล้าสังขารแล้ว ผมยังถูกเปรตรังควาญ ทำให้ผมต้องทำงานหนักไม่มีเวลาเขียนถึงท่านผู้อ่าน
ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า ในอเมริกามีเปรตด้วยหรือ มีครับ มีทั้งเปรตอเมริกันสัญชาติอเมริกัน เปรตไทยสัญชาติอเมริกัน และเปรตไทยสัญชาติไทยที่เพ่นพ่านอยู่ในอเมริกา ทั้งที่เห็นเป็นตัวตน หรือล่องลอยมาแต่เสียงบ้าง ทั้งเสียงทั้งภาพบ้าง ในตัวหนังสือบ้าง และโดยเฉพาะในจอทีวี ทั้งนี้ หรือแม้แต่ในคลื่นอากาศที่เรียกว่าเว็บไซต์ก็ยิ่งมีมาก
เสียงของเปรตอเมริกันไม่สู้กระไร แต่เปรตประชาธิปไตยไทยแลนด์นี่ซีผมแทบจะทนไม่ได้จริงๆ มันทั้งลำเลิกทั้งขอส่วนบุญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ที่อุบาทว์มากก็คือมันสาวไส้ออกมาไม่รู้กี่ขดๆพันกันยุ่มย่ามเลือดแดงเถือก ไม่รู้ไส้ใครไส้ใคร นอกจากมันจะกินเองแล้ว มันยังเรียกอี- - - กามาร่วมกินอีก น่าขยะแขยงจริงๆ
ไม่อยากให้ผู้อ่านคลื่นเหียนอาเจียนกว่านี้ ผมขอหันมาเล่าเรื่องไปอเมริกาต่อ ผมรักประชาชนพลเมืองอเมริกัน แต่ผมไม่พิศวาสรัฐบาลสหรัฐฯ เลย ผมอยู่และเรียนรู้เรื่องอเมริกันมานานพอที่จะสอนวิชาการเมืองอเมริกันให้ฝรั่งได้ ในขณะที่ผมยืนยันว่าความเป็นมิตรที่ดีกับอเมริกันเป็นสิ่งจำเป็นและถูกต้องสำหรับประเทศไทย ผมเห็นว่าการทำตนเหมือนเด็กติดยาถูกล่อให้วิ่งตามก้นเขานั้นมีแต่อันตราย และไม่มีประเทศใดในโลกจะมีความสามารถทำลายประเทศไทยอย่างร้ายกาจแสนสาหัสได้เท่ากับอเมริกา
ผมว่ารัฐบาลไทยและคมช.จะผิดฉกรรจ์ถ้ามองข้ามประโยคข้างบนนี้ หรือคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีพิษสงอะไร เดินสายไปประเทศนั้นประเทศนี้ในทวีปเอเชีย ออสเตรเลียและยุโรป อีกหน่อยก็เหนื่อยกลับมาติดคุกเอง อย่าไปสนใจเสียงนอกประเทศเลย สู้มาถล่มหนักๆ ในบ้านจะดีกว่า
ผมอยากจะกล่าวรวมๆ กันดังต่อไปนี้
1.อเมริกาเป็นประเทศที่เงินซื้อได้ทุกอย่าง มีบริษัท หรือมหาวิทยาลัย หรือแก๊งมาเฟีย หรือแม้กระทั่งหน่วยงานของรัฐเองที่รับจ้างทำอะไรได้ทุกๆอย่างถ้าเงินถึง เช่น การรับจ้างฆ่าประธานาธิบดีของตนเอง สังหารผู้นำของประเทศอื่น (ๆๆ) ล้มล้างรัฐบาลและสถาบันของประเทศใดก็ได้ ที่ผมพูดนี้มีหลักฐานอ้างอิงและสถิติยืนยันมากมาย
เมื่อ 2-3 วันมานี้มีเอกสารเปิดเผยออกมาถึง 702 หน้าเล่ารายละเอียดถึงการที่ซีไอเอไปจ้างมาเฟียและทายาทของแอลคาโปนเมืองชิคาโกให้ไปสังหารฟิเดล คัสโตร ผู้นำคิวบา
