.
คนไทยโบราณมีความคิดความอ่านติดตัวกันอยู่ทุกคน อย่างน้อยก็เกี่ยวกับเรื่องของโชคลางที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เราอาจจะกำหนดแน่นอนไม่ได้ว่าความเชื่อเหล่านั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือมันได้รับการยึดถือกันมาตั้งแต่รู้ว่าตัวเองเป็นคนไทยก็น่าจะเป็นได้
ความเชื่อที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่ว่านั้นก็คือในการสร้างบ้านสร้างเมืองของคนไทยในสมัยโบราณท่านถือเรื่องของดวงชะตาเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าอะไรจะเกิดขึ้น นอกจากดวงชะตาเมืองที่ผูกขึ้นตามการคำนวณการโคจรของดวงดาวที่ลงหลักปักเสาเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองแล้ว สิ่งหนึ่งที่โบราณบอกไว้ก็คือประเทศชาติและดวงนั้นไม่ว่าจะเจริญรุ่งเรืองหรือยากจนเพียงไรก็ตาม ยุคกาลครั้งหนึ่งทุกประเทศชาติจะมีบางอย่างเกิดขึ้นมาทำลายหรือให้โทษแก่ดวงชะตาเมืองเสมอ ไม่ปีใดก็ปีหนึ่งหรือยุคใดก็ยุคหนึ่ง สิ่งที่เกิดนั้นท่านเรียกว่า “อภิไธยโพธิบาท” หรือเสนียดจัญไรต่างๆ ที่ประเทศนั้นจะประสบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะบ้านเมืองหรือประเทศเหล่านั้นเป็นที่อยู่ของคน
ในทุกประเทศจะมีคนดีคนชั่วคนเลว และคนที่เป็นเสนียดจัญไรที่บ้านเมืองมีเคราะห์มีกรรมเหมือนกันทุกประเทศ
อย่างเมืองไทยในระยะไม่กี่ปีมานี้จะมีอุบาทว์เกิดขึ้นและทำลายบ้านเมืองจนป่นปี้มาแล้ว เสนียดจัญไรที่ทำให้บ้านเมืองประสบความล้มเหลวในการสร้างความสุขความเจริญมาแล้วนานปีก็ได้พบว่าตัวเสนียดจัญไรต่างๆ แย่งกันมาผุดมาเกิดแล้วมาสำแดงอภินิหารกันแน่นที่สนามหลวง และตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศด้วยเงินจำนวนมหาศาลที่มันปล้นมันโกงเอาไปจากประเทศชาติประชาชน และเพื่อความวิบัติฉิบหายอย่างถอนรากถอนโคนของทุกคนต่อไปในอนาคตที่จะได้ดูกันหลังจากที่ราหู 8 โคจรจากราศีกุมภ์และเข้ากุมดาวเนปจูนในราศีมังกร ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายที่การกวาดล้างการทำลายบรรดาเดียรัจฉานทั้งตัวเสนียดจัญไรของชาติของแผ่นดินจะสิ้นสุดลงหลัง 2 ปีครึ่งข้างหน้า
นี่เป็นหลักเกณฑ์ทางโหราศาสตร์ที่เชื่อถือได้ว่าไม่ผิดเพราะมันเกิดมันเป็นมาแล้วทุกยุคทุกสมัยตามรอบของดวงดาวและอาถรรพ์ต่างๆ ของจักรวาลซึ่งคนรุ่นเก่าได้ศึกษาติดต่อกันมา
บรรดาตัวเสนียดจัญไรและเดียรัจฉานทุกตัวสำแดงอภินิหารอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะใช้ชื่อองค์กรไหนก็ตาม จะต้องคอยรอรับกรรมจากการทำตัวเป็นเสนียดจัญไรที่ว่านี้ได้บางคนก็เร็วบางคนก็ช้า แต่จะไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เพราะจะต้องชดใช้
ไม่ผิดหวังแน่!
