โจรใต้เหิมเกริมหนักวางระเบิดรถยนต์คณะนายอำเภอไม้แก่น ขณะเข้าตรวจสอบโรงเรียนที่ถูกเผา ตูมสนั่นจนรถพลิกคว่ำ "นายอำเภอ" เสียชีวิตคาที่พร้อม "พ.ท." และ อส.รวม 3 ราย ทหาร-ตำรวจระดมกำลังเข้าปิดล้อม 4 อำเภอไล่ล่าทันทีแต่ยังคว้าน้ำเหลว ขณะที่ตำรวจนราธิวาส สนธิกำลังปิดล้อมค้นพื้นที่บันนังสตา รวบ 17 ผู้ต้องสงสัยป่วนใต้ พร้อมอาวุธสงคราม วัตถุประกอบระเบิดเพียบ "นายกฯ" ยังย้ำจุดยืนใช้แนวทางสมานฉันท์ต่อไป ครม.ไฟเขียวกลาโหมเสริมกำลังทหารพรานลงพื้นที่อีกราว 3 พันนาย อ้างกำลังพลไม่เพียงต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามยุทธวิธี
สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งคนร้ายยังคงก่อเหตุไม่สงบขึ้นอีกที่ จ.ปัตตานี โดยช่วงเวลา 08.30 น.วานนี้ (19 มิ.ย.) คนร้ายได้ลอบวางระเบิดรถยนต์คณะของนายชยพัทธ์ รักษายศ นายอำเภอไม้แก่น ที่บริเวณ ม.3 ต.ตะโละไกรทอง อ.ไม้แก่น ขณะเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงโรงเรียนบ้านป่าไหม้ ม.1 ต.ดอนทราย, โรงเรียนบ้านตะโละไกรทอง ม.2 ต.ดอนทราย และสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดอนทราย ม.2 ต.ดอนทราย อ.ไม้แก่น หลังถูกคนร้ายลอบวางเพลิงเมื่อเวลา 02.30 น.และจุดที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงเช้าของวันเดียวกันในระหว่างเข้าไปตรวจสอบโรงเรียนที่ถูกเผา
***นอภ.-พ.ท.-อส.ดับคาที่ 3 ศพ
แรงระเบิดทำให้คณะนายอำเภอไม้แก่น เสียชีวิตทันที 3 นาย คือ นายชยพัทธ์ รักษายศ นายอำเภอไม้แก่น, พ.ท.สุรศักดิ์ โคคุทา เลขาธิการศูนย์อำนวยการป้องกันรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) อ.ไม้แก่น และนายอาหามะ ละหาร อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อ.ไม้แก่น และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย คือ นายวีระชัย แดงเงิน อส.อ.ไม้แก่น ซึ่งเป็นคนขับ จ.ส.อ.เสริม ก๋งเหล็ก และ จ.ส.อ.สุกัน จานตก เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อำนวยการป้องกันรักษาความมั่นคงภายใน อ.ไม้แก่น ซึ่งถูกนำส่งโรงพยาบาลไม้แก่นในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุในเวลาประมาณ 02.30 น. คนร้ายได้ลอบเผาโรงเรียนบ้านป่าไหม้, โรงเรียนบ้านตะโละทรายทอง และลอบวางเพลิงเผาสำนักงาน อบต.ดอนทราย ในเวลาไล่เลี่ยกันจนได้รับความเสียหาย หลังเกิดเหตุไม่นานเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่ถูกคนร้ายซุ่มยิงจนพลทหารเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บสาหัสอีก 2 นาย
กระทั่งเวลา 06.30 น.เจ้าหน้าที่อาสาสมัครตระเวนชายแดน กอง อส.ไม้แก่น ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง ในระหว่างทางได้ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดที่บริเวณริมทางใกล้สะพานบ้านปรักแตน ม.4 ต.ทรายทอง อ.ไม้แก่น เป็นเหตุให้อาสาสมัครได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย คือ นายมะกือตา สาแม อส.อำเภอไม้แก่น และนายดนัย เจะเลาะ นักการภารโรงโรงเรียนบ้านปรักแตน ถูกนำส่งโรงพยาบาลไม้แก่นในเวลาต่อมา
จนเวลา 08.30 น.ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง นำโดยนายชยพัทธ์ รักษายศ นายอำเภอไม้แก่น ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้งหมดอีกครั้งและถูกคนร้ายลอบวางระเบิดจนเสียชีวิต 3 คนดังกล่าว
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ พบว่าคนร้ายได้นำระเบิดไปซุกไว้ใต้ผิวถนน โดยใช้สายไฟต่อจากระเบิดแล้วลากเข้าไปในป่าเป็นระยะกว่า 50 เมตร เมื่อคณะของนายอำเภอ เดินทางมาถึงคนร้ายได้กดจุดชนวนระเบิดด้วยแบตเตอรี่ ทำให้รถของคณะนายอำเภอกระเด็นตกลงข้างทางได้รับความเสียหายทั้งคัน และเสียชีวิตดังกล่าว