ฟิเดลอาจจะเป็นคนแรกและคนเดียวที่อเมริกันฆ่าไม่สำเร็จไป คนอื่นๆเรียบวุธนับไม่ถ้วน เช่น ประธานาธิบดีอาเยียนเดของชิลี โงดินเยียมของเวียดนาม โมซาเดกของอิหร่าน และแม้กระทั่งการช่วยพระเจ้าชาห์แห่งอิหร่านโค่นราชบัลลังก์บิดาของตนเอง (โดยใช้ทหารอังกฤษและโซเวียต) ฯลฯ ผมไม่อยากให้เราสรุปว่าไทยจะเป็นเหยื่อหรือเป็นข้อยกเว้น แต่เราจะต้องไม่ประมาท
2. พูดถึงการแย่งพื้นที่กันในอเมริการะหว่างรัฐบาลและคมช.ฝ่ายหนึ่งกับทักษิณอีกฝ่ายหนึ่ง พื้นที่นี้ผมหมายถึงการสร้างอิทธิพลและความน่าเชื่อถือใน 4 สถาบันสำคัญของสหรัฐฯ คือ สภาคองเกรส มหาวิทยาลัย สื่อมวลชน และธุรกิจอุตสาหกรรม
ผมว่าทักษิณกินขาดและประสบความสำเร็จง่ายดาย บรรดาผู้แทนหรือวุฒิสมาชิกที่ทรงอิทธิพลของอเมริกัน นักวิชาการ ปัญญาชน นักเขียนและผู้สื่อข่าวนสพ.ใหญ่ๆ บริษัทข้ามชาติที่ทรงอิทธิพลทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่เห็นอกเห็นใจและเชื่อคำทักษิณ และประณามรัฐบาลทหารของไทยทั้งสิ้น ทั้งนี้มิใช่เพราะอเมริกันโง่ หรือติดยึดแต่คัมภีร์ประชาธิปไตยที่ต้องมีการเลือกตั้ง และรังเกียจ การยึดอำนาจเป็นเผด็จการ นอกจากเป็นลูกน้องรับใช้ตนอย่างไทยในอดีตหรือปากีสถานในปัจจุบัน แต่หากเป็นเพราะผลงานของทักษิณกับพวก ไม่แต่บริษัทล็อบบี้เท่านั้น หากรวมไปถึงนักวิชาการศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าของอเมริกันทั้งที่เป็นคนไทยและเป็นฝรั่ง นักหนังสือพิมพ์นักเขียนมีชื่อต่างก็พากันเดินสาย พากันพูด เขียนตีพิมพ์ ใบปลิวเถื่อน หนังสือเวียนก็เกลื่อนไปทุกมลรัฐ ซ้ำเว็บไซต์ก็มีเป็น ล้านๆ รายการ ที่โจมตีในหลวงอย่างดุเดือดก็นับไม่ถ้วน ที่ฉายพระรูปจนไม่สามารถดูหรือบรรยายได้ก็มาก
3. ผมมีโอกาสได้พบปะและพูดกับประชาคมไทย 4 กลุ่ม 4 ครั้ง ในลาสเวกัส-ลอสแองเจลิส-นิวยอร์ก และวอชิงตัน ดี.ซี. ทั้งหมดนอกจากดี.ซี. เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเอเอสทีวี และมีความเชื่อมั่นคลั่งไคล้ในตัวสนธิ ลิ้มทองกุลอย่างสูง ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้และไม่น่าทำลาย เพราะปรากฏการณ์สนธิและพันธมิตรประชาธิปไตยมีคุณูปการในการปลุกสำนึกของคนไทยให้รักชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ และซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน แต่ในขณะเดียวกันการหันเหไปโจมตีพลเอกสุรยุทธ์อย่างสาดเสียเทเสีย ถึงแม้จะเป็นสิทธิเสรีภาพที่ผมเองก็เคารพและไม่คิดจะครอบงำล่วงละเมิด