รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน”ออกอากาศทาง เอเอสทีวี วันที่ 15 มิ.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผ็จัดการ เป็นผู้ดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้แจ้งว่า ตั้งแต่เวลา 7.00 น.วันที่ 16 มิ.ย. กลุ่มที่เรียกว่ากลุ่ม "พลังเงียบรักแผ่นดิน" ที่ประกอบด้วยข้าราชการและประชาชนทุกหมู่เหล่า จะชุมนุมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อแสดงพลังเพื่อเทิดพระเกียรติ และแสดงความรักชาติ เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหลายอยู่ในความสงบ และเคารพกติกาของบ้านเมือง
นายสนธิ กล่าวเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันไปแสดงพลังเพื่อให้กลุ่มที่ต้องการสร้างความวุ่นวายให้หยุดการกระทำเหล่านั้นเสียที พร้อมกันยังได้เรียกร้องให้ประชาชนที่ออกไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปให้ร่วมใจกันใส่เสื้อเหลืองให้เต็มลานพระรูป จากนั้นในเวลาประมาณ 8.00 น.จะมีการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเปล่งวาจาถวายความจงรักภักดีโดยพร้อมเพรียงกันแล้วก็แยกย้ายกลับบ้านด้วยความสงบ
หลังจากนั้น นายสนธิ ได้เปิดเทปการปราศรัยบนเวทีการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของ นพ.เหวง โตจิราการ เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2549 โดยในครั้งนั้นได้กล่าวโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างรุนแรงโดยกล่าวหาว่าเป็นคนขายชาติ แต่ในวันนี้กลับขึ้นเวทีสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และกล่าวชื่นชมว่า เขารักทักษิณ เพราะทักษิณรักประชาธิปไตย ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสับปลับของ นพ.เหวง และสะท้อนถึงคุณภาพของคนที่เข้าร่วมชุมนุมที่สนามหลวง ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ แต่จริงๆ ควรจะเรียกว่า “ม็อบไข่แม้ว”
จากนั้น นายสนธิ กล่าวว่า ภายในวันสองวันนี้บ้านเมืองจะวุ่นวาย พราะมีการว่าจ้างกลุ่มผู้ชุมนุมหัวละ 300-500 บาท ซึ่งในช่วงนี้จะมีการว่าจ้างให้เข้ามาร่วมชุมนุมกันมากเป็นพิเศษ ซึ่งในวันเสาร์ที่ 16 มิ.ย. ก็จะเป็นวันกดดันคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) จะมีการระดมมาจากทั่วประเทศรวมทั้งในกทม.และปริมณฑลภายใต้การดูแลของเครือข่ายของอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย
นายสนธิ กล่าวว่า เงินจำนวน 300-500 บาทมีความสำคัญกับคนยากคนจนก็ต้องรับเอาไว้ แต่ถ้าหากเกิดความรุนแรงหรือมีการบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้น คนเหล่านี้ก็จะรับกรรม แต่คนที่ว่าจ้างก็จะรอดตัว
นายสนธิกล่าวว่า ปัญหาแรงกดดันที่เกิดขึ้นอย่างหนักในช่วงนี้เป็นเพราะมีการอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวนั่นเอง พร้อมทั้งเปิดโปงว่าเงินที่ถอนออกไปวันละพันล้านบาทก่อนถูกอายัดนั้นไม่ได้ไปไหนแต่เอามาจ่ายเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับการชุมนุมในทุกวันนี้ ดังนั้นกลุ่มที่ชุมนุมในทุกวันนี้เป็นคนที่รักทักษิณ ไม่ได้รักในหลวง
นายสนธิ ยังแฉอีกว่า ในวันที่ 16 มิ.ย.ผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนไปที่กองบัญชาการกองทัพบก แล้วจะมีการเผาตัวตายเพื่อให้สื่อต่างประเทศเผยแพร่ออกไปทั่วโลก ซึ่งน่าเสียใจถ้าเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นจริงๆ เพราะเป็นการเผาตัวตายเพื่อช่วยเหลือกบฏทำลายชาติ