***ระดมกำลังปิดล้อม 4 อำเภอล่า
หลังเกิดเหตุ พ.อ.วันชัย พ่วงขุมทรัพย์ ผบ.ฉก.2 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ จ.ปัตตานี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลังกว่า 100 นาย สนธิกำลังตำรวจ และฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบและติดตามไล่ล่าคนร้ายทันทีและต่อเนื่อง โดยเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะยังกบดานในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวหลัก คือ อ.ไม้แก่น, กะพ้อ, บาเจาะ และสายบุรี พร้อมกับให้ประสานเจ้าหน้าที่ในแต่ละพื้นที่ให้เข้าตรวจสอบและปิดล้อมพื้นที่เป้าหมายเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวและการเดินทางออกนอกพื้นที่ของกลุ่มคนร้าย แต่ก็ยังไม่สมารถติดตัวคนร้ายได้
ขณะที่ พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี หลังเกิดเหตุได้มีการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เช่น ผบ.ฉก.22 รองผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผกก.สภ.อ.ไม้แก่น เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนในการติดตามคนร้าย พร้อมสั่งการให้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทั้งตำรวจ และทหาร ออกติดตามไล่ล่าคนร้ายอย่างต่อเนื่อง แต่เบื้องต้นยังไม่พบเบาะแสของคนร้ายแต่อย่างใด
***เปิดประวัติ นอภ.ผู้กล้าหาญ
ต่อมาช่วงบ่าย พล.ต.ท.ธีรยุทธ์ บุตรศรีภูมิ รมช.มหาดไทย และคณะได้เดินทางมายังวัดนพวงศาราม อ.เมือง จ.ปัตตานี เพื่อเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพนายชัยพัทธ์ รักษายศ นายอำเภอไม้แก่น โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนร่วมไว้อาลัยจำนวนมาก โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลดของญาติๆ และผู้มาร่วมงานไว้อาลัย
สำหรับนายชัยพัทธ์ รักษายศ ภูมิลำเนาเป็นชาวอำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เกิดเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2505 อายุ 45 ปี เป็นบุตรของนายกวี และนางชม รักษายศ สมรสกับนางรัชดาภรณ์ งามฉวี มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ ด.ช.ธนวัธร์ รักษายศ อายุ 13 ปีและ ด.ช.ชานุวัฒน์ รักษายศ อายุ 10 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์การปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรุงเทพฯ
เริ่มรับราชการครั้งแรกในตำแหน่งเจ้าพนักงานปกครอง 3 ปลัดอำเภอสุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อปี 2527 โดยปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งปลัดอำเภออยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เรื่อยมาจนถึงปี 2538 ได้ย้ายไปยัง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และขอย้ายกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อปี 2548 จนเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2550 ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายอำเภอไม้แก่น จ.ปัตตานี
ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นายชัยพัทธ์ รักษายศ ได้มุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดในพื้นที่และมักเข้าไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติในพื้นที่เรื่อยมา การเสียชีวิตในครั้งนี้ ถือเป็นความสูญเสียบุคคลสำคัญที่เสียสละทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้ง
***ล้อมบันนังสตาจับ 17 ผู้ต้องสงสัย
บ่ายวันเดียวกันที่ห้องประชุมชั้นล่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ.จว.ยะลา และ พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจค้นพื้นที่ ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.จนถึงวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) ได้ร่วมกับทหารชุด ฉก.12 นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่ ม.1 ต.เขื่อนบางลาง และ ม.8 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา หลังสืบทราบว่ามีการซุกซ่อนวัตถุระเบิดและอาวุธปืนในพื้นที่ดังกล่าว