แต่ผมก็เห็นว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ผิดไม่ชาญฉลาด เพราะจะกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับให้ทักษิณโดยไม่รู้สึกตัว ผมจึงถือโอกาสพูดกับพี่น้องผู้รักชาติทุกแห่งว่า เรามีกระสุนปืนอยู่จำกัด หากส่ายปากกระบอกปืนไปผิดไม่เลือกที่ เราจะไม่มีกระสุนเหลือไว้กำจัดศัตรู ซ้ำลูกหลงจะถูกพวกเดียวกันตายเสียอีก
4. ผมไปเยี่ยมสภาคองเกรส เพื่อต่อว่าผู้แทนอเมริกันจากเขต 10 เมืองชิคาโก สาเหตุเป็นเพราะว่าส.ส.คนนั้นเสนอกฎหมายจัดระเบียบประชาธิปไตยประเทศไทย(Thailand Democracy Act) ทั้งๆ ที่รู้ว่ากฎหมายจะไม่ผ่านแต่ผมเห็นว่าส.ส.คนนี้ทะลึ่งสิ้นดี ซ้ำถ้อยคำในกฎหมายนั้นก็ผิดข้อเท็จจริงและเข้าใจไทยผิดอย่างฉกรรจ์ เช่นกล่าวว่า คมช.เป็นผู้ยุบสภา และปิดกั้นเสรีภาพในการพูดเขียนโฆษณาและชุมนุม เป็นต้น ถ้า ส.ส.คนนี้ขยันเสียหน่อย ค้นคว้าหาข้อมูลจากห้องสมุดสภาคองเกรส ซึ่งเป็นห้องสมุดแห่งหนึ่ง ที่ดีที่สุดในโลก ก็จะรู้ความจริงตรงกันข้ามว่าทักษิณต่างหากที่ยุบสภาโดยขัดหลักประชาธิปไตย ทักษิณต่างหากที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนสั่งฆ่า และทำให้คนหายตัวไปหลายพัน ทักษิณต่างหากที่กอบโกยคอร์รัปชัน และทำลายรัฐธรรมนูญไม่รู้กี่มาตรา ฯลฯ ผมว่ากระทรวงต่างประเทศควรจะเล่นงานนายสกิป บอย ทูตอเมริกันประจำกรุงเทพฯ ว่าไม่รู้จักให้ข้อมูลสภาตนเองเสียบ้าง แต่ผมก็รู้ว่าผู้แทนคนนี้เป็นกระบอกเสียงให้บริษัทยาซึ่งตั้งอยู่ในเขตเลือกตั้งเขา มันโกรธว่าหมอมงคลไปบังคับจดทะเบียนลดราคายามหาโหดบริษัทยา ในวันนั้น ผมหอบเอาบัญชีลงชื่อคนไทยในชิคาโกไปด้วย จึงทำให้สภารับฟังด้วยดี นักการเมืองอเมริกันกลัวประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สุด
วันที่ผมออกเดินทางจากไทย ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ถึงแก่อนิจกรรม ผมไปร่วมพิธีไม่ทัน ได้แต่ไปเคารพตามลำพังที่ช่องหมายเลข 9 ห้องเก็บผู้บริจาคสรีระให้โรงพยาบาล ความกล้าของท่านทำให้ผมนึกถึงความกล้าของนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งตลอดเวลาที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศไม่เคยกล่าวร้ายให้ประเทศไทยเลย และไม่ยอมให้ต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงแม้ประสงค์จะมาช่วยท่านก็ไม่ยอม ต่างกับทักษิณซึ่งสามหาวว่าจะเจริญรอยตามท่านปรีดี แต่กลับชักน้ำเข้าลึกชักสึกเข้าบ้าน และสาวไส้ให้กากินอยู่ตลอดเวลา
