“ธรรมรักษ์-เฮียเพ้ง-เสธ.ไอซ์” กระอักแน่ อนุกรรมการฯ กกต. เตรียมเสนอ กกต.ให้ดำเนินคดีอาญา พร้อมพวกรวม 9 คน หลังจากตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบ ทรท.ตามความเห็นของอนุกรรมการฯชุด “นาม ยิ้มแย้ม” ให้ความเห็นไว้ คาด กกต.ประชุมพิจารณาเพื่อดำเนินการส่งฟ้องวันนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนและปัญหา หรือข้อโต้แย้ง(คณะที่ 4 ) ที่มีนายประชิต ศรศักดา อดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นประธานสอบสวน กรณีตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทย และตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จะถูกดำเนินคดีอาญาด้วยหรือไม่ ตามคำสั่งที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นนั้น ได้ดำเนินการ สรุปผลและเตรียมจะเสนอ กกต.ในวันนี้(20 มิ.ย.) โดยระบุว่า พยานหลักฐานที่ปรากฎ กกต.ในฐานะผู้เสียหาย สามารถดำเนินคดีอาญากับอดีตผู้บริหารพรรคไทยรักไทยและพวกรวม 9 คน ได้ตามที่อนุกรรมการสืบสวนสอบสวนชุดนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธานมีความเห็นไว้
ทั้งนี้ ตามรายงานผลสอบสวนของนายนามระบุว่า 1.พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งขณะกระทำความผิด ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2. นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
3.พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่งหัวหน้านายทหารเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 4. พล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้านายทหารเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความผิดตามมาตรา 47 และมาตรา 100 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ,ส.ว.ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ด้วยกฎหมาย กระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง โดยให้เงินสนับสนุนแก่พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง และสนับสนุนผู้ที่รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครลงรับเลือกตั้ง รวมทั้งมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 , 268 , 83, 84, 86 คือใช้ให้บุคคลอื่นปลอมแปลงเอกสาร
5.นายพงศ์ศรี หรือยุทธพงศ์ ศิวาโมกข์ 6.นายทวี สุวรรณพัฒน์ 7.นายธีรชัย หรือต้อย จุลภัทร์ คนสนิทของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ถือเป็นคนกลาง ในการติดต่อระหว่างพรรคไทยรักไทยกับพรรคพัฒนาชาติไทยมีความผิดฐานสนับสนุนผู้ที่รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครไปสมัครรับเลือกตั้งตามม าตรา 100 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส., ส.ว. ประกอบมาตรา มาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา รวมทั้งมีความผิดฐานเป็นตัวการให้บุคคลอื่นปลอมแปลงเอกสาร ตามมาตรา 246 ประกอบมาตรา 83 และเป็นผู้สนับสนุนให้มีการใช้เอกสารปลอมดังกล่าวอันมีความผิด ประกอบมาตรา 286 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
8.นายสมชาย สุขประเสริฐ 9.นายประพันธ์ พรหมรัตน์ ซึ่งเป็นผู้ชักชวนและดำเนินการให้ผู้ที่ขาดคุณสมบัติในการสมัครไปสมัครรับเลือกตั้ง จึงมีความผิดฐานสนับสนุนให้กระทำความผิดตามมาตรา 137 267 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ( 20 มิ.ย.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีวาระในการประชุมในช่วงเช้า ซึ่งองค์ประชุมน่าจะครบทั้ง 5 คน เนื่องจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งมี กกต.เป็นสมาชิก งดประชุม คาดว่าอาจจะมีการหยิบผลสรุปของอนุกรรมการฯ ดังกล่าวมาพิจารณาด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนและปัญหา หรือข้อโต้แย้ง(คณะที่ 4 ) ที่มีนายประชิต ศรศักดา อดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นประธานสอบสวน กรณีตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทย และตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จะถูกดำเนินคดีอาญาด้วยหรือไม่ ตามคำสั่งที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นนั้น ได้ดำเนินการ สรุปผลและเตรียมจะเสนอ กกต.ในวันนี้(20 มิ.ย.) โดยระบุว่า พยานหลักฐานที่ปรากฎ กกต.ในฐานะผู้เสียหาย สามารถดำเนินคดีอาญากับอดีตผู้บริหารพรรคไทยรักไทยและพวกรวม 9 คน ได้ตามที่อนุกรรมการสืบสวนสอบสวนชุดนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธานมีความเห็นไว้
ทั้งนี้ ตามรายงานผลสอบสวนของนายนามระบุว่า 1.พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งขณะกระทำความผิด ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2. นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
3.พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่งหัวหน้านายทหารเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 4. พล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ ขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้านายทหารเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความผิดตามมาตรา 47 และมาตรา 100 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ,ส.ว.ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ด้วยกฎหมาย กระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง โดยให้เงินสนับสนุนแก่พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง และสนับสนุนผู้ที่รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครลงรับเลือกตั้ง รวมทั้งมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 , 268 , 83, 84, 86 คือใช้ให้บุคคลอื่นปลอมแปลงเอกสาร
5.นายพงศ์ศรี หรือยุทธพงศ์ ศิวาโมกข์ 6.นายทวี สุวรรณพัฒน์ 7.นายธีรชัย หรือต้อย จุลภัทร์ คนสนิทของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ถือเป็นคนกลาง ในการติดต่อระหว่างพรรคไทยรักไทยกับพรรคพัฒนาชาติไทยมีความผิดฐานสนับสนุนผู้ที่รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครไปสมัครรับเลือกตั้งตามม าตรา 100 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส., ส.ว. ประกอบมาตรา มาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา รวมทั้งมีความผิดฐานเป็นตัวการให้บุคคลอื่นปลอมแปลงเอกสาร ตามมาตรา 246 ประกอบมาตรา 83 และเป็นผู้สนับสนุนให้มีการใช้เอกสารปลอมดังกล่าวอันมีความผิด ประกอบมาตรา 286 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
8.นายสมชาย สุขประเสริฐ 9.นายประพันธ์ พรหมรัตน์ ซึ่งเป็นผู้ชักชวนและดำเนินการให้ผู้ที่ขาดคุณสมบัติในการสมัครไปสมัครรับเลือกตั้ง จึงมีความผิดฐานสนับสนุนให้กระทำความผิดตามมาตรา 137 267 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ( 20 มิ.ย.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีวาระในการประชุมในช่วงเช้า ซึ่งองค์ประชุมน่าจะครบทั้ง 5 คน เนื่องจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งมี กกต.เป็นสมาชิก งดประชุม คาดว่าอาจจะมีการหยิบผลสรุปของอนุกรรมการฯ ดังกล่าวมาพิจารณาด้วย