**แฉกำพืด“แม้ว”นักผูกขาด
ในช่วงที่ 2 ของรายการ นายสนธิ ได้กล่าวถึงความแตกแยกของแผ่นดินในขณะนี้ว่า เกิดขึ้นเพราะว่าคนๆ เดียวที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ยอมอยู่ใต้กฎหมาย ไม่เคารพกติกา ไม่รักบ้านรักเมือง และอยากจะฝากไปถึงผู้ชุมนุมที่อยู่ท้องสนามหลวงว่า ขณะนี้แกนนำพรรคไทยรักไทยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายเนวิน ชิดชอบ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รวมถึงคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้เดินทางออกนอกประเทศแล้ว เหลือแต่พวกม็อบที่ใช้คำหยาบคายอยู่บนเวที กับประชาชนที่จ้างมาหัวละ 300-500 บาท ทั้งที่เอเยนต์ใหญ่ได้มาหัวละ 1 พันบาท แต่มีการหักหัวคิว และมีการแบ่งล็อกกันล็อกละ 100 คน ถ้าหาคนมาได้ 1,000 ล็อก ก็ได้คนถึง 100,000 คน แต่คนที่นิยมทักษิณจริงๆ จะมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่หากินกับระบอบทักษิณ
นายสนธิ ได้กล่าวถึงแกนนำม็อบกลุ่มนี้ว่า นายวีระ มุสิกพงศ์นั้น เป็นคนสงขลา เคยเป็น ส.ส.พัทบุง แต่วันนี้กลับภาคใต้ไม่ได้ ไปลงเลือกตั้งที่ไหนก็แพ้หมด จึงเหลือรถขบวนสุดท้ายที่ต้องเกาะพ.ต.ท.ทักษิณไว้ก่อน ซึ่งหากจบตรงนี้แล้วก็ไม่รู้ไปไหนต่อ
ส่วนนายจตุพร พรหมพันธ์ เคยทำกิจกรรมในรามคำแหง เคยต่อสู้ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พอมาอยู่ไทยรักไทยเริ่มแรก พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา จนเกิดพันธมิตรฯ ขึ้นมาไล่ทักษิณ คนอื่นๆ ไม่กล้าเอาตัวออกมาสู้ ก็เหลือแต่นายจุตพรที่ออกมาสู้ให้นาย ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นรองโฆษกพรรค และคิดว่าจะปราบพันธมิตรฯ ได้ แต่ปรายไม่ได้ เพราะพันธมิตรฯ ต่อสู้อยู่บนอุดมการณ์อันแข็งแกร่ง จนกระทั่งทักษิณต้องหนีออกนอกประเทศ นายจตุพรถอยก็ไม่ได้ ยืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะไปไหน แต่จู่ๆ มีเงินเป็นก้อนๆ หล่นลงมา ก็จึงรับมาแล้วมาดำเนินการ
นายสนธิ กล่าวต่อว่า นายวีระ กับนายจตุพรไม่มีราคามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เสียดายแต่นายจักรภพ เพ็ญแข ที่เกิดในตระกูลดี เคยทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ ถ้าเชื่อมั่นในตัวทักษิณ ทำไมไม่ใช้ความเป็นผู้ดีของตัวเองอธิบายว่าทำไมต้องสู้เพื่อทักษิณ แต่วันนี้ คำพูดของนายจักรภพไม่ได้สะท้อนคุณภาพการศึกษา ชาติวุฒิที่มีมา เหมือนไม่เหมือนเคยเป็นลูกศิษย์ของนายพิชัย วาสนาส่ง ขึ้นเวทีด่าคนโน้นคนนี้ว่า “ไอ้สัตว์ ไอ้เวร” ขนาดตนอยู่ในวงการมานาน ก็ยังไม่เคยเรียกใครว่าสัตว์ แม้ในพรรคไทยรักไทยมีหลายคนสมควรถูกเรียกก็ตาม
หลังจากนั้น นายสนธิ ได้กล่าวถึงความเป็นมาของพ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นคนเรียนเก่ง คิดเร็ว ทำเร็ว เก่งคณิตศาสตร์ บวกเลขเก่ง แต่ตกเรื่องการหาร เริ่มเข้าสู่การเมืองโดยการเป็นตำรวจติดตามนายปรีดา พัฒนฐาบุตร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เรียกว่าเป็นครูทางการเมือง แต่พอทักษิณยิ่งใหญ่ขึ้นมา ก็ลืมคนที่เป็นครู แม้แต่ภรรยาตายก็ไม่ไปงานศพ