อุบาทว์ที่กล่าวมานี้เรียกว่าอุบาทว์พระอินทร์
อุบาทว์แต่ละอย่างจะมีสาเหตุและอาเพศต่างกันซึ่งเริ่มตั้งแต่อุบาทว์ (1) อุบาทว์พระอินทร์ (2) อุบาทว์พระเพลิง (3) อุบาทว์พระยม (4) อุบาทว์พระนารายณ์ (5) อุบาทว์พระวรุณ(6) อุบาทว์พระพาย (7) อุบาทว์พระโสม (8) อุบาทว์พระไพสพ
สำหรับเหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนี้เป็นอุบาทว์ที่เรียกว่าอุบาทว์พระอินทร์ ซึ่งจะมีอาเพศหลายประการที่จะทำหน้าที่เตือนและบอกกล่าวให้รู้จักกันว่าคนโบราณของไทยที่มีชีวิตสืบต่อกันมาเป็นรุ่นๆ นั้น ไม่ได้อยู่ที่มีจตุคามรามเทพหรือมีพรรคไทยรักไทยขึ้นมาปกครองประเทศอย่างที่บรรดาตัวเสนียดจัญไรทั้งหลายบ้าคลั่งกันอยู่
ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น!
ตอนหนึ่งของอุบาทว์พระอินทร์ที่ประกอบด้วยอาเพศต่างๆ หลายประการท่านเขียนไว้ว่า
“ราตรีเห็นธนู สว่างรังสีดู
ประจักษ์ในห้วงเวหาสน์
อนึ่งบพิตรพลั้งพลาด ตกเตียงราชอาสน์
คานหาม คเชนทรพาชี
อนึ่งท้าวไทยินดี อยู่ในป่าพนาลี
และละพระราชวัง
อนึ่งมุขมนตรีชัง - ชิงกันดีหวัง
วิวาทะว้าวุ่นวาย
หนึ่งปราชญ์และญาติทั้งหลาย ผิดกันเองหมาย
บ่ควรคิดแค้นโกรธา”
ท่านว่า ใครก็ตามได้พบเห็นอาเพศเหล่านี้เกิดขึ้น ท่านว่าคนผู้นั้นได้พบเห็นเสนียดจัญไรที่จะมาถึงตนเข้าแล้ว จะต้องสวดมนต์บูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียนอย่าให้มีภัยอันตรายใดๆ มากล้ำกรายได้
เวลานี้เมืองไทยกำลังเต็มไปด้วยความอุบาทว์และเสนียดจัญไรมากมาย เฉพาะอย่างยิ่งจากการปล้นสะดมบ้านเมืองของขุมกำลังโจรยุคที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกไม่มีรัฐบาลประเทศไหนชาติไหนในโลกนี้ได้เคยกระทำกันมา เฉพาะการกินบ้านกินเมืองหรือการปล้นประเทศชาติเพื่อความสุขของตัวเองตั้งแต่เม็ดกรวดเม็ดทรายทุกเม็ดบนแผ่นดิน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินก็ไม่ยอมเว้นนั้น ไม่มีใครเขาทำกัน
ไม่ว่าจะเป็นจูเลียต ซีซาร์แห่งโรม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หรือมุสโซลินี ซึ่งคนเหล่านี้เชื่อกันว่าเป็นนักการเมืองที่ชั่วชาติกลุ่มหนึ่ง ในประวัติไม่ปรากฏว่าคนชั่วชาติกลุ่มนี้ก็ยังไม่เคยมีใครทำกัน
อภิไธยโพธิบาทหรือเสนียดจัญไรที่ว่านี้จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองและจะมีผลกระทบกระเทือนแก่ผู้คนทุกคน จะมีความวุ่นวาย ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก
เช่นเดียวกับอุบาทว์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทยขณะนี้ ซึ่งในสายตาของคนที่มีความคิดและมีสติปัญญาเล็กน้อยอาจจะมองเห็นและรู้กันเพียงแต่ใช้หัวแม่เท้าคิดก็เข้าใจดีว่าที่ได้มีคณะบุคคลเข้ามาร่วมกันปล้นชาติที่มีหลักฐานแน่นขนัดดังกระฉ่อนไปทั่วโลกนั้น เป็นเรื่องที่จะเถียงไม่ได้โดยประการใดๆ ทั้งสิ้น
มันปล้นชาติปล้นแผ่นดินอย่างโหดร้ายที่สุดที่จะมีคำออดอ้อนสมานฉันท์อะไรไม่ได้
เข้าคุกหรือยิงทิ้งอย่างเดียวเท่านั้น!!
