.
มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดของโลกมูลค่าทรัพย์สินหมื่นหนึ่งพันล้านเหรียญไม่ใช่ใครละครับ นอกจากบิลเกตส์ อายุ 49 เสียแต่ว่าแต่งงานแล้ว เพราะความคิดที่ว่า เงินจริงๆ ไม่อยู่ในคอมพิวเตอร์ แต่อยู่ในซอฟต์แวร์ที่มันทำงาน
รองลงมาในแวดวงเดียวกันก็ สตีฟ จ๊อบ จากแอปเปิลคอมพิวเตอร์ อายุ 50 ทรัพย์สิน 3 หมื่นล้านเหรียญ เขาเห็นว่า เทคโนโลยีต้องไม่น่าเกลียด แต่สวยงามได้
เศรษฐีอีกคน คือ ปิแอร์ โอมิตยาร์ ผู้ก่อตั้ง eBay อายุแค่ 38 เอง มีเงินหมื่นล้านเหรียญ
และ เซอร์กีย บริน และลาร์รี เพจ กับ แลร์รี เพจ ผู้ก่อตั้งกูเกิ้ลอายุ 32 ทรัพย์สินหมื่นหนึ่งพันล้านเหรียญ
รูเพิร์ท เมอร์ดอค เจ้าพ่อสื่อ ทรัพย์สินหกหมื่น 7 พันล้านเหรียญ
มิเชล บลูมเบิร์ก เจ้าของสื่อด้านการเงิน อายุ 63 ทรัพย์สิน 5 หมื่นล้านเหรียญ
ซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี จากอิตาลี เจ้าของสื่อ อายุ 69 มีเงินหมื่นสองพันล้านเหรียญ
จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงิน แก่ถึง 75 ปี มีเงิน 7 หมื่น 2 พันล้านเหรียญ
วอร์เรน บัฟเฟต อายุ 75 มีเงินมากถึง 4 หมื่นล้านเหรียญ
ทักษิณ ของไทยอายุ 56 ติดอันดับรวยแต่ถูกอายัดทรัพย์ ระบุว่ามีเงินพัน 3 ร้อยล้านเหรียญ
ทั้งหมดนี้ Financial Times ฉบับ Top Billionaires (25 คน) เขาสำรวจพร้อมมีบทความอีก 3 บทความคือ
บทความแรก เรื่อง คุณจะทำงานกับพวกเศรษฐีเหล่านี้อย่างไร
บทความที่สอง จะ “จับ” พวกเศรษฐีจนได้แต่งงานอย่างไร
บทความที่สาม ก็คือ จะคงหรือดำรงความรวยไว้ได้อย่างไร
ผมสนใจบทความที่สอง
บทความเท้าความถึงภาพยนตร์แสดงนำโดย มารีลิน มอนโร เรื่อง “วิธีจับเศรษฐีเงินล้านมาแต่งงานด้วย” โดยบอกว่ามันเป็นภาพที่ทางฮอลลีวูดนำเสนอ แต่ลงท้ายแล้วภาพยนตร์ก็ลงเอยว่า มันเป็นเรื่องความรักจริงๆ มากกว่าปัจจัยเรื่องเงินตรา
ทุกวันนี้ รักแท้แพ้ทางเงินไปแล้วหรือ?