“พ.ต.ท.ทักษิณ แต่งงานกับพจมาน ชินวัตร ลูกสาวคนเดียวของ พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ และนางพจนีย์ ณ ป้อมเพ็ชร พล.ต.ท.เสมอ รักลูกสาวคนนี้มาก และลูกสาวก็รักพ่อมาก พจมาน ชินวัตร เรียนจบ ร.ร.เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ จบแล้วอายุ 19 ก็แต่งงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีอายุ 25 ปี เรียกว่าจบ ม.8 ก็แต่งงานเลย เพราะฉะนั้นแล้วแวดวงของคุณพจมาน ก็เลยขาดช่วงตอนของการที่จะได้รับองค์ความรู้ทางด้านวัฒนธรรม พื้นฐานการศึกษาทางด้านระดับมหาวิทยาลัยไปอย่างน่าเสียดาย”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า นั่นคือที่มาที่คุณหญิงพจมานต้องอยู่ในแวดวงอำนาจ ที่มีพ่อเป็นนายพล มีสามีเป็นตำรวจ ที่ต้องดูแลให้สามีได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และต่อมาภายหลังก็มาทำธุรกิจให้สามี ก็เลยเป็นคนซึ่งยุ่งเกี่ยวกับการธุรกิจมาตลอด ไม่ว่างเว้นจากการแสวงหากำไรและขาดทุน คุณหญิงพจมาน จึงพูดกับนายเสนาะ เทียนทอง ครั้งหนึ่งเมื่ออยู่พรรคไทยรักไทยว่า การเมืองนั้นคือธุรกิจ เมื่อมีการลงทุนแล้ว ก็ต้องมีผลตอบแทน
สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มทำธุรกิจจริงๆ หลังจากทำธุรกิจที่แข่งกับชาวบ้านแล้วเจ๊ง ไม่ว่าจะเป็นโรงหนัง ซื้อหนังไปขาย ทำทุกอย่างเจ๊งหมด จึงมาทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการประมูล ตำแหน่งสุดท้าย ในกรมตำรวจคือการได้ดูแลระบบสารสนเทศของกรมตำรวจ จึงคิดตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ เพื่อเอาคอมพิวเตอร์ ไปจำหน่ายให้หน่วยงาราชการ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า การขายของให้ราชการนั้น ต้องมีการจ่าย ที่คนจีนที่เรียกว่า “เก๋าเจี๊ยะ” คือ เอาเงินให้หมา จึงจะทำการค้าได้
ด้วยเหตุนี้ ความเคยชินเรื่องการวิ่งเต้นสัมปทาน จึงฝังอยู่ในสมองของพ.ต.ท.ทักษิณ เขาวิ่งเต้นขายคอมพิวเตอร์ไอบีเอ็ม จึงสนิทสนมกับคนที่อยู่ในไอบีเอ็ม อย่างนายสมประสงค์ บุญยชัย นายนิวัฒน์ ธำรง ซึ่งต่อมาคนพวกนี้ก็ทำงานในเครือชินคอร์ปฯ โดยเฉพาะนายนิวฒน์ ผู้บริหารไอทีวี ที่เปลี่ยนชื่อเป็นนิวัฒณ์ธำรง บุญทรงไพศาล เพราะคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะอยู่อีก 8 – 12 ปี
พ.ต.ท.ทักษิณเกิดในวงการสัมปทานครั้งแรกโดยการไปทำความสนิทสนมกับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯสมัยรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งก็อาศัยนายตำรวจรุ่นเดียวกันคือ พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย แนะนำให้ หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็แวะไปเยี่ยม ซื้อลาดหน้า เนกไท ไปฝากร.ต.อ.เฉลิมที่ทำเนียบทุกวัน จนสนิทกันมากขึ้น ก็ขอสัมปทานเคเบิลทีวีไอบีซี เคเบิลทีวีเจ้าแรกของไทย แต่ต่อมา พล.อ.ชาติชาย ก็ขอให้ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมปทานแก่ไทยสกายทีวีของนายคีรี กาญจนพาสน์ ด้วย เพราะบิดาของนายคีรี คือนายมงคลนั้น เคยช่วยเหลือจอมพลผิน บิดาของพล.อ.ชาติชายมาก่อน เมื่อร.ต.อ.เฉลิมอนุมัติให้ พ.ต.ท.ทักษิณก็โกรธ ร.ต.อ.เฉลิมมาก
ต่อมาเมื่อเกิดการยึดอำนาจรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย โดย รสช. ร.ต.อ.เฉลิมถูกไล่ออกนอกประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณก็ซ้ำเติม ร.ต.อ.เฉลิม แล้ววิ่งเข้าเผด็จการ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ประธาน รสช. ซึ่งมีนายทหารใกล้ชิดคอยประสานงานให้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ซึ่งต่อมาพ.ต.ท.ทักษิณได้ตอบแทนด้วยการตั้งเป็น รมว.กลาโหม
