xs
xsm
sm
md
lg

ตอน“คนหน้าเงิน”

เผยแพร่:   โดย: เชี่ยวชวนะ

.
ห้วงนี้ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 กลายเป็นบุคคลที่คนไทยตั้งคำถามว่า

“เป็นคนไทยหรือเปล่า?”

แน่นอน...คำตอบคงต้องย้อนกลับไปหาอดีตของทักษิณ จากอดีตที่แม้แต่เช็คไม่กี่พันบาทยังเด้ง กลับกลายเป็นอภิมหาเศรษฐีในเวลาไม่กี่ปี ซึ่งรู้ๆกันอยู่ว่า ไม่มีทางเลย ที่ทักษิณจะได้สัมปทานธุรกิจผูกขาดโทรคมนาคมอย่างบริสุทธิ์สะอาดดั่งผ้าขาว

มิหนำซ้ำหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงในวงการโทรคมนาคมของรัฐ ที่มีส่วนทำให้ทักษิณได้สัมปทานผูกขาด ยังได้ออกจากราชการมาเป็นผู้บริหารระดับสูง กินเงินเดือนและหุ้นจากบริษัทของทักษิณอีกมากมายหลายคน เรียกว่าตอบแทนกันอย่างชนิดเต็มคราบเลยล่ะครับ

เมื่อก้าวเข้าสู่ถนนการเมือง ทักษิณยิ่งไม่คำนึงถึงคุณธรรมจริยธรรมใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยการยึดหลักสุภาษิตจีนที่ว่า “เงิน..จ้างผีโม่แป้งได้”

ทักษิณเริ่มด้วยการใช้เงินสร้างภาพลักษณ์ “รวยแล้วไม่โกง” ตบตาประชาชน ตั้งตนเป็น “นักบุญ” และใช้นโยบายประชานิยมสารพัด เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงสถานเดียว โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบในด้านร้าย ที่จะมีต่อประชาชนและประเทศชาติ

ใช้กลไกอำนาจรัฐ บีบให้ข้าราชการทหาร-ตำรวจ-มหาดไทยและอื่นๆ ร่วมกระทำในหลายประการที่ไม่สมควร เพื่อทำให้พรรคไทยรักไทยของตน ชนะเลือกตั้งไปอย่างท่วมท้นเป็นประวัติการณ์

หลังการเลือกตั้ง ทักษิณยังบีบบังคับให้พรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งพรรคความหวังใหม่ ชาติพัฒนา มาสวามิภักดิ์ต่อพรรคตน ไล่ล่า ส.ส.ที่ไม่ยอมทำตามอำเภอใจตน โดยเฉพาะ ส.ส.ในกลุ่มของนายเสนาะ เทียนทอง ให้มาอยู่ในสังกัดก๊วนการเมืองตนเอง

จากนั้นทักษิณก็เดินหน้าซื้อ ส.ว.กลุ่มใหญ่ไว้ในกำมือ ตามด้วยการซื้อคนและส่งพรรคพวกเข้ายึดองค์กรอิสระต่างๆ โดยไม่ใส่ใจต่อความชอบธรรมใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อทักษิณก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ร่วมกับภริยา ญาติพี่น้องและพรรคพวกเพียงหยิบมือ ทำมาหากินกับงบประมาณรัฐและโครงการเมกะโปรเจกต์สารพัด ในอดีตเป็นที่รู้กันว่า นักการเมืองบ้านเราบางคน จะกินตามน้ำ ด้วยการเรียกเงินสูงสุดก็ไม่เกิน10เปอร์เซ็นต์

แต่ช่วงทักษิณครองอำนาจรัฐชนิดเบ็ดเสร็จ เล่าขานกันอย่างอื้อฉาวว่า ค่า “เก๋าเจี๊ยะ” ราคาสูงถึงขนาด30 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างต่ำ กระทั่งบางแห่งบางโครงการเรียกหรือบวกเงินพิเศษกันกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ก็ยังมี

ต้องถือว่ายุคทักษิณครองเมือง เพียงเพื่อผลประโยชน์เป็นสรณะ คณะรัฐมนตรีได้คลอดมติมากมายที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง อีกทั้งกฎหมายใดไม่ตรงหรือขวางขัดผลประโยชน์ตนและพรรคพวก รัฐสภาภายใต้การบงการของทักษิณ ก็จะยกมือลงมติแก้ไขหรือเขียนขึ้นใหม่โดยไม่รอช้า

ยิ่งมีอำนาจมาก ทักษิณยิ่งเหิมเกริมถึงขนาดเอาเงินภาษีของประชาชนหลายพันล้านบาท ไปให้รัฐบาลทหารพม่ากู้โดยไม่มีดอกเบี้ย เพียงเพื่อให้เงินกู้นั้นหวนกลับมาซื้อสินค้าบริษัทของตนเอง จนเงินกู้เจ้าปัญหาของทักษิณกลายเป็นชนวน ทำให้เกิดรัฐประหารในประเทศพม่า จนบัดนี้เงินกู้หลายพันล้านบาททำท่าจะสูญเปล่า เพราะยังไม่มีทีท่าว่ารัฐบาลพม่าจะจ่ายคืนประเทศไทย?