โดยสามารถตรวจยึดวัตถุระเบิดได้หลายรายการ ซึ่งซุกซ่อนอยู่ตามบริเวณรอบบ้านหลายแห่ง ทั้งดินระเบิดชนิดเพาเวอร์เจล 18 แท่ง อาวุธปืนอูซี่ 1 กระบอก กระสุนปืนพกขนาด.38 เครื่องแบบทหาร ถังดับเพลิง คอมพิวเตอร์ วิทยุสื่อสาร อุปกรณ์การประกอบระเบิด เป้สนาม ปุ๋ยยูเรีย และเครื่องสนามหลายรายการ นอกจากนี้ยังควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้อีก 17 คนนำตัวไปสอบสวนเพื่อขยายผลภายในค่ายอิงคยุทธบริหารแล้ว โดยเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยิงทหารเสียชีวิต 7 นายในพื้นที่ อ.บันนังสตาด้วย
*** "นายกฯ"ย้ำจุดยืนสมานฉันท์
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ที่ล่าสุดนายอำเภอไม้แก่น และเจ้าหน้าที่ถูกลอบวางระเบิดเสียชีวิตว่า จากการประชุมกับผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ได้มีการพูดถึงเรื่องเหล่านี้ คิดว่าคงต้องให้เวลากับผู้ที่ปฏิบัติงานเพราะได้สั่งการไปแล้ว ต้องดูว่าสามารถทำอย่างไรได้บ้าง แต่สิ่งที่มีความห่วงใยคงเหมือนกับประชาชนทุกคน คือ เรื่องการใช้วัตถุระเบิดในพื้นที่ที่ทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตข้าราชการ ครู หรือแม้กระทั่งชีวิตของประชาชน
"นโยบายสมานฉันท์ของรัฐบาลคงไม่เปลี่ยนแปลง ผมตอบได้ว่าในฐานะที่เคยถืออาวุธมาก่อน เราไม่รู้ว่าจะใช้ความรุนแรงกับใคร มองใครก็มีแต่ผู้หญิงกับเด็ก และเราจะทำอะไรได้"
ส่วนที่ผู้ก่อความไม่สงบพยายามสร้างเหตุการณ์ความรุนแรงเพื่อดึงให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาแก้ปัญหานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลได้พยายามทำความเข้าใจกับมิตรประเทศ โดยเฉพาะมิตรประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม คิดว่าเราได้รับความเชื่อถือและได้รับการยอมรับในวิธีการแก้ปัญหา
พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ประธาน คมช.ระบุว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แฝงตัวอยู่ในสถานศึกษา มหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯว่า ทางคณะกรรมาธิการได้รับทราบข้อมูลว่ามีผู้ก่อความไม่สงบแฝงตัวอยู่จริง แต่เป็นเพียงแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งไม่มีความสามารถที่จะก่อเหตุหรือสร้างความเสียหาย อันตรายที่รุนแรงให้เกิดได้ โดยคนกลุ่มนี้เป็นตัวที่เชื่อมโยงไปยังอีกกลุ่มที่มีศักยภาพมากพอที่จะสร้างสถานการณ์รุนแรงให้เกิดขึ้น และมีความสามารถทำได้เพียงระดมคนไปชุมนุมก่อม็อบเรียกร้องเท่านั้น แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงต้องระวัง
***ครม.อนุมัติเสริมทหารลงใต้
ด้านนายณัฐฐวัฒน์ สุทธิโยธิน ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.วานนี้ว่า ครม.ได้อนุมัติหน่วยทหารพรานเพิ่มเติมให้กับกองทัพภาคที่ 4 เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยเพิ่มกำลังกองบังคับการทหารพราน 2 กองบังคับการ กำลังพล 96 อัตรา กองร้อยทหารพราน 28 กองร้อย กำลังพล 2,520 อัตรา กองบังคับการหมวดทหารพรานหญิง 1 กองบังคับการ กำลังพล 3 อัตรา และหมู่ทหารพรานหญิง 11 หมู่ กำลังพล 143 อัตรา รวมกำลังพล 2,760 อัตรา งบประมาณในการจัดตั้งหน่วย (ระยะเวลา 1 ปี) จำนวน 1,474,541,994 บาท และงบประมาณสำหรับดำรงสภาพหน่วย (ระยะเวลา 1 ปี) ตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไปปีละจำนวน 381,959,510 บาท
นายณัฐฐวัฒน์ ให้เหตุผลที่ต้องเพิ่มกำลังพลว่า กระทรวงกลาโหมชี้แจงว่าการดำเนินการทางยุทธศาสตร์ ถือว่าประสบผลสำเร็จ แต่ทางยุทธวิธีกำลังพลไม่เพียงพอที่จะไปคุ้มครองคนในพื้นที่ ประกอบกับที่ผ่านมาเคยมีการส่งกำลังพลไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ในช่วง เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่าการทำงานได้ผลดี มีความยืดหยุ่น เข้าถึงพื้นที่ได้ง่าย ดังนั้น จึงมีการอนุมัติกำลังพลเพิ่ม โดยต้องมีการคัดคนและเข้ารับการฝึกก่อนที่จะส่งลงไปปฏิบัติในพื้นที่
สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งคนร้ายยังคงก่อเหตุไม่สงบขึ้นอีกที่ จ.ปัตตานี โดยช่วงเวลา 08.30 น.วานนี้ (19 มิ.ย.) คนร้ายได้ลอบวางระเบิดรถยนต์คณะของนายชยพัทธ์ รักษายศ นายอำเภอไม้แก่น ที่บริเวณ ม.3 ต.ตะโละไกรทอง อ.ไม้แก่น ขณะเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงโรงเรียนบ้านป่าไหม้ ม.1 ต.ดอนทราย, โรงเรียนบ้านตะโละไกรทอง ม.2 ต.ดอนทราย และสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดอนทราย ม.2 ต.ดอนทราย อ.ไม้แก่น หลังถูกคนร้ายลอบวางเพลิงเมื่อเวลา 02.30 น.และจุดที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงเช้าของวันเดียวกันในระหว่างเข้าไปตรวจสอบโรงเรียนที่ถูกเผา
***นอภ.-พ.ท.-อส.ดับคาที่ 3 ศพ
แรงระเบิดทำให้คณะนายอำเภอไม้แก่น เสียชีวิตทันที 3 นาย คือ นายชยพัทธ์ รักษายศ นายอำเภอไม้แก่น, พ.ท.สุรศักดิ์ โคคุทา เลขาธิการศูนย์อำนวยการป้องกันรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) อ.ไม้แก่น และนายอาหามะ ละหาร อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อ.ไม้แก่น และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย คือ นายวีระชัย แดงเงิน อส.อ.ไม้แก่น ซึ่งเป็นคนขับ จ.ส.อ.เสริม ก๋งเหล็ก และ จ.ส.อ.สุกัน จานตก เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อำนวยการป้องกันรักษาความมั่นคงภายใน อ.ไม้แก่น ซึ่งถูกนำส่งโรงพยาบาลไม้แก่นในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุในเวลาประมาณ 02.30 น. คนร้ายได้ลอบเผาโรงเรียนบ้านป่าไหม้, โรงเรียนบ้านตะโละทรายทอง และลอบวางเพลิงเผาสำนักงาน อบต.ดอนทราย ในเวลาไล่เลี่ยกันจนได้รับความเสียหาย หลังเกิดเหตุไม่นานเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่ถูกคนร้ายซุ่มยิงจนพลทหารเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บสาหัสอีก 2 นาย
กระทั่งเวลา 06.30 น.เจ้าหน้าที่อาสาสมัครตระเวนชายแดน กอง อส.ไม้แก่น ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง ในระหว่างทางได้ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดที่บริเวณริมทางใกล้สะพานบ้านปรักแตน ม.4 ต.ทรายทอง อ.ไม้แก่น เป็นเหตุให้อาสาสมัครได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย คือ นายมะกือตา สาแม อส.อำเภอไม้แก่น และนายดนัย เจะเลาะ นักการภารโรงโรงเรียนบ้านปรักแตน ถูกนำส่งโรงพยาบาลไม้แก่นในเวลาต่อมา
จนเวลา 08.30 น.ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง นำโดยนายชยพัทธ์ รักษายศ นายอำเภอไม้แก่น ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้งหมดอีกครั้งและถูกคนร้ายลอบวางระเบิดจนเสียชีวิต 3 คนดังกล่าว
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ พบว่าคนร้ายได้นำระเบิดไปซุกไว้ใต้ผิวถนน โดยใช้สายไฟต่อจากระเบิดแล้วลากเข้าไปในป่าเป็นระยะกว่า 50 เมตร เมื่อคณะของนายอำเภอ เดินทางมาถึงคนร้ายได้กดจุดชนวนระเบิดด้วยแบตเตอรี่ ทำให้รถของคณะนายอำเภอกระเด็นตกลงข้างทางได้รับความเสียหายทั้งคัน และเสียชีวิตดังกล่าว
***ระดมกำลังปิดล้อม 4 อำเภอล่า
หลังเกิดเหตุ พ.อ.วันชัย พ่วงขุมทรัพย์ ผบ.ฉก.2 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ จ.ปัตตานี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลังกว่า 100 นาย สนธิกำลังตำรวจ และฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบและติดตามไล่ล่าคนร้ายทันทีและต่อเนื่อง โดยเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะยังกบดานในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวหลัก คือ อ.ไม้แก่น, กะพ้อ, บาเจาะ และสายบุรี พร้อมกับให้ประสานเจ้าหน้าที่ในแต่ละพื้นที่ให้เข้าตรวจสอบและปิดล้อมพื้นที่เป้าหมายเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวและการเดินทางออกนอกพื้นที่ของกลุ่มคนร้าย แต่ก็ยังไม่สมารถติดตัวคนร้ายได้
