กมธ.วิสามัญแก้ไขประกาศ คปค. ฉบับ 15 เห็นพ้อง ห้ามพรรคการเมืองที่ยุบตามคำสั่งตุลาการรัฐธรรมนูญ ใช้ชื่อเดิมจดตั้งพรรคใหม่ แต่ยังเห็นต่าง อาจกำหนดเวลามัดตราสังข์ พรรคที่ถูกยุบ "ประพันธ์" มั่นใจพิจารณเสร็จในเดือนหน้า ทันให้พรรคการเมืองใหม่จดลงเลือกตั้งได้
นายประพันธ์ คูณมี กรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. แก้ไข เพิ่มเติม ประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงข่าวภายหลังจากการประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญเป็นครั้งแรก โดยนายประพันธ์ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งให้ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน พล.อ.วรเดช ภูมิจิตร เป็นรองประธาน นายคำนูน สิทธิสมาน เป็นเลขานุการ และตน เป็นโฆษก นอกจากนี้ได้มีการวางกรอบแนวทางการทำงานว่า จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ให้แล้วเสร็จภายในเดือนก.ค. เพื่อให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และจดทะเบียนตั้งพรรคใหม่ได้ทันการเลือกตั้งที่จะมาถึงในปลายปีนี้ โดยการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จะยึดคำวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เป็นบรรทัดฐาน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการหารือเบื้องต้นในเรื่องของการจดตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยใช้ชื่อเดิมของพรรคที่ถูกยุบ โดยนายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มาให้ความเห็นในที่ประชุมว่า ในกรณีของการจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองของพรรคที่ถูกยุบ โดยทำผิดในกรณีที่ร้ายแรงต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตย ทางกกต. ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้ชื่อเดิมจดตั้งเป็นพรรคการเมืองใหม่ได้หรือไม่ แม้ว่าจะมีกฎหมายที่จะให้พรรคการเมืองที่อยู่ระหว่างการชำระบัญชี ยังคงความเป็นนิติบุคคลของพรรคการเมือง จนกว่าที่จะมีการชำระบัญชีเสร็จก็ตาม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีความเห็นร่วมกันในเบื้องต้นว่า พรรคการเมืองที่ถูกยุบด้วยความผิดตา มาตรา 66 (1),(2),(3) ของพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ควรจะใช้ชื่อเดิมกลับมาจดทะเบียนได้อีก เพราะทำให้บทบัญญัติของกฎหมายไม่สามารถเป็นมาตรการควบคุมพฤติกรรมพรรคการเมือง หรือ นักการเมือง ไม่ให้ไปก่อความเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตยได้
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญยังได้อยู่ในระหว่างการพิจารณา ในกรณีของการห้ามพรรคการเมืองที่ถูกคณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจยุบพรรค ใช้ชื่อเดิมในการจดตั้งพรรคการเมืองนั้น ได้มีสมาชิกเสนอคำแปรญัตติให้กำหนดกรอบระยะเวลา เช่น กำหนดให้แค่ 5 ปี เท่ากับจำนวนที่คณะกรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง และจะพิจารณาควบคู่ไปกับการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้สมาชิก สนช. ได้เตรียมที่จะเสนอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าวแล้ว
"ในกรณีที่ห้ามพรรคการเมืองที่ถูกยุบ ใช้ชื่อเดิมจดทะเบียนพรรคไม่ได้ ไม่ได้ตั้งใจจำกัด หรือกีดกัน แต่ก็ว่าไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย เมื่อศาลมีการลงโทษ เพื่อป้องกันที่จำก่อความเสียหายซ้ำในกรณีทางการเมือง เราก็เห็นว่าในหลักของกฎหมาย ควรจะมีมาตรการรองรับในแนวทาง เพือให้กฎหมายมีความศักสิทธิ์ และนักการเมืองที่ไปก่อความเสียหายได้มีความสำนึกในสิ่งที่ได้กระทำลงไปด้วย" นายประพันธ์ กล่าว
ขณะที่นายคำนูณ สิทธิสมาน กล่าวว่า ในประเด็นการจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองได้มีการหารือ กันว่า หากจะมีการแก้ไขไปในกฎหมายฉบับนี้ ก็จะเกิดการที่หลายฝ่ายท้วงติงว่า อาจจะผิดหลักการ แต่แท้จริงแล้วสามารถทำได้ คืองดการบังคับใช้ข้อบังคับของการประชุมของ สนช. แต่กรรมาธิการวิสามัญฯ จะไม่ทำวิธินี้ เพราะเห็นว่า ควรใช้ช่องทางของการแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตราใดมาตราหนึ่ง โดยเฉพาะประเด็นที่พรรคการเมืองที่ถูกยุบด้วยมาตรา 66 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งจะสามารถใช้ชื่อเดิมได้ เมื่อผ่านไปในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งจะให้ทางสนช. เป็นผู้เสนอให้แก้ไข พ.ร.บ. ดังกล่าว และรัฐบาลไม่จำเป็นต้องนำเสนอกฎหมายอื่นมาประกบ เพื่อความรวดเร็ว