หากินกับการคอร์รัปชันสารพัดมากมายมหาศาลแล้ว ยังไม่หนำใจ

ทักษิณยังบังอาจชักศึกเข้าบ้าน ขายอธิปไตยและขายชาติอย่างหน้าตาเฉย ด้วยการให้ประเทศสิงคโปร์มาเช่าฐานทัพในผืนดินไทย เพื่อฝึกทั้งการรบของทหารและการรบของฝูงบิน ทั้งยังขายดาวเทียม โทรศัพท์ โทรทัศน์ สายการบิน ฯลฯ ให้กับประเทศสิงคโปร์ ในราคา 75,000 ล้านบาทเศษ โดยไม่ยอมเสียภาษีเข้ารัฐแม้แต่สตางค์แดงเดียว อีกทั้งไม่แยแสแม้แต่น้อยว่า ธุรกิจที่ขายนั้นเกี่ยวพันกับความมั่นคงของชาติ อันเป็นผลประโยชน์ของชาติและประชาชนไทยโดยตรง

โดยหลักแล้ว ใครที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ล้วนต้องคำนึงหรือคิดถึงผลประโยชน์ประเทศชาติเหนือสิ่งอื่นใด แต่นายกรัฐมนตรีที่ชื่อทักษิณกลับกระทำตรงกันข้าม ไม่สนใจและไม่ใส่ใจต่อความมั่นคงของชาติแม้แต่น้อยเลย

นี่ยังไม่รวมพฤติกรรมที่ไม่บังควรของทักษิณอีกนับครั้งไม่ถ้วน ต่อการจาบจ้วงสถาบันอันเป็นที่รักของคนทั้งชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยทั้งชาติไม่อาจยินยอมอีกต่อไป ภายใต้การนำของนายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ที่ลุกขึ้นต่อสู้กับทักษิณและพลพรรค จึงมีผู้เข้าร่วมทั่วประเทศอย่างล้นหลามเป็นประวัติการณ์

การต่อสู้กับทักษิณของแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ดำเนินอย่างกล้าหาญต่อเนื่องนับปี เป็นเงื่อนไขเอื้อให้คณะทหารภายใต้การนำของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก นำทหารทุกเหล่าทัพทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 นับเป็นการ ปิดฉากคนชื่อทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของไทยแลนด์แดนสยามโดยปริยาย

แต่เรื่องหาได้จบลงเพียงแค่นั้น ด้วยรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และคณะรัฐประหาร คมช. มิได้กระทำภารกิจอันพึงกระทำอย่างเข้มแข็งจริงจัง แถมยังบริหารประเทศอ่อนแอจนได้รับสมญานามว่า “หน่อมแน้ม”

ชายชื่อทักษิณอภิมหาเศรษฐีผู้ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ จึงใช้วิชา “เงิน-ใช้ผีโม่แป้งได้” สร้างม็อบถ่อยหรือ “ม็อบไข่แม้ว” ขึ้นมาก่อกวนรัฐบาลและ คมช. รวมทั้งป่วนบ้านป่วนเมืองอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญทักษิณยังจ้างบริษัทล็อบบี้ต่างชาติ ดำเนินการทำร้ายทำลายประเทศไทยสารพัดเรื่องในทางสากล

พฤติกรรมชั่วร้ายทั้งหมดที่ทักษิณทำ ทั้งที่เห็นและไม่เห็นอีกมากมาย ทำให้เกิดคำถามของผู้คนว่า “ทักษิณ-เป็นคนไทยหรือเปล่า?”

ผมถือว่า..คนไทยจะต้องรักเทิดทูนสถาบันชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์สำคัญอันเป็นที่รักของเรา

ผมถือว่า..คนไทยต้องไม่ละเมิดหรือใช้ช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญหาประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง

ผมถือว่า..คนไทยต้องไม่ขายชาติ ไม่ค้าขายความมั่นคงของชาติแลกกับเงินตรา

ผมถือว่า..คนไทยต้องไม่คอร์รัปชันโกงกินบ้านเมือง

ใครจะถือว่าทักษิณเป็นคนไทยก็เชิญ แน่นอน..ทักษิณสำหรับผม ณ วันนี้-วินาทีนี้ มิใช่คนไทยแล้วครับ

ทักษิณมิใช่คนไทย..แล้วเป็นคนอะไรล่ะ?

ผมขอเรียกคนหน้าเหลี่ยมแบบทักษิณว่า “คนหน้าเงิน” เพราะคนคนนี้ถือเงินเป็นพระเจ้า ถือเงินเป็นสรณะเหนือชาติและประชาชนคนไทยครับ!
กำลังโหลดความคิดเห็น