แต่ก็มีคนแย้งมีคนเถียงการปล้นบ้านเมืองที่ทำกันมานั้น เป็นเรื่องดีที่สุด
ตามที่โกหกหลอกลวงหรือยกเมฆเอาตามความพอใจว่ามีถึง 14 ล้านคน ทุกคนได้ร่วมมือร่วมใจกันสนับสนุนในการปล้นชาติขายชาติ และขายคนไทยและความเป็นไทยที่จะทำให้ตัวเขาอันเป็นที่รักของทุกคนมีความสุขความเจริญอันหาที่สุดมิได้
และถือว่าการปล้นชาติที่ผ่านมานั้น เป็นเป้าหมายอันสูงสุดของการปกครองประเทศของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือจากระบอบประชาธิปไตยโดยการเลือกตั้ง
นั่นคือความคิดเห็นอันชัดเจนที่เรานำมานั่งเถียงนอนเถียงและขัดแย้งกันอยู่ ทั้งๆ ที่ทุกคนมีสติสัมปชัญญะทุกคนก็รู้ดีว่าการปล้นบ้านกินเมืองของนักการเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ต้องเทิดทูนบูชาเป็นความคิดที่บัดซบที่สุดที่ไม่เคยเกิดในหมู่ชนชาติใดในประวัติศาสตร์การเมืองของโลก
แต่มันมาเป็นในประเทศไทยประเทศเดียว
ไม่อะไรอื่นนอกจากว่ามันเป็นอภิไธยโพธิบาทหรือเสนียดจัญไรในชาติที่ประเทศไทยได้สะสมเก็บรวบรวมเสนียดจัญไร และอภิไธยโพธิบาทจำนวนนี้มาไว้ในชาติหลังจากประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบราชาธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตยมาเป็นเวลา 75 ปีมาแล้ว
ประชาธิปไตยของพวกเสนียดจัญไรที่ว่านี้หมายถึงว่าทุกคนมีสิทธิมีเสรีภาพทุกอย่างที่จะทำอะไรก็ได้ในชีวิต แม้แต่จะกะล่อน สับปลับ หน้าด้าน และทรยศคดโกงที่คนยุคอื่นที่ไม่ใช่ยุคประชาธิปไตยไม่ยอมรับกัน
ในเมืองไทยนั้น เป็นเมืองพุทธศาสนาซึ่งมีกฎเกณฑ์และหลักธรรมกำหนดไว้ในการเกิดมาเป็นคนและมีชีวิตอยู่มากมาย แต่หลักสำคัญแท้ๆ ก็คือเอาแค่ศีล 5 และพรหมวิหาร 4 ก็มากเกินพอ คนไทยที่นับถือพุทธศาสนาทั้งชาติห้ามการปล้น ขโมย และเบียดเบียนคนอื่น คนไทยดำเนินชีวิตกันมาอย่างนี้ทั่วบ้านทั่วเมือง แต่หลังจากเราเปลี่ยนแปลงมาเป็นระบอบประชาธิปไตย เราก็เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในการดำเนินชีวิตมาเป็นโจรไปพร้อมกันด้วย หัวหน้าโจรและกลุ่มโจรที่มีอิทธิพลสูงสุดในประเทศก็คือนักการเมืองทุกระดับ และอาวุธที่ขบวนการโจรทุกสมัยนำมาใช้ก็คือรัฐธรรมนูญ
คนพวกนี้ทำให้เรามีเสนียดจัญไรมากขึ้นเต็มบ้านเต็มเมืองที่สามารถซื้อขายกันได้ในราคาถูกไม่เกินตัวละ 300-500 บาทไม่ว่าในบ้านนอกหรือในเมือง