นายประพันธ์ คูณมี กรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. แก้ไข เพิ่มเติม ประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงข่าวภายหลังจากการประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญเป็นครั้งแรก โดยนายประพันธ์ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งให้ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน พล.อ.วรเดช ภูมิจิตร เป็นรองประธาน นายคำนูน สิทธิสมาน เป็นเลขานุการ และตน เป็นโฆษก นอกจากนี้ได้มีการวางกรอบแนวทางการทำงานว่า จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ให้แล้วเสร็จภายในเดือนก.ค. เพื่อให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และจดทะเบียนตั้งพรรคใหม่ได้ทันการเลือกตั้งที่จะมาถึงในปลายปีนี้ โดยการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จะยึดคำวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เป็นบรรทัดฐาน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการหารือเบื้องต้นในเรื่องของการจดตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยใช้ชื่อเดิมของพรรคที่ถูกยุบ โดยนายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มาให้ความเห็นในที่ประชุมว่า ในกรณีของการจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองของพรรคที่ถูกยุบ โดยทำผิดในกรณีที่ร้ายแรงต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตย ทางกกต. ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้ชื่อเดิมจดตั้งเป็นพรรคการเมืองใหม่ได้หรือไม่ แม้ว่าจะมีกฎหมายที่จะให้พรรคการเมืองที่อยู่ระหว่างการชำระบัญชี ยังคงความเป็นนิติบุคคลของพรรคการเมือง จนกว่าที่จะมีการชำระบัญชีเสร็จก็ตาม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีความเห็นร่วมกันในเบื้องต้นว่า พรรคการเมืองที่ถูกยุบด้วยความผิดตา มาตรา 66 (1),(2),(3) ของพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ควรจะใช้ชื่อเดิมกลับมาจดทะเบียนได้อีก เพราะทำให้บทบัญญัติของกฎหมายไม่สามารถเป็นมาตรการควบคุมพฤติกรรมพรรคการเมือง หรือ นักการเมือง ไม่ให้ไปก่อความเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตยได้
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญยังได้อยู่ในระหว่างการพิจารณา ในกรณีของการห้ามพรรคการเมืองที่ถูกคณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจยุบพรรค ใช้ชื่อเดิมในการจดตั้งพรรคการเมืองนั้น ได้มีสมาชิกเสนอคำแปรญัตติให้กำหนดกรอบระยะเวลา เช่น กำหนดให้แค่ 5 ปี เท่ากับจำนวนที่คณะกรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง และจะพิจารณาควบคู่ไปกับการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้สมาชิก สนช. ได้เตรียมที่จะเสนอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าวแล้ว
"ในกรณีที่ห้ามพรรคการเมืองที่ถูกยุบ ใช้ชื่อเดิมจดทะเบียนพรรคไม่ได้ ไม่ได้ตั้งใจจำกัด หรือกีดกัน แต่ก็ว่าไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย เมื่อศาลมีการลงโทษ เพื่อป้องกันที่จำก่อความเสียหายซ้ำในกรณีทางการเมือง เราก็เห็นว่าในหลักของกฎหมาย ควรจะมีมาตรการรองรับในแนวทาง เพือให้กฎหมายมีความศักสิทธิ์ และนักการเมืองที่ไปก่อความเสียหายได้มีความสำนึกในสิ่งที่ได้กระทำลงไปด้วย" นายประพันธ์ กล่าว
ขณะที่นายคำนูณ สิทธิสมาน กล่าวว่า ในประเด็นการจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองได้มีการหารือ กันว่า หากจะมีการแก้ไขไปในกฎหมายฉบับนี้ ก็จะเกิดการที่หลายฝ่ายท้วงติงว่า อาจจะผิดหลักการ แต่แท้จริงแล้วสามารถทำได้ คืองดการบังคับใช้ข้อบังคับของการประชุมของ สนช. แต่กรรมาธิการวิสามัญฯ จะไม่ทำวิธินี้ เพราะเห็นว่า ควรใช้ช่องทางของการแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตราใดมาตราหนึ่ง โดยเฉพาะประเด็นที่พรรคการเมืองที่ถูกยุบด้วยมาตรา 66 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งจะสามารถใช้ชื่อเดิมได้ เมื่อผ่านไปในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งจะให้ทางสนช. เป็นผู้เสนอให้แก้ไข พ.ร.บ. ดังกล่าว และรัฐบาลไม่จำเป็นต้องนำเสนอกฎหมายอื่นมาประกบ เพื่อความรวดเร็ว