ขณะที่ พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี หลังเกิดเหตุได้มีการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เช่น ผบ.ฉก.22 รองผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผกก.สภ.อ.ไม้แก่น เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนในการติดตามคนร้าย พร้อมสั่งการให้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทั้งตำรวจ และทหาร ออกติดตามไล่ล่าคนร้ายอย่างต่อเนื่อง แต่เบื้องต้นยังไม่พบเบาะแสของคนร้ายแต่อย่างใด
***เปิดประวัติ นอภ.ผู้กล้าหาญ
ต่อมาช่วงบ่าย พล.ต.ท.ธีรยุทธ์ บุตรศรีภูมิ รมช.มหาดไทย และคณะได้เดินทางมายังวัดนพวงศาราม อ.เมือง จ.ปัตตานี เพื่อเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพนายชัยพัทธ์ รักษายศ นายอำเภอไม้แก่น โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนร่วมไว้อาลัยจำนวนมาก โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลดของญาติๆ และผู้มาร่วมงานไว้อาลัย
สำหรับนายชัยพัทธ์ รักษายศ ภูมิลำเนาเป็นชาวอำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เกิดเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2505 อายุ 45 ปี เป็นบุตรของนายกวี และนางชม รักษายศ สมรสกับนางรัชดาภรณ์ งามฉวี มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ ด.ช.ธนวัธร์ รักษายศ อายุ 13 ปีและ ด.ช.ชานุวัฒน์ รักษายศ อายุ 10 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์การปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรุงเทพฯ
เริ่มรับราชการครั้งแรกในตำแหน่งเจ้าพนักงานปกครอง 3 ปลัดอำเภอสุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อปี 2527 โดยปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งปลัดอำเภออยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เรื่อยมาจนถึงปี 2538 ได้ย้ายไปยัง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และขอย้ายกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อปี 2548 จนเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2550 ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายอำเภอไม้แก่น จ.ปัตตานี
ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นายชัยพัทธ์ รักษายศ ได้มุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดในพื้นที่และมักเข้าไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติในพื้นที่เรื่อยมา การเสียชีวิตในครั้งนี้ ถือเป็นความสูญเสียบุคคลสำคัญที่เสียสละทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้ง
***ล้อมบันนังสตาจับ 17 ผู้ต้องสงสัย
บ่ายวันเดียวกันที่ห้องประชุมชั้นล่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ.จว.ยะลา และ พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจค้นพื้นที่ ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.จนถึงวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) ได้ร่วมกับทหารชุด ฉก.12 นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่ ม.1 ต.เขื่อนบางลาง และ ม.8 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา หลังสืบทราบว่ามีการซุกซ่อนวัตถุระเบิดและอาวุธปืนในพื้นที่ดังกล่าว
