“วีระ” ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ “เสรีพิศุทธิ์” ให้ดำเนินคดีอาญากับ 1 ขรก.สำนักงานศาลยุติธรรม และ1 ตำรวจยศ “พ.ต.อ.” นิติศาสตร์ 09เพื่อนร่วมรุน “ปัญญา ถนอมรอด-ม.ล.ไกรฤกษ์เกษมสันต์-สมชาย วงศ์สวัสดิ์” เป็นนายหน้าม้าใช้ ติดสินบนตุลาการในคดียุบพรรค ส่วน ขรก.ใน สนง.ศาล เป็นคนใกล้ชิดน้องเขย “ทักษิณ” ยันมีพยานหลักฐานและบุคคลโดยเฉพาะพยานพร้อมให้ข้อมูล ระบุหากปล่อยไว้จะวิ่งเต้นล้มคดี“ที่ดินรัชดา” ด้านกลุ่ม ทรท.ปัดพัลวัลไม่เกี่ยวสินบน อ้างหากมีจริงคงไม่ถูกยุบพรรค ชี้เหตุปูดสินบนคดียุบพรรคหวังโค่นประธานศาลฎีกา
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วานนี้ (22 มิ.ย.) นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ได้เดินทางร้องทุกข์กล่าโทษ โดยยื่นมีหลักฐานเป็นสำเนาหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวการติดสินบนตุลาการรัฐธรรมนูญ 6 แผ่น เอกสารเสนอประธานศาลฎีกา จำนวน 2 แผ่น ภาพถ่ายทำเนียบศิษย์เก่า นิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ พ.ศ.2509 ซึ่งจัดทำในปี 2546 จำนวน 3 แผ่น ถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผบ.ตร.เพื่อให้ดำเนินกับผู้กระทำผิด ให้สินบนตุลาการรัฐธรรมนูญในคดีติดสินยุบพรรคโดยมี พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ เลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รับเรื่อง
นายวีระ กล่าวว่า เดินทางมาเพื่อให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ดำเนินคดีอาญากับผู้ที่ไปกระทำความผิดวิ่งเต้นติดสินบนตุลาการรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคที่ผ่านมา ซึ่งมีด้วยกัน 2 คน คนแรกเป็นนายตำรวจในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยศ พ.ต.อ. อดีตนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 09 อีกคน เป็นข้าราชการในสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ แต่ที่ยื่นต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นั้นจะระบุรายชื่อของบุคคลทั้งสองไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งรายชื่อตุลาการรัฐธรรมนูญ 2 คน ที่ถูกเสนอสินบน
“ข้อมูลทั้งหมดผมเองมีหลักฐานทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสาร มีผู้ใหญ่หลายคนรู้เรื่องนี้ ถ้ามีขั้นตอนตรวจสอบอย่างจริงจังบุคคลที่เกี่ยวข้อง พร้อมที่จะให้ข้อมูล ซึ่งพยานบุคคลในจำนวนนี้เป็นอดีตประศาลฎีกาสองคน ซึ่งผมเองได้ยินจากปากท่านเองและท่านพร้อมที่จะเป็นพยาน แต่ตอนนี้ ท่านไม่อยากให้เปิดเผยรายชื่อผ่านทางสื่อมวลชน ตัวผมเองพร้อมที่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงแต่ผู้ใหญ่ไม่พร้อมกลัวว่าถ้าเปิดเผยไปจะไปกดดันคนที่จะมาเป็นพยาน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาเปิดเผยและโฆษกศาลระบุว่าหลักฐานที่นายจรัญ ส่งเข้าไป ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ นายวีระ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความเห็นแต่โฆษกศาลไม่มีอำนาจตรวจสอบ