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังแนะนำให้พล.อ.สุนทรรู้จักกับนางอัมพาพันธ์ ซึ่งเคยมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน ซึ่งต่อมานางอัมพาพันธ์ก็ได้เป็นภรรยาอีกคนของพล.อ.สุนทร นี่คือที่มาของสัมปทานดาวเทียมชินแซทเทิลไลท์
ก่อนหน้านั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้วิ่งเต้นกับนายมนตรี พงษ์พานิช รมว.คมนาคม เพื่อขอสัมปทานโทรศัพท์มือถือ ระบบเซลลูลาร์ 900 จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท) โดยมีคนช่วยเหลือคือนายไพบูลย์ ลิมปพยอม อดีต ผอ.ทศท ซึ่งต่อมานายไพบูลย์ก็ได้มาทำงานกับกลุ่มชินฯ จนทุกวันนี้
“คุณทักษิณ ชินวัตร ได้มาซึ่งสัมปทาน ด้วยการใกล้ชิดสนิทสนมกับบรรดาข้าราชการทั้งหลาย และนักการเมือง แน่นอนที่สุดก็ต้องมีการจ่ายเงินจ่ายทองกันใต้โต๊ะ หรือที่พวกเราคนจีนเรียกกันว่า เก๋าเจี๊ยะ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่าคุณทักษิณ ชินวัตรนั้นเริ่มจะเป็นคนรวยได้ด้วยวิถีทางที่ไม่ชอบธรรม จริยธรรมในการได้งานมานั้นก็ไม่มีมาตั้งแต่ต้นแล้ว”
นายสนธิกล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนกลัวภรรยา เพราะเป็นคนดูแลกิจการให้และตัวเองอยู่ในตำแหน่งตำรวจได้เพราะพ่อตาเป็นบันดาลให้ การจะทำอะไรภรรยาต้องไฟก่อนเขียวตลอด น้องๆ มาขอเงิน ถ้าภรรยาไม่ให้ ทักษิณก็ไม่กล้าให้ โครงการที่เสนอเข้ามาในชินคอร์ปฯ ถ้าไม่คุยกับภรรยาให้รู้เรื่องก่อน โครงการนั้นล้มทุกที เพราะฉะนั้นตอนหลังโผตำรวจ ทหาร ไม่ได้ทำที่ สตช. ทบ. ทอ. แต่ทำที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ทุกคนจึงวิ่งเข้าหา คุณหญิงพจมานจึงเป็นนางพญาในตอนนั้น
“คุณทักษิณ และคุณพจมาน ชีวิตวิ่งเต้นมาตลอด มีอยู่ครั้งหนึ่ง พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ ถูกตั้งกรรมการสอบสวนคดีเบนซ์แวน ข้อหาอนุมัติให้รถเบนซ์ ซึ่งจะต้องเสียภาษีตามพิกัดรถเก๋งนั่ง แต่ให้เสียภาษีตามพิกัดรถแวนได้ โดนตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษทางวินัย พจมาน ชินวัตร ซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียว แค้นแทนพ่อบ้าง คุณทักษิณ ชินวัตร เคยเข้าไปพบคนๆ หนึ่งซึ่งเป็นคนสุโขทัย ชื่อสุวิทย์ มหาแถลง ที่เสียชีวิตไปแล้ว เพื่อไปวิ่งเต้นขอให้ช่วยพ่อเขา”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า คนที่รักพ่อมาก แค้นมากที่พ่อตัวเองโดนแกล้ง หรือแค้นมากที่พ่อตัวเองโดนคดี ความเจ็บช้ำน้ำใจมีอยู่ในหัวใจ ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีความสุขหรอกที่ต้องไปนั่งเยี่ยมเฉลิม อยู่บำรุง ทุกวันที่ทำเนียบฯ เอาบะหมี่ไปให้ เอาก๋วยเตี๋ยวไปให้ ซื้อเนกไทไปให้ ไม่มีความสุขหรอกที่ต้องไปนั่งหน้าห้องปลัดกระทรวงคมนาคม ไม่มีความสุขที่เจอใครก็ตามต้องยกมือไหว้ เพียงเพื่อได้สัมปทานมา และเมื่อได้สัมปทานมาแล้วก็ต้องรักษาสัมปทานเพื่อไม่ให้ใครแย่งไป ตรงนี้คือปมด้อยในชีวิต เมื่อนิสัยดั้งเดิมของทักษิณ ชินวัตรเป็นคนยะโสโอหัง ต้องเก่งกว่าเพื่อน ฉลาดกว่าใครทุกคน