โดยสามารถตรวจยึดวัตถุระเบิดได้หลายรายการ ซึ่งซุกซ่อนอยู่ตามบริเวณรอบบ้านหลายแห่ง ทั้งดินระเบิดชนิดเพาเวอร์เจล 18 แท่ง อาวุธปืนอูซี่ 1 กระบอก กระสุนปืนพกขนาด.38 เครื่องแบบทหาร ถังดับเพลิง คอมพิวเตอร์ วิทยุสื่อสาร อุปกรณ์การประกอบระเบิด เป้สนาม ปุ๋ยยูเรีย และเครื่องสนามหลายรายการ นอกจากนี้ยังควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้อีก 17 คนนำตัวไปสอบสวนเพื่อขยายผลภายในค่ายอิงคยุทธบริหารแล้ว โดยเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยิงทหารเสียชีวิต 7 นายในพื้นที่ อ.บันนังสตาด้วย
*** "นายกฯ"ย้ำจุดยืนสมานฉันท์
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ที่ล่าสุดนายอำเภอไม้แก่น และเจ้าหน้าที่ถูกลอบวางระเบิดเสียชีวิตว่า จากการประชุมกับผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ได้มีการพูดถึงเรื่องเหล่านี้ คิดว่าคงต้องให้เวลากับผู้ที่ปฏิบัติงานเพราะได้สั่งการไปแล้ว ต้องดูว่าสามารถทำอย่างไรได้บ้าง แต่สิ่งที่มีความห่วงใยคงเหมือนกับประชาชนทุกคน คือ เรื่องการใช้วัตถุระเบิดในพื้นที่ที่ทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตข้าราชการ ครู หรือแม้กระทั่งชีวิตของประชาชน
"นโยบายสมานฉันท์ของรัฐบาลคงไม่เปลี่ยนแปลง ผมตอบได้ว่าในฐานะที่เคยถืออาวุธมาก่อน เราไม่รู้ว่าจะใช้ความรุนแรงกับใคร มองใครก็มีแต่ผู้หญิงกับเด็ก และเราจะทำอะไรได้"
ส่วนที่ผู้ก่อความไม่สงบพยายามสร้างเหตุการณ์ความรุนแรงเพื่อดึงให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาแก้ปัญหานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลได้พยายามทำความเข้าใจกับมิตรประเทศ โดยเฉพาะมิตรประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม คิดว่าเราได้รับความเชื่อถือและได้รับการยอมรับในวิธีการแก้ปัญหา
พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการเพื่อสอบสวนและศึกษาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ประธาน คมช.ระบุว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แฝงตัวอยู่ในสถานศึกษา มหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯว่า ทางคณะกรรมาธิการได้รับทราบข้อมูลว่ามีผู้ก่อความไม่สงบแฝงตัวอยู่จริง แต่เป็นเพียงแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งไม่มีความสามารถที่จะก่อเหตุหรือสร้างความเสียหาย อันตรายที่รุนแรงให้เกิดได้ โดยคนกลุ่มนี้เป็นตัวที่เชื่อมโยงไปยังอีกกลุ่มที่มีศักยภาพมากพอที่จะสร้างสถานการณ์รุนแรงให้เกิดขึ้น และมีความสามารถทำได้เพียงระดมคนไปชุมนุมก่อม็อบเรียกร้องเท่านั้น แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงต้องระวัง
***ครม.อนุมัติเสริมทหารลงใต้
ด้านนายณัฐฐวัฒน์ สุทธิโยธิน ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.วานนี้ว่า ครม.ได้อนุมัติหน่วยทหารพรานเพิ่มเติมให้กับกองทัพภาคที่ 4 เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยเพิ่มกำลังกองบังคับการทหารพราน 2 กองบังคับการ กำลังพล 96 อัตรา กองร้อยทหารพราน 28 กองร้อย กำลังพล 2,520 อัตรา กองบังคับการหมวดทหารพรานหญิง 1 กองบังคับการ กำลังพล 3 อัตรา และหมู่ทหารพรานหญิง 11 หมู่ กำลังพล 143 อัตรา รวมกำลังพล 2,760 อัตรา งบประมาณในการจัดตั้งหน่วย (ระยะเวลา 1 ปี) จำนวน 1,474,541,994 บาท และงบประมาณสำหรับดำรงสภาพหน่วย (ระยะเวลา 1 ปี) ตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไปปีละจำนวน 381,959,510 บาท
นายณัฐฐวัฒน์ ให้เหตุผลที่ต้องเพิ่มกำลังพลว่า กระทรวงกลาโหมชี้แจงว่าการดำเนินการทางยุทธศาสตร์ ถือว่าประสบผลสำเร็จ แต่ทางยุทธวิธีกำลังพลไม่เพียงพอที่จะไปคุ้มครองคนในพื้นที่ ประกอบกับที่ผ่านมาเคยมีการส่งกำลังพลไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ในช่วง เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่าการทำงานได้ผลดี มีความยืดหยุ่น เข้าถึงพื้นที่ได้ง่าย ดังนั้น จึงมีการอนุมัติกำลังพลเพิ่ม โดยต้องมีการคัดคนและเข้ารับการฝึกก่อนที่จะส่งลงไปปฏิบัติในพื้นที่