ส่วนเหตุที่นายจรัญ ออกมาเปิดเผยเนื่องจากต้องการกลับเข้าไปรับราชการศาลอีกครั้งนั้น นายวีระ กล่าวว่าเป็นความเห็นแต่เราไม่ได้สนใจในประเด็นนั้น เรื่องนี้เป็นการกล่าวหา แต่ถ้ามีการทุจริตจริงติดสินบนกันจริง โดยเฉพาะช่วงนี้ มีคดีสำคัญ อาทิ ทุจริตที่ดินย่านรัชดา ที่เข้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง และกำลังพิจารณาเลือกตุลาการ 9 คนที่จะตัดสินคดี เราต้องการให้กระบวนการวิ่งเต้นต่างๆ ต้องหยุด
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เหตุใดเพิ่งเข้าแจ้งความช่วงนี้เพราะมีการตัดสินคดีไปนานแล้ว นายวีระ กล่าวว่า เอกสารต่างๆ เพิ่งเปิดเผยในช่วงนี้ ซึ่งเราได้ติดตามกระบวนการนี้มาตลอด โดยเฉพาะ ในสำนักงานศาลยุติธรรม มีคนใกล้ชิดน้องเขย ของอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นสามีของคนจัดทำหนังสือรุ่น นิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ รุ่น 09 ซึ่งเป็นคนที่มีปัญหาโดยตลอด ไม่เคยหยุด ถ้าเปิดอักษรย่อ รู้หมด ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่าได้เงินมาเท่าไหร่ในการวิ่งเต้น
เมื่อถามถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังถูกจับตาในเรื่องนี้ นายวีระ กล่าวว่า คงนอนไม่หลับ เพราะว่าถ้ากระบวนการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาใครบ้างที่วิ่งเต้นสายสัมพันธ์ถึงใครบ้าง
ส่วนนายสมชายเป็นหลักในการวิ่งเต้นครั้งนี้ใช่หรือไม่นั้น นายวีระ กล่าวว่า ต้องรอการตรวจสอบ ส่วนตำรวจยศ พ.ต.อ.นั้น สังกัดใน สตช. ซึ่งในนิติศาสตร์รุ่น 09 มีตำรวจยศ พ.ต.อ. 42 คน นายตำรวจยศ พ.ต.อ.คนนี้มีสายสัมพันธ์เป็นเพื่อนกับ ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ตุลาการรัฐธรรมนูญ นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฏีกา และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่เรียนรุ่นนี้เช่นกัน และเป็นที่ทราบกันดีว่านายปัญญา สนิทกับนายวิชัย ทองแตง ซึ่งเป็นนักธุรกิจและทนายความให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีซุกหุ้น
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง แกนนำกลุ่มไทยรักไทย กล่าวว่ากลุ่มไทยรักไทย สนับสนุนการตรวจสอบและยินดีให้ความร่วมมือ แต่ยืนยันว่ากลุ่มไม่เคยใช้วิธีล็อบบี้ติดสินบชน ซึ่งเรื่องนี้ประธานศาลฎีกากำลังตั้งกรรมการสอบอยู่ แต่เชื่อว่าอาจไม่มีอะไรตามที่กล่าวหา เป็นเพียงความพยายามเพื่อสร้างภาพให้เสียหาย ซึ่งหากมีการล็อบบี้จริงผลการวินิจฉัยคดียุบพรรคคงไม่ออกมาเช่นนี้
“เชื่อว่าหลังจากนี้อาจมีเด็กเลี้ยงเกาะอยู่ในกระบวนการนี้ และกลุ่มไทยรักไทย คิดว่าคงไม่มีใครหวังดีทำให้กลุ่ม เพราะกลุ่มเราอยู่ท่ามกลางการตรวจสอบ ในช่วงวินิจฉัยคดียุบพรรค แต่ข่าวที่ได้ยินคือ ประธาน คมช.ไปพบประธานศาลปกครอง มันเป็นการล็อบบี้ที่โจ่งแจ้ง แต่กลับไปสนใจบัตรสนเท่ห์ที่อ้างว่ากลุ่มไทยรักไทยไปล็อบบี้ตุลาการ ซึ่งหากทำก็โง่เต็มที่ เพราะถ้าเราทำสิ่งไม่ถูกต้องก็แย่เพราะมีแผนทำลายกลุ่มทุกรูปแบบอยู่แล้ว”
นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำกลุ่มไทยรักไทย กล่าวเสริมว่า ทราบมาว่า เรื่องนี้เป็นช่วงแตกแยกในวงการตุลาการที่มีปัญหาขัดแย้งภายใน เพราะอำนาจ3ฝ่าย วิ่งผิดเลน ฝ่ายตุลาการแทนที่จะทำหน้าที่ตุลาการตามระบบ กลับไปขับในเลนฝ่ายบริหาร มันทำให้ประชาธิปไตยผิดเลน เรื่องนี้ก็มีการเรียกตัวข้าราชการกลับต้นสังกัด และในวงการตุลาการมีข้อสงสัยว่าคนที่ขับผิดเลนนั้นเป็นผู้พิพากษาหรือไม่ และยังทราบว่า เรื่องนี้มันน่าจะเป็นการโค่นล้มประธานศาลฎีกาคนปัจจุบันที่ไม่ใช่พรรคพวกของตัวเอง หากลืมความเป็นตุลาการประเทศก็ล่มจม และน่ากลัว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วานนี้ (22 มิ.ย.) นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ได้เดินทางร้องทุกข์กล่าโทษ โดยยื่นมีหลักฐานเป็นสำเนาหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวการติดสินบนตุลาการรัฐธรรมนูญ 6 แผ่น เอกสารเสนอประธานศาลฎีกา จำนวน 2 แผ่น ภาพถ่ายทำเนียบศิษย์เก่า นิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ พ.ศ.2509 ซึ่งจัดทำในปี 2546 จำนวน 3 แผ่น ถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผบ.ตร.เพื่อให้ดำเนินกับผู้กระทำผิด ให้สินบนตุลาการรัฐธรรมนูญในคดีติดสินยุบพรรคโดยมี พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ เลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รับเรื่อง
นายวีระ กล่าวว่า เดินทางมาเพื่อให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ดำเนินคดีอาญากับผู้ที่ไปกระทำความผิดวิ่งเต้นติดสินบนตุลาการรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคที่ผ่านมา ซึ่งมีด้วยกัน 2 คน คนแรกเป็นนายตำรวจในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยศ พ.ต.อ. อดีตนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 09 อีกคน เป็นข้าราชการในสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ แต่ที่ยื่นต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นั้นจะระบุรายชื่อของบุคคลทั้งสองไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งรายชื่อตุลาการรัฐธรรมนูญ 2 คน ที่ถูกเสนอสินบน
“ข้อมูลทั้งหมดผมเองมีหลักฐานทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสาร มีผู้ใหญ่หลายคนรู้เรื่องนี้ ถ้ามีขั้นตอนตรวจสอบอย่างจริงจังบุคคลที่เกี่ยวข้อง พร้อมที่จะให้ข้อมูล ซึ่งพยานบุคคลในจำนวนนี้เป็นอดีตประศาลฎีกาสองคน ซึ่งผมเองได้ยินจากปากท่านเองและท่านพร้อมที่จะเป็นพยาน แต่ตอนนี้ ท่านไม่อยากให้เปิดเผยรายชื่อผ่านทางสื่อมวลชน ตัวผมเองพร้อมที่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงแต่ผู้ใหญ่ไม่พร้อมกลัวว่าถ้าเปิดเผยไปจะไปกดดันคนที่จะมาเป็นพยาน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาเปิดเผยและโฆษกศาลระบุว่าหลักฐานที่นายจรัญ ส่งเข้าไป ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ นายวีระ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความเห็นแต่โฆษกศาลไม่มีอำนาจตรวจสอบ
ส่วนเหตุที่นายจรัญ ออกมาเปิดเผยเนื่องจากต้องการกลับเข้าไปรับราชการศาลอีกครั้งนั้น นายวีระ กล่าวว่าเป็นความเห็นแต่เราไม่ได้สนใจในประเด็นนั้น เรื่องนี้เป็นการกล่าวหา แต่ถ้ามีการทุจริตจริงติดสินบนกันจริง โดยเฉพาะช่วงนี้ มีคดีสำคัญ อาทิ ทุจริตที่ดินย่านรัชดา ที่เข้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง และกำลังพิจารณาเลือกตุลาการ 9 คนที่จะตัดสินคดี เราต้องการให้กระบวนการวิ่งเต้นต่างๆ ต้องหยุด