เมื่อมีเงินมากขึ้น พ.ต.ท.ก็อยากเล่นการเมือง ก็เขามาในพรรคพลังธรรม พอเข้าไป ก็ออกนิสัยผูกขาด ไม่ฟังใคร ขัดแย้งกับน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ พ.อ.วินัย สมพงษ์ จนพรรคแตก พอเกิดเหตุการณ์ลดค่าเงินบาท วันที่ 1 ก.ค. 2540 คนอื่นเจ๊งหมด แต่พ.ต.ท.ทักษิณร่ำรวย เพราะมีคนของตัวเองคือนายทนง พิทยะ และนายโภคิน พลกุล รู้ล่วงหน้า เมื่อคนอื่นเจ๊ง ทักษิณมองเห็นว่า เป็นโอกาสที่จะยึดประเทศไทย และโชคร้ายที่พรรคประชาธิปัตย์มีธารินทร์ นิมมานเหมินร์ ดำเนินนโยบายผิดพลกาดเรื่อง ปรส. ทักษิณจึงกลายเป็นดาวจรัสแสง พูดอะไรถูกใจคนไทยไปหมด ก็ตั้งพรรคไทยรักไทย
เมื่อตั้งพรรคลงเลือกตั้ง ก็ยังใช้ความคิดผูกขาด ซื้อไว้ล่วงหน้า หลังเลือกตั้งจึงยุบพรรคต่างๆ เข้ามารวม จุดเปลี่ยน สำคัญคือคดีซุกหุ้น ที่ทักษิณชนะ 8 ต่อ 7 เสียง ซึ่งมีเรื่องที่เชื่อได้ว่า ที่ชนะเพราะมีการให้เงินตุลาการ จากการให้การของพยานในคดีที่น.ต.ประสงค์ ถูกฟ้องหมิ่นประมาทแล้วศาลยกฟ้อง
“วันนั้นคุณทักษิณพูดว่าอย่างไรหลังจากชนะแล้ว "วันนี้ขอให้เมฆหมอกที่ผ่านมา ประเทศไทยผ่านไปด้วยดี ผมพร้อมจะทุ่มเททำงานเพื่อประเทศชาติ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันอย่าแบ่งฝ่าย แต่แบ่งหน้าที่กันทำงาน ถ้าเราแบ่งฝ่ายแล้วทะเลาะกันจะถูกหัวเราะเยาะ ผมพร้อมจะให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.ในการปราบคอร์รัปชั่น และใจกว้างพอที่จะให้ทุกๆ คนมาช่วยกันมาสร้างเครดิต ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อประเทศชาติ และในหลวงของเราที่ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายทุ่มเททำงาน เพราะต้องการให้คนไทยหายจน วันนี้ขอให้รวมกันทำงานเพื่อในหลวงของเรา"
“พ่อแม่พี่น้องครับ 3 สิงหาคม 2544 มาดู ณ วันนี้ 15 มิถุนายน 2550 เกือบ 6 ปี หันไปดูที่สนามหลวง ไปดูซิพ่อแม่พี่น้องจะเห็นได้ชัดว่าคนถ้ามันจะโกหกตอแหล ตะบัดสัตย์ ชั่วช้าในเรื่องพฤติกรรม วันนึงตัวตนที่แท้จริงมันต้องโผล่ออกมา โผล่ออกมานานแล้ว เพราะหลังจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครั้งนั้น เรื่องซุกหุ้นครั้งหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด พูดกับคนใกล้ชิด คุณสุธรรม แสงประทุม ยังเคยพูดกับผม พูดว่า พวกองค์กรอิสระต้องเอาให้อยู่ในมือเราให้หมด ไม่งั้นแล้วเราจะถูกเช็กบิลโดยองค์กรอิสระ”นายสนธิกล่าว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณคุมองค์กรอิสระโดยการคุมวุฒิสภาก่อน เพราะวุฒิสภาเป็นผู้แต่งตั้งองค์กรอิสระ ซึ่งเมื่อคุมได้แล้วก็กลั่นแกล้งคู่แข่งทางการเมือง ไม่ชอบใครก็ให้ ปปง.ไปอายัดทรัพย์ เช่น กรณ๊ นสพ.เดอะเนชั่น และอีกหลายฉบับ รวมทั้งกรณีกำนันเซียะที่กาญจนบุรี ซึ่งถูกยึดทรัพย์ เพราะไม่ยอมย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์ไปอยู่ไทยรักไทย
“วันนี้ คุณพจมาน ชินวัตร รู้สึกยังไงที่คุณถูกอายัดทรัพย์ คุณนี่ตรวจสอบทรัพย์สินชาวบ้านเขา อายัดทรัพย์คนเขาเป็นแถว เพียงเพราะว่าคุณไม่ชอบเขา วันนี้คุณถูกอายัดทรัพย์ด้วยกระบวนการขั้นตอนที่ถูกต้อง คณะกรรมการ คตส. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา คุณไปตั้งคำถามถามคุณหญิงจารุวรรณได้อย่างไรเรื่องความซื่อสัตย์ คุณไม่มีสิทธิ ท่านอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีตรองประธานศาลฎีกา ไม้บรรทัดยังสู้ความตรงของท่านไม่ได้ กล้านรงค์ จันทิก ท่านนาม ยิ้มแย้ม ท่านสัก กอแสงเรือง”นายสนธิ กล่าว และว่า เรื่องราวเบื้องหลังของพ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่หมด จะนำมาพูดต่อในสัปดาห์ถัดไป