ผมไม่เคยคิดจะประท้วงรัฐบาล จนกระทั่งได้ข่าวว่ารัฐบาล และคมช.จะร่วมเจรจากับนปก. ตามลัทธิไก่สมานฉันท์ของน.พ.ประเวศ
ผมได้ยินแต่ว่าคนแบ่งบุญให้เปรต ไม่เคยได้ยินว่าคนเจรจากับเปรต
โปรดกรุณาอย่าให้คนเข้าใจผิดเลยว่า รัฐบาลและ คมช. เจรจารู้เรื่องกันกับนปก.ดี เพราะต่างก็เป็นเปรตประชาธิปไตยเหมือนกัน
ผมขอประท้วงครับ
ผมลงมือเขียนเรื่องนี้ในวันที่ 24 มิถุนายน 2550 ครบรอบ 75 ปีที่เมืองไทยได้ล้มล้างระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ลง ผมขอคารวะและสรรเสริญอุดมการณ์และความเสียสละของสมาชิกคณะราษฎร์ทุกท่านที่เสี่ยงชีวิต อนาคตและความสมบูรณ์พูนสุขส่วนตัวร่วมกันสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงให้กับบ้านเกิดเมืองนอน
ความพยายามของคณะราษฎร์มิประสบผลสำเร็จบริบูรณ์ ด้วยความเชื่อมโยงและผลกระทบจากเหตุปัจจัยหลายประการ ได้แก่ (1) ภยาคติ และ การกีดกันเจ้ากับศักดินา ทำให้เกิดการตอบโต้และต่อสู้กลับอย่างสลับซับซ้อน (หรือที่เห็นได้เช่น กบฏบวรเดชก็มี) (2) สามัคคีเภทหรือความแข่งขันแตกแยกในหมู่คณะราษฎร์ โดยแต่ละฝ่ายก็มีลูกน้องบริวาร ทำให้เกิดสามก๊กทำลายกันเอง(3) เศรษฐกิจภายในประเทศและของโลกตกต่ำ เกิดกระแสชาตินิยมรวมกลุ่มเป็นฟาสต์ซิสม์ จนกระทั่งเกิดสงครามโลกและสงครามมหาเอเชียบูรพา(4) การสูญเสียพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล โดยการลอบปลงพระชนม์ (5) เหมาเซตุงนำพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นเป็นใหญ่ในจีน-อเมริกันอภิมหาเศรษฐีผู้เยาว์ผงาดขึ้นเป็นเจ้าโลกในสงครามเย็น 2 ค่าย และ (6) รัฐประหารเผด็จการทหารไทย พ.ย. 2490
ยุคของคณะราษฎร์อวสานลงเพราะรัฐประหาร แต่ตลอดทั้งยุคไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเคยเห็นเปรตประชาธิปไตย ไม่ว่าในคณะผู้นำหรือในหมู่พวกพ้องบริวาร
เปรตประชาธิปไตยเป็นปรากฏการณ์หลังรัฐประหารแท้ๆ การเมืองไทยเปลี่ยนโฉมสู่อำนาจนิยมทุนสามานย์หนักขึ้นๆ มาตลอด 67 ปี 24 มิถุนายน ศกนี้ เทวดาฟ้าดินเทฝนลงมาห่าใหญ่ เปรตประชาธิปไตยก็ยังมิพากันสำนึกตัว
เปรตประชาธิปไตยคือฝูงห่าที่เสพประชาธิปไตย และดูดกินสรรพสิ่งที่มากับประชาธิปไตย หรือแอบอ้างคำว่าประชาธิปไตยไปเสาะหายัดห่าอามิสอาจมสารพัด โดยปากก็อ้างว่าตนรักชาติบ้านเมือง พี่น้องประชาชนและประชาธิปไตย