เขาว่ามันหมดยุคแล้วครับ
การได้แต่งงานกับเศรษฐีเงินล้าน, ร้อยล้าน หรือพันล้าน มันไม่พอแล้วหรือหยุดแค่นั้น
เศรษฐีทุกวันนี้มีแต่กระดาษหุ้นในลอนดอน, นิวยอร์ก หรือแม้แต่โตเกียว
ดังนั้น จะหาเศรษฐีตัวจริงจึงยาก
ก่อนอื่นต้องแสวงหารายชื่อให้ได้ก่อน
แต่คนโสดที่รวยๆ นั้น ใช่ว่าจะหากันง่ายๆ
นิตยสารฟอร์บ ระบุว่า พวกมหาเศรษฐีส่วนใหญ่มักแต่งงานกันไปหมดแล้ว
แถมมีลูกมีเต้ากันคนสองคนด้วย
แต่มหาเศรษฐีบางคน เขาก็ไม่แต่งงานก็มี เอาเป็นว่าคนอย่างเจ้าแม่ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในอเมริกาอย่าง โอปร่า วินฟรีย, อบิเกล จอห์นสัน หรือ มิอูซิย ปราด้า ก็หาได้มีคู่สมรสไม่
แต่มหาเศรษฐีรุ่นใหม่นั้น เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยรักความสนุกเท่ารุ่นเก่า เพราะมีภาระต้อง “รักษาเงินและสถานะของตัวเอง”
ประการต่อมา พวกที่ยังครองตนโสดนั้น ก็อยู่โสด เพราะยุคดอทคอมหรืออินเทอร์เน็ตบูมมาก สรุปได้ว่า พวกนี้มักเป็นคนแปลกๆ ถ้าคุณจะหาคนหล่อแบบยอร์จ คลูนีย์ ละก็ ยากครับ
ดังนั้น ลองดูที่ยุโรป
ก็ไปดูพวกราชวงศ์ เช่น พระองค์เจ้าอัลเบิร์ต มิเกล โยฮานส์ เกเบลียร์, เจ้าชายฟอน เธอร์น อูน ธาซิส เรียกสั้นๆ ว่า “อัล”
อัล หรือ อัลเบิร์ต อายุ 21 พระพักตร์ทรงพระเยาว์ หรือพูดตามภาษาชาวบ้านก็คือ “หน้าเด็ก”
ทรงประทับอยู่วังซึ่งมีถึง 500 ห้อง ซึ่งพระราชวังของท่านนั้น ว่ากันว่ากว้างใหญ่จนเหมือนหมู่บ้านขนาดเล็กเลย
ในศตวรรษที่ 15 ราชวงศ์ของท่านได้รับสิทธิในตำแหน่งจากพระเจ้าเฟเดอริคที่สาม และราชวงศ์ท่านริเริ่มระบบเดินทางด้วยม้าส่งทอดๆ กัน ทำให้การเดินทางติดต่อกันระหว่างเมืองหลวงของหลายประเทศในยุโรป
ครับ... เพราะเหตุนี้แหละคำว่า แท็กซี่ จึงถือกำเนิดจากตระกูล Thurn und Taxis นี้เอง (นี่ว่าตาม Financial Time เขานะครับ)
ทรัพย์สินของเจ้าชายอัลเบิร์ตนั้นมีอยู่ 2 หมื่นล้านเหรียญ
ระยะถัดมาก็ สเตฟาน ควอนท์ อายุ 39 แล้ว มีมรดกที่รับมาถึง 6 หมื่นเจ็ดพันล้านเหรียญ
แน่นอนว่ารวยกว่าเจ้าชายอัลเบิร์ตมาก
แต่สเตฟานเป็นคนเก็บตัวมาก
เขาถือหุ้นใหญ่ใน BMW จากบิดา แต่ก็ไม่คิดว่าจะเข้าไปสัมพันธ์ที่จะแต่งงานกับพวกอัลเบิร์ต
สเตฟานนั้นมีมารดาซึ่งเป็นบอร์ดในฐานะที่ปรึกษา แต่มีบทบาทมาก
สเตฟานไม่ใช่ลูกที่อยู่ใต้การกำกับของแม่เสมอไป
เขาทำงานที่ Boston Consulting Group และเป็นเจ้าของบริษัทยาชื่อดังที่มีกำไรดี
ในยุโรปยังมีชายหนุ่มหล่อเหลาคมคายคือ เจมส์ เบเกอร์ มหาเศรษฐีรายนี้ จบจากโรงเรียนเมื่ออายุได้ 18 แล้วไปทำงานด้านสื่อกับพ่อ ซึ่งเป็นเจ้าพ่อสื่อที่ร่ำรวยมากในออสเตรเลีย ซึ่งพ่อยังมีฟาร์มปศุสัตว์ใหญ่โต ทำให้เขามีความรู้กว้างขวางด้านนี้และเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้น