ตลอดเวลา 75 ปีที่เราเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย เราได้สั่งสอนและทำเป็นตัวอย่างในด้านการปล้นสะดมหนักยิ่งขึ้นทุกปีจนกลายเป็นธรรมเนียม และเป็นวิถีชีวิตของคนไทยให้ยอมรับกันว่าการบริหารการปกครองบ้านเมืองนั้น ประเทศชาติประชาชนเป็นสิ่งที่ต้องเทิดทูนสรรเสริญกันอย่างทุ่มเท
อภิไธยโพธิบาทหรือเสนียดจัญไรที่เกิดในเมืองไทยทุกซอกทุกมุมและในสนามหลวง รวมถึงที่เราต้องใช้หัวหน้าโจรและครอบครัวของโจรไปเผยแพร่กันทั่วโลกในขณะนี้เป็นเศษของอุบาทว์และความชั่วร้ายที่ได้มีการสร้างและสะสมกันครบกำหนดที่จะแสดงฤทธิ์เดชของมันให้ปรากฏ
คนไทยสมัยโบราณจะไม่ยอมรับการปกครองหรือการมีชีวิตอยู่ด้วยการกระทำความชั่ว ไม่ว่าจะเป็นการโกหกฉ้อฉลหรือการปล้นสะดม ไม่ว่าคุณจะเป็นเทพเจ้าหรือเทพยดาจุติลงมาจากไหน แต่จะอยู่กับศีลกับธรรมตามหลักพุทธศาสนา คนไทยทุกคนตั้งแต่นั่งกรีดนิ้วจนกระทั่งชาวไร่ชาวนาไปจนถึงขอทาน เพราะฉะนั้นการปล้นสะดมหรือการคดโกงไม่ว่าน้อยหรือมากไม่ว่าเล็กหรือใหญ่จะมีการลงโทษอย่างรุนแรงเพื่อให้เข็ดหลาบหรือยืนยันให้รู้ว่าสังคมไทยไม่ยอมรับพฤติกรรมดังกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำอย่างที่รัฐบาลอุบาทว์ของเราทำมาแล้วหรือประชาชนที่มาเทิดทูนการปล้นบ้านปล้นเมืองซึ่งเป็นเรื่องผิดแต่กลับยืนยันว่าเป็นเรื่องถูกนั้น จะต้องได้รับโทษตามกระบิลเมืองที่เขียนเป็นกฎหมายคนไทยรู้จักกันดีนั้นคือกฎหมาย “พระไอยการอาชญาหลวง” ตามกฎหมายอาชญาหลวง ในกฎหมายตราสามดวง มีข้อความตอนหนึ่งว่า ใครก็ตามไม่ปฎิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือเปลี่ยนแปลงบิดเบือนข้อความและเนื้อหาในกฎหมาย แปลงพระธรรมนูญแปลงราชโองการ แปลงพระราชบัญญัติกำหนดกฎหมายและแปลงตราสารสำนวนถ้อยคำของท่านเสีย.....แลทะนงองอาจมิยำมิกลัวพระราชนิยมพระเจ้าอยู่หัวบัญญัติไว้และทำผิดพระราชบัญญัติกระทรวงล่วงกรม.....ท่านให้ลงโทษให้จงหนักมี 10 สถาน สถานหนึ่งให้ฟันคอริบเรือน ริบราชบาตรลูกเมียข้าคนเป็นราชบาตร ทรัพย์สิ่งของเอาเข้าท้องพระคลังทั้งสิ้น สถานหนึ่งให้ตัดมือตัดเท้าจำใส่ตรุไว้เดือนหนึ่ง 3 เดือน 6 เดือนตามยถากรรมของมัน สถานหนึ่งให้ทวนด้วยลวดหนัง-ไม้หวาย 1 2 4 ยก แล้วประจานจำใส่ตรุไว้เดือนหนึ่ง สอง-สามเดือน......
ดูเหมือนจะเป็นโทษที่มากพอแล้วไม่จำเป็นต้องยืนยันการลงโทษถึง 10 สถานที่มีตัวบทลงโทษไว้ว่าฟันคอริบเรือนหรือตัดมือตัดตีนใส่ตรุเอาเป็นแรมเดือนนั้น สำหรับมนุษย์อภิไธยโพธิบาทและเสนียดจัญไรของบ้านเมืองที่มันกำลังขอความช่วยเหลือต่อผู้บังเกิดเกล้าของมันอยู่อเมริกา
ทำเพื่อความเพลิดเพลินอย่างเดียว!!