ลูกหลานบ่นไม่รู้ว่าเปรตคืออะไร พวกครูบาอาจารย์ผู้บริหารที่พากันกินโต๊ะเก้าอี้อาคารเรียนอุปกรณ์การศึกษาเบี้ยเลี้ยงเงินเดือน ตลอดจนเวลาและอนาคตของการศึกษาไทย ไม่ทราบว่าจะสงเคราะห์เป็นเปรตได้ด้วยหรือไม่ ทำไมจึงทำให้เด็กโง่ได้ถึงเพียงนี้
ใครรู้จัก “เปรตกู้”บ้าง ใครเคยเป็นลูกศิษย์เปรตกู้บ้าง ยกมือขึ้น
ผู้ใหญ่ที่เป็นนักเรียนนอกนักเรียนนา อ้างว่าตนมี “สัมมาวิชชา” ยังพากันงมงายถึงขนาดนั้น อย่าว่ากระทรวงศึกษาธิการเลย
ขออธิบายว่า เปรตมี 2 พวก แต่ละพวกมีหลายประเภท เปรตพวกหนึ่งเป็นมนุษย์ และเปรตอีกพวกหนึ่งเป็นอมนุษย์ คือไม่ใช่คน
เปรตที่เป็นมนุษย์ ภาษาพระเรียกว่า “มนุสสเปโต” ได้แก่ “มนุษย์ที่มีจิตใจเหมือนเปรต” คือหิวกระหาย อยากได้ ต้องการอยู่เสมอ ไม่อิ่ม ไม่เต็ม ท่านเรียกว่า มนุสสเปโต
เปรตที่เป็นอมนุษย์คือไม่ใช่คน เป็น “ผีเปรต” ตามคติพุทธศาสนา เปรต แปลว่า ผู้ละโลกนี้ไปแล้ว ผู้ตายไปแล้ว หมายถึง สัตว์พวกหนึ่งที่เกิดในเปตสิสัยซึ่งเป็นอบายภูมิ 1 ใน 4 ซึ่งมีหลายประเภท เช่นประเภทหนึ่งเรียกว่า ปรทัตตูปชีวิเปรต คือเปรตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้ทำอุทิศให้ หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ก็มักจะกินเลือดและหนองของตัวเองเป็นอาหาร โบราณมีความเชื่อที่ว่า ถ้าใครทำร้ายพ่อแม่ ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นผีเปรต
สำหรับเปรตประชาธิปไตยเป็นเปรตตระกูลใหม่ เป็นทั้งมนุษย์และอมนุษย์ในคราบเดียวกัน นอกจากหิวกระหายอดอยากยัดห่าเท่าไรไม่พอไม่ว่าจะเป็นอามิสอาจมอำนาจหรือตำแหน่งการเมืองแล้ว ยังเรียกร้องขอส่วนบุญให้เจ้าบุญนายคุณเสียอีก นอกจากจะกินเลือดและหนองของตนเอง เปรตประชาธิปไตยยังชอบ “สาวไส้ให้กากิน” ด้วย พวกนี้ใจคอโหดเหี้ยม อย่าว่าแต่ทำร้ายพ่อแม่ของตนเองเลย ชาติบ้านเมืองและเจ้าเหนือหัวก็ไม่ละเว้น ใครอยากเห็นเปรตพวกนี้ให้พากันไปดูหลังยามโพล้เพล้ที่บริเวณท้องพระเมรุ ถ้าอยากจะเห็นหัวหน้าเปรต ก็ให้คอยดูแผ่นรูปที่ชูขึ้นมา
ผมจากบ้านไปอเมริกาสามสัปดาห์ กลับมาถึงได้ 20 วันพอดี 24 มิถุนายน นอกจากเหนื่อยล้าสังขารแล้ว ผมยังถูกเปรตรังควาญ ทำให้ผมต้องทำงานหนักไม่มีเวลาเขียนถึงท่านผู้อ่าน
ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า ในอเมริกามีเปรตด้วยหรือ มีครับ มีทั้งเปรตอเมริกันสัญชาติอเมริกัน เปรตไทยสัญชาติอเมริกัน และเปรตไทยสัญชาติไทยที่เพ่นพ่านอยู่ในอเมริกา ทั้งที่เห็นเป็นตัวตน หรือล่องลอยมาแต่เสียงบ้าง ทั้งเสียงทั้งภาพบ้าง ในตัวหนังสือบ้าง และโดยเฉพาะในจอทีวี ทั้งนี้ หรือแม้แต่ในคลื่นอากาศที่เรียกว่าเว็บไซต์ก็ยิ่งมีมาก