แต่เจมส์ เบเกอร์ ต้องพึ่งเงินจากพ่อ แม้ว่าจะพยายามขวนขวายหาทางตั้งตัวเองให้ได้ (ใครคิดจะจีบต้องเห็นใจเขาหน่อย) เขาได้ร่วมลงทุน แต่ก็ไม่สำเร็จกับลูกมหาเศรษฐีอีกรายหนึ่งในด้านการสื่อสาร
หลังจากนั้น เขาล้มเหลวในชีวิตสมรส เพราะถูกภรรยาทิ้ง โจดี้ทิ้งเขาซึ่งเธอไปคบกับหนุ่มจากฮอลลีวูด
เจมส์ จึงเป็นคนที่สาวๆ ต้องเห็นใจ และควรได้รับความช่วยเหลือในหลายด้าน
ครับ... ที่ว่ามานี้ ก็หวังว่าจะมีสาวไทยสนใจกันบ้าง คนพวกนี้อาจมีรสนิยมชอบผู้หญิงตะวันออกที่นิสัยดี เอาใจเก่ง เอ็กซอติกก็ได้ ใครจะรู้ล่ะ
มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดของโลกมูลค่าทรัพย์สินหมื่นหนึ่งพันล้านเหรียญไม่ใช่ใครละครับ นอกจากบิลเกตส์ อายุ 49 เสียแต่ว่าแต่งงานแล้ว เพราะความคิดที่ว่า เงินจริงๆ ไม่อยู่ในคอมพิวเตอร์ แต่อยู่ในซอฟต์แวร์ที่มันทำงาน
รองลงมาในแวดวงเดียวกันก็ สตีฟ จ๊อบ จากแอปเปิลคอมพิวเตอร์ อายุ 50 ทรัพย์สิน 3 หมื่นล้านเหรียญ เขาเห็นว่า เทคโนโลยีต้องไม่น่าเกลียด แต่สวยงามได้
เศรษฐีอีกคน คือ ปิแอร์ โอมิตยาร์ ผู้ก่อตั้ง eBay อายุแค่ 38 เอง มีเงินหมื่นล้านเหรียญ
และ เซอร์กีย บริน และลาร์รี เพจ กับ แลร์รี เพจ ผู้ก่อตั้งกูเกิ้ลอายุ 32 ทรัพย์สินหมื่นหนึ่งพันล้านเหรียญ
รูเพิร์ท เมอร์ดอค เจ้าพ่อสื่อ ทรัพย์สินหกหมื่น 7 พันล้านเหรียญ
มิเชล บลูมเบิร์ก เจ้าของสื่อด้านการเงิน อายุ 63 ทรัพย์สิน 5 หมื่นล้านเหรียญ
ซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี จากอิตาลี เจ้าของสื่อ อายุ 69 มีเงินหมื่นสองพันล้านเหรียญ
จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงิน แก่ถึง 75 ปี มีเงิน 7 หมื่น 2 พันล้านเหรียญ
วอร์เรน บัฟเฟต อายุ 75 มีเงินมากถึง 4 หมื่นล้านเหรียญ
ทักษิณ ของไทยอายุ 56 ติดอันดับรวยแต่ถูกอายัดทรัพย์ ระบุว่ามีเงินพัน 3 ร้อยล้านเหรียญ
ทั้งหมดนี้ Financial Times ฉบับ Top Billionaires (25 คน) เขาสำรวจพร้อมมีบทความอีก 3 บทความคือ
บทความแรก เรื่อง คุณจะทำงานกับพวกเศรษฐีเหล่านี้อย่างไร
บทความที่สอง จะ “จับ” พวกเศรษฐีจนได้แต่งงานอย่างไร
บทความที่สาม ก็คือ จะคงหรือดำรงความรวยไว้ได้อย่างไร
ผมสนใจบทความที่สอง
บทความเท้าความถึงภาพยนตร์แสดงนำโดย มารีลิน มอนโร เรื่อง “วิธีจับเศรษฐีเงินล้านมาแต่งงานด้วย” โดยบอกว่ามันเป็นภาพที่ทางฮอลลีวูดนำเสนอ แต่ลงท้ายแล้วภาพยนตร์ก็ลงเอยว่า มันเป็นเรื่องความรักจริงๆ มากกว่าปัจจัยเรื่องเงินตรา
ทุกวันนี้ รักแท้แพ้ทางเงินไปแล้วหรือ?