คนไทยโบราณมีความคิดความอ่านติดตัวกันอยู่ทุกคน อย่างน้อยก็เกี่ยวกับเรื่องของโชคลางที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เราอาจจะกำหนดแน่นอนไม่ได้ว่าความเชื่อเหล่านั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือมันได้รับการยึดถือกันมาตั้งแต่รู้ว่าตัวเองเป็นคนไทยก็น่าจะเป็นได้
ความเชื่อที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่ว่านั้นก็คือในการสร้างบ้านสร้างเมืองของคนไทยในสมัยโบราณท่านถือเรื่องของดวงชะตาเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าอะไรจะเกิดขึ้น นอกจากดวงชะตาเมืองที่ผูกขึ้นตามการคำนวณการโคจรของดวงดาวที่ลงหลักปักเสาเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองแล้ว สิ่งหนึ่งที่โบราณบอกไว้ก็คือประเทศชาติและดวงนั้นไม่ว่าจะเจริญรุ่งเรืองหรือยากจนเพียงไรก็ตาม ยุคกาลครั้งหนึ่งทุกประเทศชาติจะมีบางอย่างเกิดขึ้นมาทำลายหรือให้โทษแก่ดวงชะตาเมืองเสมอ ไม่ปีใดก็ปีหนึ่งหรือยุคใดก็ยุคหนึ่ง สิ่งที่เกิดนั้นท่านเรียกว่า “อภิไธยโพธิบาท” หรือเสนียดจัญไรต่างๆ ที่ประเทศนั้นจะประสบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะบ้านเมืองหรือประเทศเหล่านั้นเป็นที่อยู่ของคน
ในทุกประเทศจะมีคนดีคนชั่วคนเลว และคนที่เป็นเสนียดจัญไรที่บ้านเมืองมีเคราะห์มีกรรมเหมือนกันทุกประเทศ
อย่างเมืองไทยในระยะไม่กี่ปีมานี้จะมีอุบาทว์เกิดขึ้นและทำลายบ้านเมืองจนป่นปี้มาแล้ว เสนียดจัญไรที่ทำให้บ้านเมืองประสบความล้มเหลวในการสร้างความสุขความเจริญมาแล้วนานปีก็ได้พบว่าตัวเสนียดจัญไรต่างๆ แย่งกันมาผุดมาเกิดแล้วมาสำแดงอภินิหารกันแน่นที่สนามหลวง และตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศด้วยเงินจำนวนมหาศาลที่มันปล้นมันโกงเอาไปจากประเทศชาติประชาชน และเพื่อความวิบัติฉิบหายอย่างถอนรากถอนโคนของทุกคนต่อไปในอนาคตที่จะได้ดูกันหลังจากที่ราหู 8 โคจรจากราศีกุมภ์และเข้ากุมดาวเนปจูนในราศีมังกร ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายที่การกวาดล้างการทำลายบรรดาเดียรัจฉานทั้งตัวเสนียดจัญไรของชาติของแผ่นดินจะสิ้นสุดลงหลัง 2 ปีครึ่งข้างหน้า
นี่เป็นหลักเกณฑ์ทางโหราศาสตร์ที่เชื่อถือได้ว่าไม่ผิดเพราะมันเกิดมันเป็นมาแล้วทุกยุคทุกสมัยตามรอบของดวงดาวและอาถรรพ์ต่างๆ ของจักรวาลซึ่งคนรุ่นเก่าได้ศึกษาติดต่อกันมา
บรรดาตัวเสนียดจัญไรและเดียรัจฉานทุกตัวสำแดงอภินิหารอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะใช้ชื่อองค์กรไหนก็ตาม จะต้องคอยรอรับกรรมจากการทำตัวเป็นเสนียดจัญไรที่ว่านี้ได้บางคนก็เร็วบางคนก็ช้า แต่จะไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เพราะจะต้องชดใช้
ไม่ผิดหวังแน่!