เสียงของเปรตอเมริกันไม่สู้กระไร แต่เปรตประชาธิปไตยไทยแลนด์นี่ซีผมแทบจะทนไม่ได้จริงๆ มันทั้งลำเลิกทั้งขอส่วนบุญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ที่อุบาทว์มากก็คือมันสาวไส้ออกมาไม่รู้กี่ขดๆพันกันยุ่มย่ามเลือดแดงเถือก ไม่รู้ไส้ใครไส้ใคร นอกจากมันจะกินเองแล้ว มันยังเรียกอี- - - กามาร่วมกินอีก น่าขยะแขยงจริงๆ
ไม่อยากให้ผู้อ่านคลื่นเหียนอาเจียนกว่านี้ ผมขอหันมาเล่าเรื่องไปอเมริกาต่อ ผมรักประชาชนพลเมืองอเมริกัน แต่ผมไม่พิศวาสรัฐบาลสหรัฐฯ เลย ผมอยู่และเรียนรู้เรื่องอเมริกันมานานพอที่จะสอนวิชาการเมืองอเมริกันให้ฝรั่งได้ ในขณะที่ผมยืนยันว่าความเป็นมิตรที่ดีกับอเมริกันเป็นสิ่งจำเป็นและถูกต้องสำหรับประเทศไทย ผมเห็นว่าการทำตนเหมือนเด็กติดยาถูกล่อให้วิ่งตามก้นเขานั้นมีแต่อันตราย และไม่มีประเทศใดในโลกจะมีความสามารถทำลายประเทศไทยอย่างร้ายกาจแสนสาหัสได้เท่ากับอเมริกา
ผมว่ารัฐบาลไทยและคมช.จะผิดฉกรรจ์ถ้ามองข้ามประโยคข้างบนนี้ หรือคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีพิษสงอะไร เดินสายไปประเทศนั้นประเทศนี้ในทวีปเอเชีย ออสเตรเลียและยุโรป อีกหน่อยก็เหนื่อยกลับมาติดคุกเอง อย่าไปสนใจเสียงนอกประเทศเลย สู้มาถล่มหนักๆ ในบ้านจะดีกว่า
ผมอยากจะกล่าวรวมๆ กันดังต่อไปนี้
1.อเมริกาเป็นประเทศที่เงินซื้อได้ทุกอย่าง มีบริษัท หรือมหาวิทยาลัย หรือแก๊งมาเฟีย หรือแม้กระทั่งหน่วยงานของรัฐเองที่รับจ้างทำอะไรได้ทุกๆอย่างถ้าเงินถึง เช่น การรับจ้างฆ่าประธานาธิบดีของตนเอง สังหารผู้นำของประเทศอื่น (ๆๆ) ล้มล้างรัฐบาลและสถาบันของประเทศใดก็ได้ ที่ผมพูดนี้มีหลักฐานอ้างอิงและสถิติยืนยันมากมาย
เมื่อ 2-3 วันมานี้มีเอกสารเปิดเผยออกมาถึง 702 หน้าเล่ารายละเอียดถึงการที่ซีไอเอไปจ้างมาเฟียและทายาทของแอลคาโปนเมืองชิคาโกให้ไปสังหารฟิเดล คัสโตร ผู้นำคิวบา
ฟิเดลอาจจะเป็นคนแรกและคนเดียวที่อเมริกันฆ่าไม่สำเร็จไป คนอื่นๆเรียบวุธนับไม่ถ้วน เช่น ประธานาธิบดีอาเยียนเดของชิลี โงดินเยียมของเวียดนาม โมซาเดกของอิหร่าน และแม้กระทั่งการช่วยพระเจ้าชาห์แห่งอิหร่านโค่นราชบัลลังก์บิดาของตนเอง (โดยใช้ทหารอังกฤษและโซเวียต) ฯลฯ ผมไม่อยากให้เราสรุปว่าไทยจะเป็นเหยื่อหรือเป็นข้อยกเว้น แต่เราจะต้องไม่ประมาท
