สำนักการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ โชว์ผลงานตามจับผู้ต้องหา โกงภาษี ทำให้รัฐขาดรายได้ กว่า 365 ล้านบาท ส่งฝากขังศาลอาญาธนบุรี คัดค้านประกัน อายัดตัวดำเนินคดียาเสพติด
วานนี้ ( 18 มิ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงว่า พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ผบ.สำนักการเงินการธนาคาร ได้ทำการจับกุมนายอุฬาร นามโศภิษฐ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 3274/2548 ฐานหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ฝ่ายสรรพกร โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรือโดยวิธีการอื่นใดในทำนองเดียวกัน ตามมาตรา 37(2) ประมวลรัษฎรกร ทำให้รัฐขาดรายได้ 365,513,460 .43 บาท โดยจับกุมได้เมื่อเย็นวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าว
นายสุนัย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ผู้ต้องหาเป็นบุคคลที่คณะทำงานติดตามตรวจสอบเพื่อเร่งรัดดำเนินการใช้มาตรการทางภาษีกับผู้กระทำผิดและผู้มีอิทธิพล ได้แจ้งให้กรมสรรพากร ดำเนินการออกหมายเรียกตรวจสอบภาษี โดยผลการตรวจสอบพบว่า เมื่อปี 2536-2537 ผู้ต้องหาเคยยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคธรรมดา พบมีเงินได้จากการเย็บเสื้อผ้าเพียง 300,000 – 400,000 บาท หลังจากนั้นผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีอีกเลย ทั้งที่ผู้ต้องหามีบัญชีเงินฝากในธนาคารต่างๆ ในนามของภรรยา บุตร 4 คน เป็นจำนวนมาก แต่ผู้ต้องหาไม่ไปพบเจ้าพนักงานประเมินภาษี เพื่อชี้แจงที่มาของเงินดังกล่าว
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวอีกว่า เมื่อสอบสวนภรรยาและบุตรของผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าตัวเองไม่มีอาชีพ เงินฝากในบัญชีทั้งหมดเป็นของผู้ต้องหา และในการถอนเงินหรือฝากเงินแต่ละครั้ง ผู้ต้องหาจะรู้ยอดเงินคงเหลือตลอด เชื่อว่าผู้ต้องหามีเจตนาหลบหลี่งภาษี จึงออกหมายจับดำเนินคดีอาญาฐานหลี่กเลี่ยงการเสียภาษีอากร ตาม มาตรา 37(2) ประมวลรัษฎรกร อัตราโทษจำคุก 3 เดือน-7 ปี พร้อมคำนวนยอดเงินฝากของผู้ต้องหาที่ถือเป็นเงินได้ที่ต้องประเมินภาษีรวมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มที่ผู้ต้องหาต้องจ่ายให้รัฐ จำนวน 365,513,460 .43 บาท ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฎิเสธ จึงควบคุมตัวฝากขังต่อศาลอาญาธนบุรี พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีมูลค่าสูงและผู้ต้องหายังมีหมายจับของตำรวจน้ำในคดียาเสพติด ขณะนี้ได้ประสานตำรวจอายัดตัวดำเนินคดีแล้ว
วานนี้ ( 18 มิ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงว่า พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ผบ.สำนักการเงินการธนาคาร ได้ทำการจับกุมนายอุฬาร นามโศภิษฐ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 3274/2548 ฐานหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ฝ่ายสรรพกร โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรือโดยวิธีการอื่นใดในทำนองเดียวกัน ตามมาตรา 37(2) ประมวลรัษฎรกร ทำให้รัฐขาดรายได้ 365,513,460 .43 บาท โดยจับกุมได้เมื่อเย็นวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าว
นายสุนัย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ผู้ต้องหาเป็นบุคคลที่คณะทำงานติดตามตรวจสอบเพื่อเร่งรัดดำเนินการใช้มาตรการทางภาษีกับผู้กระทำผิดและผู้มีอิทธิพล ได้แจ้งให้กรมสรรพากร ดำเนินการออกหมายเรียกตรวจสอบภาษี โดยผลการตรวจสอบพบว่า เมื่อปี 2536-2537 ผู้ต้องหาเคยยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคธรรมดา พบมีเงินได้จากการเย็บเสื้อผ้าเพียง 300,000 – 400,000 บาท หลังจากนั้นผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีอีกเลย ทั้งที่ผู้ต้องหามีบัญชีเงินฝากในธนาคารต่างๆ ในนามของภรรยา บุตร 4 คน เป็นจำนวนมาก แต่ผู้ต้องหาไม่ไปพบเจ้าพนักงานประเมินภาษี เพื่อชี้แจงที่มาของเงินดังกล่าว
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวอีกว่า เมื่อสอบสวนภรรยาและบุตรของผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าตัวเองไม่มีอาชีพ เงินฝากในบัญชีทั้งหมดเป็นของผู้ต้องหา และในการถอนเงินหรือฝากเงินแต่ละครั้ง ผู้ต้องหาจะรู้ยอดเงินคงเหลือตลอด เชื่อว่าผู้ต้องหามีเจตนาหลบหลี่งภาษี จึงออกหมายจับดำเนินคดีอาญาฐานหลี่กเลี่ยงการเสียภาษีอากร ตาม มาตรา 37(2) ประมวลรัษฎรกร อัตราโทษจำคุก 3 เดือน-7 ปี พร้อมคำนวนยอดเงินฝากของผู้ต้องหาที่ถือเป็นเงินได้ที่ต้องประเมินภาษีรวมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มที่ผู้ต้องหาต้องจ่ายให้รัฐ จำนวน 365,513,460 .43 บาท ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฎิเสธ จึงควบคุมตัวฝากขังต่อศาลอาญาธนบุรี พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีมูลค่าสูงและผู้ต้องหายังมีหมายจับของตำรวจน้ำในคดียาเสพติด ขณะนี้ได้ประสานตำรวจอายัดตัวดำเนินคดีแล้ว