อุบาทว์ที่กล่าวมานี้เรียกว่าอุบาทว์พระอินทร์
อุบาทว์แต่ละอย่างจะมีสาเหตุและอาเพศต่างกันซึ่งเริ่มตั้งแต่อุบาทว์ (1) อุบาทว์พระอินทร์ (2) อุบาทว์พระเพลิง (3) อุบาทว์พระยม (4) อุบาทว์พระนารายณ์ (5) อุบาทว์พระวรุณ(6) อุบาทว์พระพาย (7) อุบาทว์พระโสม (8) อุบาทว์พระไพสพ
สำหรับเหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนี้เป็นอุบาทว์ที่เรียกว่าอุบาทว์พระอินทร์ ซึ่งจะมีอาเพศหลายประการที่จะทำหน้าที่เตือนและบอกกล่าวให้รู้จักกันว่าคนโบราณของไทยที่มีชีวิตสืบต่อกันมาเป็นรุ่นๆ นั้น ไม่ได้อยู่ที่มีจตุคามรามเทพหรือมีพรรคไทยรักไทยขึ้นมาปกครองประเทศอย่างที่บรรดาตัวเสนียดจัญไรทั้งหลายบ้าคลั่งกันอยู่
ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น!
ตอนหนึ่งของอุบาทว์พระอินทร์ที่ประกอบด้วยอาเพศต่างๆ หลายประการท่านเขียนไว้ว่า
“ราตรีเห็นธนู สว่างรังสีดู
ประจักษ์ในห้วงเวหาสน์
อนึ่งบพิตรพลั้งพลาด ตกเตียงราชอาสน์
คานหาม คเชนทรพาชี
อนึ่งท้าวไทยินดี อยู่ในป่าพนาลี
และละพระราชวัง
อนึ่งมุขมนตรีชัง - ชิงกันดีหวัง
วิวาทะว้าวุ่นวาย
หนึ่งปราชญ์และญาติทั้งหลาย ผิดกันเองหมาย
บ่ควรคิดแค้นโกรธา”
ท่านว่า ใครก็ตามได้พบเห็นอาเพศเหล่านี้เกิดขึ้น ท่านว่าคนผู้นั้นได้พบเห็นเสนียดจัญไรที่จะมาถึงตนเข้าแล้ว จะต้องสวดมนต์บูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียนอย่าให้มีภัยอันตรายใดๆ มากล้ำกรายได้
เวลานี้เมืองไทยกำลังเต็มไปด้วยความอุบาทว์และเสนียดจัญไรมากมาย เฉพาะอย่างยิ่งจากการปล้นสะดมบ้านเมืองของขุมกำลังโจรยุคที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกไม่มีรัฐบาลประเทศไหนชาติไหนในโลกนี้ได้เคยกระทำกันมา เฉพาะการกินบ้านกินเมืองหรือการปล้นประเทศชาติเพื่อความสุขของตัวเองตั้งแต่เม็ดกรวดเม็ดทรายทุกเม็ดบนแผ่นดิน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินก็ไม่ยอมเว้นนั้น ไม่มีใครเขาทำกัน
ไม่ว่าจะเป็นจูเลียต ซีซาร์แห่งโรม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หรือมุสโซลินี ซึ่งคนเหล่านี้เชื่อกันว่าเป็นนักการเมืองที่ชั่วชาติกลุ่มหนึ่ง ในประวัติไม่ปรากฏว่าคนชั่วชาติกลุ่มนี้ก็ยังไม่เคยมีใครทำกัน
อภิไธยโพธิบาทหรือเสนียดจัญไรที่ว่านี้จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองและจะมีผลกระทบกระเทือนแก่ผู้คนทุกคน จะมีความวุ่นวาย ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก
เช่นเดียวกับอุบาทว์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทยขณะนี้ ซึ่งในสายตาของคนที่มีความคิดและมีสติปัญญาเล็กน้อยอาจจะมองเห็นและรู้กันเพียงแต่ใช้หัวแม่เท้าคิดก็เข้าใจดีว่าที่ได้มีคณะบุคคลเข้ามาร่วมกันปล้นชาติที่มีหลักฐานแน่นขนัดดังกระฉ่อนไปทั่วโลกนั้น เป็นเรื่องที่จะเถียงไม่ได้โดยประการใดๆ ทั้งสิ้น
มันปล้นชาติปล้นแผ่นดินอย่างโหดร้ายที่สุดที่จะมีคำออดอ้อนสมานฉันท์อะไรไม่ได้
เข้าคุกหรือยิงทิ้งอย่างเดียวเท่านั้น!!