2. พูดถึงการแย่งพื้นที่กันในอเมริการะหว่างรัฐบาลและคมช.ฝ่ายหนึ่งกับทักษิณอีกฝ่ายหนึ่ง พื้นที่นี้ผมหมายถึงการสร้างอิทธิพลและความน่าเชื่อถือใน 4 สถาบันสำคัญของสหรัฐฯ คือ สภาคองเกรส มหาวิทยาลัย สื่อมวลชน และธุรกิจอุตสาหกรรม
ผมว่าทักษิณกินขาดและประสบความสำเร็จง่ายดาย บรรดาผู้แทนหรือวุฒิสมาชิกที่ทรงอิทธิพลของอเมริกัน นักวิชาการ ปัญญาชน นักเขียนและผู้สื่อข่าวนสพ.ใหญ่ๆ บริษัทข้ามชาติที่ทรงอิทธิพลทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่เห็นอกเห็นใจและเชื่อคำทักษิณ และประณามรัฐบาลทหารของไทยทั้งสิ้น ทั้งนี้มิใช่เพราะอเมริกันโง่ หรือติดยึดแต่คัมภีร์ประชาธิปไตยที่ต้องมีการเลือกตั้ง และรังเกียจ การยึดอำนาจเป็นเผด็จการ นอกจากเป็นลูกน้องรับใช้ตนอย่างไทยในอดีตหรือปากีสถานในปัจจุบัน แต่หากเป็นเพราะผลงานของทักษิณกับพวก ไม่แต่บริษัทล็อบบี้เท่านั้น หากรวมไปถึงนักวิชาการศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าของอเมริกันทั้งที่เป็นคนไทยและเป็นฝรั่ง นักหนังสือพิมพ์นักเขียนมีชื่อต่างก็พากันเดินสาย พากันพูด เขียนตีพิมพ์ ใบปลิวเถื่อน หนังสือเวียนก็เกลื่อนไปทุกมลรัฐ ซ้ำเว็บไซต์ก็มีเป็น ล้านๆ รายการ ที่โจมตีในหลวงอย่างดุเดือดก็นับไม่ถ้วน ที่ฉายพระรูปจนไม่สามารถดูหรือบรรยายได้ก็มาก
3. ผมมีโอกาสได้พบปะและพูดกับประชาคมไทย 4 กลุ่ม 4 ครั้ง ในลาสเวกัส-ลอสแองเจลิส-นิวยอร์ก และวอชิงตัน ดี.ซี. ทั้งหมดนอกจากดี.ซี. เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเอเอสทีวี และมีความเชื่อมั่นคลั่งไคล้ในตัวสนธิ ลิ้มทองกุลอย่างสูง ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้และไม่น่าทำลาย เพราะปรากฏการณ์สนธิและพันธมิตรประชาธิปไตยมีคุณูปการในการปลุกสำนึกของคนไทยให้รักชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ และซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน แต่ในขณะเดียวกันการหันเหไปโจมตีพลเอกสุรยุทธ์อย่างสาดเสียเทเสีย ถึงแม้จะเป็นสิทธิเสรีภาพที่ผมเองก็เคารพและไม่คิดจะครอบงำล่วงละเมิด แต่ผมก็เห็นว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ผิดไม่ชาญฉลาด เพราะจะกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับให้ทักษิณโดยไม่รู้สึกตัว ผมจึงถือโอกาสพูดกับพี่น้องผู้รักชาติทุกแห่งว่า เรามีกระสุนปืนอยู่จำกัด หากส่ายปากกระบอกปืนไปผิดไม่เลือกที่ เราจะไม่มีกระสุนเหลือไว้กำจัดศัตรู ซ้ำลูกหลงจะถูกพวกเดียวกันตายเสียอีก
