xs
xsm
sm
md
lg

พม.ไม่ถอดใจดันสภาชุมชนต้องมีแผน-งบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“หมอพลเดช” ยันไม่ถอดใจดัน กม.สภาองค์กรชุมชน ย้ำเรื่องยังอยู่ในขั้นประสานความเห็น ตามที่ ครม.เสนอ ระบุการออกเป็นระเบียบสำนักนายกฯ เป็นทางออกหนึ่ง แต่ก็ควรมีแผนงานและงบประมาณรองรับ
 
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป รมช.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน ว่า ขั้นตอนในขณะนี้อยู่ที่ ครม.และคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ครม.ได้ตัดสินใจให้กฤษฎีกากลับไปพิจารณา ประสานความเห็นต่างๆ ดังนั้นขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกาไม่ได้มีการถอนออก โดยให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งทางกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ก็ได้ให้ข้อมูล ให้เวลา และให้โอกาสในการทำความเข้าใจ แต่เราไม่ได้ถอดใจเพราะภารกิจที่เราช่วยกันอยู่ในรัฐบาลมีเรื่องที่หนักๆ อยู่มาก ดังนั้นจึงไม่ควรมีใครถอดใจแม้แต่คนเดียว ต้องช่วยกันประคับประคองประเทศให้เดินต่อไป นอกจากนี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็มีสิทธิ์เสนอกฎหมายเช่นกัน ก็เป็นเรื่องที่ค่อยๆ ว่ากันไป
 
นพ.พลเดช กล่าวว่า หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้หารือร่วมกันแล้วเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. โดยเห็นตรงกันว่าจะทำแผนงานร่วมกันในการส่งเสริมกิจกรรมเครือข่าย สภาองค์กรชุมชน แต่ในรายละเอียดคงต้องหารือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องก่อน ซึ่งหากจะมีการดำเนินการก็จะเสนอแผนดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) เสนอให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่มีความพร้อมดำเนินการให้มีสภาองค์กรชุมชน โดยไม่ต้องออกเป็นกฎหมาย นพ.พลเดช กล่าวว่า เนื้อหาในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ก็ให้เป็นไปตามความพร้อมของชุมชนอยู่แล้ว ไม่มีการจัดตั้งแต่เป็นการก่อตั้งขึ้นมา โดยภาคประชาชน เพราะฉะนั้นถึงแม้จะมีกฎหมายแต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ตามความพร้อม แต่ถ้าไม่มีกฎหมายก็สามารถทำได้ แต่ต้องแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเราอยากเห็นว่าถ้าทำได้เร็วกว่านี้ก็จะเป็นผลดีต่อการปฏิรูปการเมือง
 
ส่วนที่นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย เสนอให้ออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนนั้น นพ.ดลเดช กล่าวว่า ก็เป็นทางหนึ่ง แต่นอกจากระเบียบสำนักนายกฯ แล้วควรจะมีแผนงานและงบประมาณรองรับในการทำงานจริง
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากออกเป็นระเบียบแล้วทางกระทรวงรับได้ ก็จะไม่จำเป็น ต้องไขก๊อกใช่หรือไม่ นพ.พลเดช กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ต้องไปพูดเรื่องนั้นแล้ว เพราะเราได้ทำหน้าที่และแสดงจุดยืนและหลักการที่ชัดเจนแล้ว ทั้งนี้จุดที่สำคัญมากกว่า การมีกฎหมายคือการที่สังคมมีความเข้าใจและสนใจในเรื่องดีๆ ก็จะทำให้สังคมหวงแหนกฎหมาย ไม่ใช่ว่าเป็นกฎหมายของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ฉะนั้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ตนถือว่าเป็นความก้าวหน้าอย่างมากที่ทำให้สังคมเรียนรู้และสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ให้ถกเถียงกันเพราะจะเกิดความแตกฉานทางปัญญา
 
ส่วนที่บอกว่าจะมีแผนงานร่วมกัน พอจะมีรูปแบบคร่าวๆ ออกมาก่อนหรือไม่ นพ.พลเดช กล่าวว่า เราอยากจะเห็นการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายขององค์กรชุมชนในระดับตำบล จังหวัด โดยรูปแบบไม่จำเป็นจะต้องเป็นสภาองค์กรชุมชน โดยจะเรียกชื่ออื่น ก็ได้ขึ้นอยู่กับการหารือกัน เพียงแต่การให้มีเป็นกฎหมายเพื่อให้เกิดความมั่นคงเพราะหากเป็นมติครม.เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้วคำสั่งก็จะหมดความศักดิ์สิทธิ์ลง แต่หาก ออกเป็นระเบียบสำนักนายกฯ แม้จะมีรัฐบาลใหม่ระเบียบก็ยังใช้อยู่ ซึ่งหากรัฐบาลใหม่ จะยกเลิกก็ต้องไปยกเลิกระเบียบ แต่ถ้าเป็นกฎหมายก็จะมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากในที่สุดไม่มีการออกกฎหมายดังกล่าว ยืนยันหรือไม่ว่าทั้งรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยการพัฒนาสังคมฯ จะไม่ลาออกจากตำแหน่ง นพ.พลเดช กล่าวว่า ยืนยันว่าจะทำงานต่อไป เพราะตอนนี้ปัญหาของประเทศมีเยอะมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น