นายสนธิ กล่าวเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันไปแสดงพลังเพื่อให้กลุ่มที่ต้องการสร้างความวุ่นวายให้หยุดการกระทำเหล่านั้นเสียที พร้อมกันยังได้เรียกร้องให้ประชาชนที่ออกไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปให้ร่วมใจกันใส่เสื้อเหลืองให้เต็มลานพระรูป จากนั้นในเวลาประมาณ 8.00 น.จะมีการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเปล่งวาจาถวายความจงรักภักดีโดยพร้อมเพรียงกันแล้วก็แยกย้ายกลับบ้านด้วยความสงบ
หลังจากนั้น นายสนธิ ได้เปิดเทปการปราศรัยบนเวทีการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของ นพ.เหวง โตจิราการ เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2549 โดยในครั้งนั้นได้กล่าวโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างรุนแรงโดยกล่าวหาว่าเป็นคนขายชาติ แต่ในวันนี้กลับขึ้นเวทีสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และกล่าวชื่นชมว่า เขารักทักษิณ เพราะทักษิณรักประชาธิปไตย ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสับปลับของ นพ.เหวง และสะท้อนถึงคุณภาพของคนที่เข้าร่วมชุมนุมที่สนามหลวง ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ แต่จริงๆ ควรจะเรียกว่า “ม็อบไข่แม้ว”
จากนั้น นายสนธิ กล่าวว่า ภายในวันสองวันนี้บ้านเมืองจะวุ่นวาย พราะมีการว่าจ้างกลุ่มผู้ชุมนุมหัวละ 300-500 บาท ซึ่งในช่วงนี้จะมีการว่าจ้างให้เข้ามาร่วมชุมนุมกันมากเป็นพิเศษ ซึ่งในวันเสาร์ที่ 16 มิ.ย. ก็จะเป็นวันกดดันคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) จะมีการระดมมาจากทั่วประเทศรวมทั้งในกทม.และปริมณฑลภายใต้การดูแลของเครือข่ายของอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย
นายสนธิ กล่าวว่า เงินจำนวน 300-500 บาทมีความสำคัญกับคนยากคนจนก็ต้องรับเอาไว้ แต่ถ้าหากเกิดความรุนแรงหรือมีการบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้น คนเหล่านี้ก็จะรับกรรม แต่คนที่ว่าจ้างก็จะรอดตัว
นายสนธิกล่าวว่า ปัญหาแรงกดดันที่เกิดขึ้นอย่างหนักในช่วงนี้เป็นเพราะมีการอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวนั่นเอง พร้อมทั้งเปิดโปงว่าเงินที่ถอนออกไปวันละพันล้านบาทก่อนถูกอายัดนั้นไม่ได้ไปไหนแต่เอามาจ่ายเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับการชุมนุมในทุกวันนี้ ดังนั้นกลุ่มที่ชุมนุมในทุกวันนี้เป็นคนที่รักทักษิณ ไม่ได้รักในหลวง
นายสนธิ ยังแฉอีกว่า ในวันที่ 16 มิ.ย.ผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนไปที่กองบัญชาการกองทัพบก แล้วจะมีการเผาตัวตายเพื่อให้สื่อต่างประเทศเผยแพร่ออกไปทั่วโลก ซึ่งน่าเสียใจถ้าเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นจริงๆ เพราะเป็นการเผาตัวตายเพื่อช่วยเหลือกบฏทำลายชาติ
**แฉกำพืด“แม้ว”นักผูกขาด
ในช่วงที่ 2 ของรายการ นายสนธิ ได้กล่าวถึงความแตกแยกของแผ่นดินในขณะนี้ว่า เกิดขึ้นเพราะว่าคนๆ เดียวที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ยอมอยู่ใต้กฎหมาย ไม่เคารพกติกา ไม่รักบ้านรักเมือง และอยากจะฝากไปถึงผู้ชุมนุมที่อยู่ท้องสนามหลวงว่า ขณะนี้แกนนำพรรคไทยรักไทยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายเนวิน ชิดชอบ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รวมถึงคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้เดินทางออกนอกประเทศแล้ว เหลือแต่พวกม็อบที่ใช้คำหยาบคายอยู่บนเวที กับประชาชนที่จ้างมาหัวละ 300-500 บาท ทั้งที่เอเยนต์ใหญ่ได้มาหัวละ 1 พันบาท แต่มีการหักหัวคิว และมีการแบ่งล็อกกันล็อกละ 100 คน ถ้าหาคนมาได้ 1,000 ล็อก ก็ได้คนถึง 100,000 คน แต่คนที่นิยมทักษิณจริงๆ จะมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่หากินกับระบอบทักษิณ