เขาว่ามันหมดยุคแล้วครับ
การได้แต่งงานกับเศรษฐีเงินล้าน, ร้อยล้าน หรือพันล้าน มันไม่พอแล้วหรือหยุดแค่นั้น
เศรษฐีทุกวันนี้มีแต่กระดาษหุ้นในลอนดอน, นิวยอร์ก หรือแม้แต่โตเกียว
ดังนั้น จะหาเศรษฐีตัวจริงจึงยาก
ก่อนอื่นต้องแสวงหารายชื่อให้ได้ก่อน
แต่คนโสดที่รวยๆ นั้น ใช่ว่าจะหากันง่ายๆ
นิตยสารฟอร์บ ระบุว่า พวกมหาเศรษฐีส่วนใหญ่มักแต่งงานกันไปหมดแล้ว
แถมมีลูกมีเต้ากันคนสองคนด้วย
แต่มหาเศรษฐีบางคน เขาก็ไม่แต่งงานก็มี เอาเป็นว่าคนอย่างเจ้าแม่ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในอเมริกาอย่าง โอปร่า วินฟรีย, อบิเกล จอห์นสัน หรือ มิอูซิย ปราด้า ก็หาได้มีคู่สมรสไม่
แต่มหาเศรษฐีรุ่นใหม่นั้น เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยรักความสนุกเท่ารุ่นเก่า เพราะมีภาระต้อง “รักษาเงินและสถานะของตัวเอง”
ประการต่อมา พวกที่ยังครองตนโสดนั้น ก็อยู่โสด เพราะยุคดอทคอมหรืออินเทอร์เน็ตบูมมาก สรุปได้ว่า พวกนี้มักเป็นคนแปลกๆ ถ้าคุณจะหาคนหล่อแบบยอร์จ คลูนีย์ ละก็ ยากครับ
ดังนั้น ลองดูที่ยุโรป
ก็ไปดูพวกราชวงศ์ เช่น พระองค์เจ้าอัลเบิร์ต มิเกล โยฮานส์ เกเบลียร์, เจ้าชายฟอน เธอร์น อูน ธาซิส เรียกสั้นๆ ว่า “อัล”
อัล หรือ อัลเบิร์ต อายุ 21 พระพักตร์ทรงพระเยาว์ หรือพูดตามภาษาชาวบ้านก็คือ “หน้าเด็ก”
ทรงประทับอยู่วังซึ่งมีถึง 500 ห้อง ซึ่งพระราชวังของท่านนั้น ว่ากันว่ากว้างใหญ่จนเหมือนหมู่บ้านขนาดเล็กเลย
ในศตวรรษที่ 15 ราชวงศ์ของท่านได้รับสิทธิในตำแหน่งจากพระเจ้าเฟเดอริคที่สาม และราชวงศ์ท่านริเริ่มระบบเดินทางด้วยม้าส่งทอดๆ กัน ทำให้การเดินทางติดต่อกันระหว่างเมืองหลวงของหลายประเทศในยุโรป
ครับ... เพราะเหตุนี้แหละคำว่า แท็กซี่ จึงถือกำเนิดจากตระกูล Thurn und Taxis นี้เอง (นี่ว่าตาม Financial Time เขานะครับ)
ทรัพย์สินของเจ้าชายอัลเบิร์ตนั้นมีอยู่ 2 หมื่นล้านเหรียญ
ระยะถัดมาก็ สเตฟาน ควอนท์ อายุ 39 แล้ว มีมรดกที่รับมาถึง 6 หมื่นเจ็ดพันล้านเหรียญ
แน่นอนว่ารวยกว่าเจ้าชายอัลเบิร์ตมาก
แต่สเตฟานเป็นคนเก็บตัวมาก
เขาถือหุ้นใหญ่ใน BMW จากบิดา แต่ก็ไม่คิดว่าจะเข้าไปสัมพันธ์ที่จะแต่งงานกับพวกอัลเบิร์ต
สเตฟานนั้นมีมารดาซึ่งเป็นบอร์ดในฐานะที่ปรึกษา แต่มีบทบาทมาก
สเตฟานไม่ใช่ลูกที่อยู่ใต้การกำกับของแม่เสมอไป
เขาทำงานที่ Boston Consulting Group และเป็นเจ้าของบริษัทยาชื่อดังที่มีกำไรดี
ในยุโรปยังมีชายหนุ่มหล่อเหลาคมคายคือ เจมส์ เบเกอร์ มหาเศรษฐีรายนี้ จบจากโรงเรียนเมื่ออายุได้ 18 แล้วไปทำงานด้านสื่อกับพ่อ ซึ่งเป็นเจ้าพ่อสื่อที่ร่ำรวยมากในออสเตรเลีย ซึ่งพ่อยังมีฟาร์มปศุสัตว์ใหญ่โต ทำให้เขามีความรู้กว้างขวางด้านนี้และเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้น
แต่เจมส์ เบเกอร์ ต้องพึ่งเงินจากพ่อ แม้ว่าจะพยายามขวนขวายหาทางตั้งตัวเองให้ได้ (ใครคิดจะจีบต้องเห็นใจเขาหน่อย) เขาได้ร่วมลงทุน แต่ก็ไม่สำเร็จกับลูกมหาเศรษฐีอีกรายหนึ่งในด้านการสื่อสาร
หลังจากนั้น เขาล้มเหลวในชีวิตสมรส เพราะถูกภรรยาทิ้ง โจดี้ทิ้งเขาซึ่งเธอไปคบกับหนุ่มจากฮอลลีวูด
เจมส์ จึงเป็นคนที่สาวๆ ต้องเห็นใจ และควรได้รับความช่วยเหลือในหลายด้าน
ครับ... ที่ว่ามานี้ ก็หวังว่าจะมีสาวไทยสนใจกันบ้าง คนพวกนี้อาจมีรสนิยมชอบผู้หญิงตะวันออกที่นิสัยดี เอาใจเก่ง เอ็กซอติกก็ได้ ใครจะรู้ล่ะ