4. ผมไปเยี่ยมสภาคองเกรส เพื่อต่อว่าผู้แทนอเมริกันจากเขต 10 เมืองชิคาโก สาเหตุเป็นเพราะว่าส.ส.คนนั้นเสนอกฎหมายจัดระเบียบประชาธิปไตยประเทศไทย(Thailand Democracy Act) ทั้งๆ ที่รู้ว่ากฎหมายจะไม่ผ่านแต่ผมเห็นว่าส.ส.คนนี้ทะลึ่งสิ้นดี ซ้ำถ้อยคำในกฎหมายนั้นก็ผิดข้อเท็จจริงและเข้าใจไทยผิดอย่างฉกรรจ์ เช่นกล่าวว่า คมช.เป็นผู้ยุบสภา และปิดกั้นเสรีภาพในการพูดเขียนโฆษณาและชุมนุม เป็นต้น ถ้า ส.ส.คนนี้ขยันเสียหน่อย ค้นคว้าหาข้อมูลจากห้องสมุดสภาคองเกรส ซึ่งเป็นห้องสมุดแห่งหนึ่ง ที่ดีที่สุดในโลก ก็จะรู้ความจริงตรงกันข้ามว่าทักษิณต่างหากที่ยุบสภาโดยขัดหลักประชาธิปไตย ทักษิณต่างหากที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนสั่งฆ่า และทำให้คนหายตัวไปหลายพัน ทักษิณต่างหากที่กอบโกยคอร์รัปชัน และทำลายรัฐธรรมนูญไม่รู้กี่มาตรา ฯลฯ ผมว่ากระทรวงต่างประเทศควรจะเล่นงานนายสกิป บอย ทูตอเมริกันประจำกรุงเทพฯ ว่าไม่รู้จักให้ข้อมูลสภาตนเองเสียบ้าง แต่ผมก็รู้ว่าผู้แทนคนนี้เป็นกระบอกเสียงให้บริษัทยาซึ่งตั้งอยู่ในเขตเลือกตั้งเขา มันโกรธว่าหมอมงคลไปบังคับจดทะเบียนลดราคายามหาโหดบริษัทยา ในวันนั้น ผมหอบเอาบัญชีลงชื่อคนไทยในชิคาโกไปด้วย จึงทำให้สภารับฟังด้วยดี นักการเมืองอเมริกันกลัวประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สุด
วันที่ผมออกเดินทางจากไทย ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ถึงแก่อนิจกรรม ผมไปร่วมพิธีไม่ทัน ได้แต่ไปเคารพตามลำพังที่ช่องหมายเลข 9 ห้องเก็บผู้บริจาคสรีระให้โรงพยาบาล ความกล้าของท่านทำให้ผมนึกถึงความกล้าของนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งตลอดเวลาที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศไม่เคยกล่าวร้ายให้ประเทศไทยเลย และไม่ยอมให้ต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงแม้ประสงค์จะมาช่วยท่านก็ไม่ยอม ต่างกับทักษิณซึ่งสามหาวว่าจะเจริญรอยตามท่านปรีดี แต่กลับชักน้ำเข้าลึกชักสึกเข้าบ้าน และสาวไส้ให้กากินอยู่ตลอดเวลา
ผมไม่เคยคิดจะประท้วงรัฐบาล จนกระทั่งได้ข่าวว่ารัฐบาล และคมช.จะร่วมเจรจากับนปก. ตามลัทธิไก่สมานฉันท์ของน.พ.ประเวศ
ผมได้ยินแต่ว่าคนแบ่งบุญให้เปรต ไม่เคยได้ยินว่าคนเจรจากับเปรต
โปรดกรุณาอย่าให้คนเข้าใจผิดเลยว่า รัฐบาลและ คมช. เจรจารู้เรื่องกันกับนปก.ดี เพราะต่างก็เป็นเปรตประชาธิปไตยเหมือนกัน
ผมขอประท้วงครับ