แต่ก็มีคนแย้งมีคนเถียงการปล้นบ้านเมืองที่ทำกันมานั้น เป็นเรื่องดีที่สุด
ตามที่โกหกหลอกลวงหรือยกเมฆเอาตามความพอใจว่ามีถึง 14 ล้านคน ทุกคนได้ร่วมมือร่วมใจกันสนับสนุนในการปล้นชาติขายชาติ และขายคนไทยและความเป็นไทยที่จะทำให้ตัวเขาอันเป็นที่รักของทุกคนมีความสุขความเจริญอันหาที่สุดมิได้
และถือว่าการปล้นชาติที่ผ่านมานั้น เป็นเป้าหมายอันสูงสุดของการปกครองประเทศของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือจากระบอบประชาธิปไตยโดยการเลือกตั้ง
นั่นคือความคิดเห็นอันชัดเจนที่เรานำมานั่งเถียงนอนเถียงและขัดแย้งกันอยู่ ทั้งๆ ที่ทุกคนมีสติสัมปชัญญะทุกคนก็รู้ดีว่าการปล้นบ้านกินเมืองของนักการเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ต้องเทิดทูนบูชาเป็นความคิดที่บัดซบที่สุดที่ไม่เคยเกิดในหมู่ชนชาติใดในประวัติศาสตร์การเมืองของโลก
แต่มันมาเป็นในประเทศไทยประเทศเดียว
ไม่อะไรอื่นนอกจากว่ามันเป็นอภิไธยโพธิบาทหรือเสนียดจัญไรในชาติที่ประเทศไทยได้สะสมเก็บรวบรวมเสนียดจัญไร และอภิไธยโพธิบาทจำนวนนี้มาไว้ในชาติหลังจากประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบราชาธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตยมาเป็นเวลา 75 ปีมาแล้ว
ประชาธิปไตยของพวกเสนียดจัญไรที่ว่านี้หมายถึงว่าทุกคนมีสิทธิมีเสรีภาพทุกอย่างที่จะทำอะไรก็ได้ในชีวิต แม้แต่จะกะล่อน สับปลับ หน้าด้าน และทรยศคดโกงที่คนยุคอื่นที่ไม่ใช่ยุคประชาธิปไตยไม่ยอมรับกัน
ในเมืองไทยนั้น เป็นเมืองพุทธศาสนาซึ่งมีกฎเกณฑ์และหลักธรรมกำหนดไว้ในการเกิดมาเป็นคนและมีชีวิตอยู่มากมาย แต่หลักสำคัญแท้ๆ ก็คือเอาแค่ศีล 5 และพรหมวิหาร 4 ก็มากเกินพอ คนไทยที่นับถือพุทธศาสนาทั้งชาติห้ามการปล้น ขโมย และเบียดเบียนคนอื่น คนไทยดำเนินชีวิตกันมาอย่างนี้ทั่วบ้านทั่วเมือง แต่หลังจากเราเปลี่ยนแปลงมาเป็นระบอบประชาธิปไตย เราก็เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในการดำเนินชีวิตมาเป็นโจรไปพร้อมกันด้วย หัวหน้าโจรและกลุ่มโจรที่มีอิทธิพลสูงสุดในประเทศก็คือนักการเมืองทุกระดับ และอาวุธที่ขบวนการโจรทุกสมัยนำมาใช้ก็คือรัฐธรรมนูญ
คนพวกนี้ทำให้เรามีเสนียดจัญไรมากขึ้นเต็มบ้านเต็มเมืองที่สามารถซื้อขายกันได้ในราคาถูกไม่เกินตัวละ 300-500 บาทไม่ว่าในบ้านนอกหรือในเมือง