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เหตุใดเพิ่งเข้าแจ้งความช่วงนี้เพราะมีการตัดสินคดีไปนานแล้ว นายวีระ กล่าวว่า เอกสารต่างๆ เพิ่งเปิดเผยในช่วงนี้ ซึ่งเราได้ติดตามกระบวนการนี้มาตลอด โดยเฉพาะ ในสำนักงานศาลยุติธรรม มีคนใกล้ชิดน้องเขย ของอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นสามีของคนจัดทำหนังสือรุ่น นิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ รุ่น 09 ซึ่งเป็นคนที่มีปัญหาโดยตลอด ไม่เคยหยุด ถ้าเปิดอักษรย่อ รู้หมด ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่าได้เงินมาเท่าไหร่ในการวิ่งเต้น
เมื่อถามถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังถูกจับตาในเรื่องนี้ นายวีระ กล่าวว่า คงนอนไม่หลับ เพราะว่าถ้ากระบวนการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาใครบ้างที่วิ่งเต้นสายสัมพันธ์ถึงใครบ้าง
ส่วนนายสมชายเป็นหลักในการวิ่งเต้นครั้งนี้ใช่หรือไม่นั้น นายวีระ กล่าวว่า ต้องรอการตรวจสอบ ส่วนตำรวจยศ พ.ต.อ.นั้น สังกัดใน สตช. ซึ่งในนิติศาสตร์รุ่น 09 มีตำรวจยศ พ.ต.อ. 42 คน นายตำรวจยศ พ.ต.อ.คนนี้มีสายสัมพันธ์เป็นเพื่อนกับ ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ตุลาการรัฐธรรมนูญ นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฏีกา และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่เรียนรุ่นนี้เช่นกัน และเป็นที่ทราบกันดีว่านายปัญญา สนิทกับนายวิชัย ทองแตง ซึ่งเป็นนักธุรกิจและทนายความให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีซุกหุ้น
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง แกนนำกลุ่มไทยรักไทย กล่าวว่ากลุ่มไทยรักไทย สนับสนุนการตรวจสอบและยินดีให้ความร่วมมือ แต่ยืนยันว่ากลุ่มไม่เคยใช้วิธีล็อบบี้ติดสินบชน ซึ่งเรื่องนี้ประธานศาลฎีกากำลังตั้งกรรมการสอบอยู่ แต่เชื่อว่าอาจไม่มีอะไรตามที่กล่าวหา เป็นเพียงความพยายามเพื่อสร้างภาพให้เสียหาย ซึ่งหากมีการล็อบบี้จริงผลการวินิจฉัยคดียุบพรรคคงไม่ออกมาเช่นนี้
“เชื่อว่าหลังจากนี้อาจมีเด็กเลี้ยงเกาะอยู่ในกระบวนการนี้ และกลุ่มไทยรักไทย คิดว่าคงไม่มีใครหวังดีทำให้กลุ่ม เพราะกลุ่มเราอยู่ท่ามกลางการตรวจสอบ ในช่วงวินิจฉัยคดียุบพรรค แต่ข่าวที่ได้ยินคือ ประธาน คมช.ไปพบประธานศาลปกครอง มันเป็นการล็อบบี้ที่โจ่งแจ้ง แต่กลับไปสนใจบัตรสนเท่ห์ที่อ้างว่ากลุ่มไทยรักไทยไปล็อบบี้ตุลาการ ซึ่งหากทำก็โง่เต็มที่ เพราะถ้าเราทำสิ่งไม่ถูกต้องก็แย่เพราะมีแผนทำลายกลุ่มทุกรูปแบบอยู่แล้ว”
นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำกลุ่มไทยรักไทย กล่าวเสริมว่า ทราบมาว่า เรื่องนี้เป็นช่วงแตกแยกในวงการตุลาการที่มีปัญหาขัดแย้งภายใน เพราะอำนาจ3ฝ่าย วิ่งผิดเลน ฝ่ายตุลาการแทนที่จะทำหน้าที่ตุลาการตามระบบ กลับไปขับในเลนฝ่ายบริหาร มันทำให้ประชาธิปไตยผิดเลน เรื่องนี้ก็มีการเรียกตัวข้าราชการกลับต้นสังกัด และในวงการตุลาการมีข้อสงสัยว่าคนที่ขับผิดเลนนั้นเป็นผู้พิพากษาหรือไม่ และยังทราบว่า เรื่องนี้มันน่าจะเป็นการโค่นล้มประธานศาลฎีกาคนปัจจุบันที่ไม่ใช่พรรคพวกของตัวเอง หากลืมความเป็นตุลาการประเทศก็ล่มจม และน่ากลัว