ตลอดเวลา 75 ปีที่เราเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย เราได้สั่งสอนและทำเป็นตัวอย่างในด้านการปล้นสะดมหนักยิ่งขึ้นทุกปีจนกลายเป็นธรรมเนียม และเป็นวิถีชีวิตของคนไทยให้ยอมรับกันว่าการบริหารการปกครองบ้านเมืองนั้น ประเทศชาติประชาชนเป็นสิ่งที่ต้องเทิดทูนสรรเสริญกันอย่างทุ่มเท
อภิไธยโพธิบาทหรือเสนียดจัญไรที่เกิดในเมืองไทยทุกซอกทุกมุมและในสนามหลวง รวมถึงที่เราต้องใช้หัวหน้าโจรและครอบครัวของโจรไปเผยแพร่กันทั่วโลกในขณะนี้เป็นเศษของอุบาทว์และความชั่วร้ายที่ได้มีการสร้างและสะสมกันครบกำหนดที่จะแสดงฤทธิ์เดชของมันให้ปรากฏ
คนไทยสมัยโบราณจะไม่ยอมรับการปกครองหรือการมีชีวิตอยู่ด้วยการกระทำความชั่ว ไม่ว่าจะเป็นการโกหกฉ้อฉลหรือการปล้นสะดม ไม่ว่าคุณจะเป็นเทพเจ้าหรือเทพยดาจุติลงมาจากไหน แต่จะอยู่กับศีลกับธรรมตามหลักพุทธศาสนา คนไทยทุกคนตั้งแต่นั่งกรีดนิ้วจนกระทั่งชาวไร่ชาวนาไปจนถึงขอทาน เพราะฉะนั้นการปล้นสะดมหรือการคดโกงไม่ว่าน้อยหรือมากไม่ว่าเล็กหรือใหญ่จะมีการลงโทษอย่างรุนแรงเพื่อให้เข็ดหลาบหรือยืนยันให้รู้ว่าสังคมไทยไม่ยอมรับพฤติกรรมดังกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำอย่างที่รัฐบาลอุบาทว์ของเราทำมาแล้วหรือประชาชนที่มาเทิดทูนการปล้นบ้านปล้นเมืองซึ่งเป็นเรื่องผิดแต่กลับยืนยันว่าเป็นเรื่องถูกนั้น จะต้องได้รับโทษตามกระบิลเมืองที่เขียนเป็นกฎหมายคนไทยรู้จักกันดีนั้นคือกฎหมาย “พระไอยการอาชญาหลวง” ตามกฎหมายอาชญาหลวง ในกฎหมายตราสามดวง มีข้อความตอนหนึ่งว่า ใครก็ตามไม่ปฎิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือเปลี่ยนแปลงบิดเบือนข้อความและเนื้อหาในกฎหมาย แปลงพระธรรมนูญแปลงราชโองการ แปลงพระราชบัญญัติกำหนดกฎหมายและแปลงตราสารสำนวนถ้อยคำของท่านเสีย.....แลทะนงองอาจมิยำมิกลัวพระราชนิยมพระเจ้าอยู่หัวบัญญัติไว้และทำผิดพระราชบัญญัติกระทรวงล่วงกรม.....ท่านให้ลงโทษให้จงหนักมี 10 สถาน สถานหนึ่งให้ฟันคอริบเรือน ริบราชบาตรลูกเมียข้าคนเป็นราชบาตร ทรัพย์สิ่งของเอาเข้าท้องพระคลังทั้งสิ้น สถานหนึ่งให้ตัดมือตัดเท้าจำใส่ตรุไว้เดือนหนึ่ง 3 เดือน 6 เดือนตามยถากรรมของมัน สถานหนึ่งให้ทวนด้วยลวดหนัง-ไม้หวาย 1 2 4 ยก แล้วประจานจำใส่ตรุไว้เดือนหนึ่ง สอง-สามเดือน......
ดูเหมือนจะเป็นโทษที่มากพอแล้วไม่จำเป็นต้องยืนยันการลงโทษถึง 10 สถานที่มีตัวบทลงโทษไว้ว่าฟันคอริบเรือนหรือตัดมือตัดตีนใส่ตรุเอาเป็นแรมเดือนนั้น สำหรับมนุษย์อภิไธยโพธิบาทและเสนียดจัญไรของบ้านเมืองที่มันกำลังขอความช่วยเหลือต่อผู้บังเกิดเกล้าของมันอยู่อเมริกา
ทำเพื่อความเพลิดเพลินอย่างเดียว!!