นายสนธิ ได้กล่าวถึงแกนนำม็อบกลุ่มนี้ว่า นายวีระ มุสิกพงศ์นั้น เป็นคนสงขลา เคยเป็น ส.ส.พัทบุง แต่วันนี้กลับภาคใต้ไม่ได้ ไปลงเลือกตั้งที่ไหนก็แพ้หมด จึงเหลือรถขบวนสุดท้ายที่ต้องเกาะพ.ต.ท.ทักษิณไว้ก่อน ซึ่งหากจบตรงนี้แล้วก็ไม่รู้ไปไหนต่อ
ส่วนนายจตุพร พรหมพันธ์ เคยทำกิจกรรมในรามคำแหง เคยต่อสู้ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พอมาอยู่ไทยรักไทยเริ่มแรก พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา จนเกิดพันธมิตรฯ ขึ้นมาไล่ทักษิณ คนอื่นๆ ไม่กล้าเอาตัวออกมาสู้ ก็เหลือแต่นายจุตพรที่ออกมาสู้ให้นาย ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นรองโฆษกพรรค และคิดว่าจะปราบพันธมิตรฯ ได้ แต่ปรายไม่ได้ เพราะพันธมิตรฯ ต่อสู้อยู่บนอุดมการณ์อันแข็งแกร่ง จนกระทั่งทักษิณต้องหนีออกนอกประเทศ นายจตุพรถอยก็ไม่ได้ ยืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะไปไหน แต่จู่ๆ มีเงินเป็นก้อนๆ หล่นลงมา ก็จึงรับมาแล้วมาดำเนินการ
นายสนธิ กล่าวต่อว่า นายวีระ กับนายจตุพรไม่มีราคามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เสียดายแต่นายจักรภพ เพ็ญแข ที่เกิดในตระกูลดี เคยทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ ถ้าเชื่อมั่นในตัวทักษิณ ทำไมไม่ใช้ความเป็นผู้ดีของตัวเองอธิบายว่าทำไมต้องสู้เพื่อทักษิณ แต่วันนี้ คำพูดของนายจักรภพไม่ได้สะท้อนคุณภาพการศึกษา ชาติวุฒิที่มีมา เหมือนไม่เหมือนเคยเป็นลูกศิษย์ของนายพิชัย วาสนาส่ง ขึ้นเวทีด่าคนโน้นคนนี้ว่า “ไอ้สัตว์ ไอ้เวร” ขนาดตนอยู่ในวงการมานาน ก็ยังไม่เคยเรียกใครว่าสัตว์ แม้ในพรรคไทยรักไทยมีหลายคนสมควรถูกเรียกก็ตาม
หลังจากนั้น นายสนธิ ได้กล่าวถึงความเป็นมาของพ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นคนเรียนเก่ง คิดเร็ว ทำเร็ว เก่งคณิตศาสตร์ บวกเลขเก่ง แต่ตกเรื่องการหาร เริ่มเข้าสู่การเมืองโดยการเป็นตำรวจติดตามนายปรีดา พัฒนฐาบุตร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เรียกว่าเป็นครูทางการเมือง แต่พอทักษิณยิ่งใหญ่ขึ้นมา ก็ลืมคนที่เป็นครู แม้แต่ภรรยาตายก็ไม่ไปงานศพ
“พ.ต.ท.ทักษิณ แต่งงานกับพจมาน ชินวัตร ลูกสาวคนเดียวของ พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ และนางพจนีย์ ณ ป้อมเพ็ชร พล.ต.ท.เสมอ รักลูกสาวคนนี้มาก และลูกสาวก็รักพ่อมาก พจมาน ชินวัตร เรียนจบ ร.ร.เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ จบแล้วอายุ 19 ก็แต่งงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีอายุ 25 ปี เรียกว่าจบ ม.8 ก็แต่งงานเลย เพราะฉะนั้นแล้วแวดวงของคุณพจมาน ก็เลยขาดช่วงตอนของการที่จะได้รับองค์ความรู้ทางด้านวัฒนธรรม พื้นฐานการศึกษาทางด้านระดับมหาวิทยาลัยไปอย่างน่าเสียดาย”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า นั่นคือที่มาที่คุณหญิงพจมานต้องอยู่ในแวดวงอำนาจ ที่มีพ่อเป็นนายพล มีสามีเป็นตำรวจ ที่ต้องดูแลให้สามีได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และต่อมาภายหลังก็มาทำธุรกิจให้สามี ก็เลยเป็นคนซึ่งยุ่งเกี่ยวกับการธุรกิจมาตลอด ไม่ว่างเว้นจากการแสวงหากำไรและขาดทุน คุณหญิงพจมาน จึงพูดกับนายเสนาะ เทียนทอง ครั้งหนึ่งเมื่ออยู่พรรคไทยรักไทยว่า การเมืองนั้นคือธุรกิจ เมื่อมีการลงทุนแล้ว ก็ต้องมีผลตอบแทน
สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มทำธุรกิจจริงๆ หลังจากทำธุรกิจที่แข่งกับชาวบ้านแล้วเจ๊ง ไม่ว่าจะเป็นโรงหนัง ซื้อหนังไปขาย ทำทุกอย่างเจ๊งหมด จึงมาทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการประมูล ตำแหน่งสุดท้าย ในกรมตำรวจคือการได้ดูแลระบบสารสนเทศของกรมตำรวจ จึงคิดตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ เพื่อเอาคอมพิวเตอร์ ไปจำหน่ายให้หน่วยงาราชการ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า การขายของให้ราชการนั้น ต้องมีการจ่าย ที่คนจีนที่เรียกว่า “เก๋าเจี๊ยะ” คือ เอาเงินให้หมา จึงจะทำการค้าได้
ด้วยเหตุนี้ ความเคยชินเรื่องการวิ่งเต้นสัมปทาน จึงฝังอยู่ในสมองของพ.ต.ท.ทักษิณ เขาวิ่งเต้นขายคอมพิวเตอร์ไอบีเอ็ม จึงสนิทสนมกับคนที่อยู่ในไอบีเอ็ม อย่างนายสมประสงค์ บุญยชัย นายนิวัฒน์ ธำรง ซึ่งต่อมาคนพวกนี้ก็ทำงานในเครือชินคอร์ปฯ โดยเฉพาะนายนิวฒน์ ผู้บริหารไอทีวี ที่เปลี่ยนชื่อเป็นนิวัฒณ์ธำรง บุญทรงไพศาล เพราะคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะอยู่อีก 8 – 12 ปี
พ.ต.ท.ทักษิณเกิดในวงการสัมปทานครั้งแรกโดยการไปทำความสนิทสนมกับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯสมัยรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งก็อาศัยนายตำรวจรุ่นเดียวกันคือ พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย แนะนำให้ หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็แวะไปเยี่ยม ซื้อลาดหน้า เนกไท ไปฝากร.ต.อ.เฉลิมที่ทำเนียบทุกวัน จนสนิทกันมากขึ้น ก็ขอสัมปทานเคเบิลทีวีไอบีซี เคเบิลทีวีเจ้าแรกของไทย แต่ต่อมา พล.อ.ชาติชาย ก็ขอให้ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมปทานแก่ไทยสกายทีวีของนายคีรี กาญจนพาสน์ ด้วย เพราะบิดาของนายคีรี คือนายมงคลนั้น เคยช่วยเหลือจอมพลผิน บิดาของพล.อ.ชาติชายมาก่อน เมื่อร.ต.อ.เฉลิมอนุมัติให้ พ.ต.ท.ทักษิณก็โกรธ ร.ต.อ.เฉลิมมาก
ต่อมาเมื่อเกิดการยึดอำนาจรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย โดย รสช. ร.ต.อ.เฉลิมถูกไล่ออกนอกประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณก็ซ้ำเติม ร.ต.อ.เฉลิม แล้ววิ่งเข้าเผด็จการ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ประธาน รสช. ซึ่งมีนายทหารใกล้ชิดคอยประสานงานให้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ซึ่งต่อมาพ.ต.ท.ทักษิณได้ตอบแทนด้วยการตั้งเป็น รมว.กลาโหม
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังแนะนำให้พล.อ.สุนทรรู้จักกับนางอัมพาพันธ์ ซึ่งเคยมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน ซึ่งต่อมานางอัมพาพันธ์ก็ได้เป็นภรรยาอีกคนของพล.อ.สุนทร นี่คือที่มาของสัมปทานดาวเทียมชินแซทเทิลไลท์
ก่อนหน้านั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้วิ่งเต้นกับนายมนตรี พงษ์พานิช รมว.คมนาคม เพื่อขอสัมปทานโทรศัพท์มือถือ ระบบเซลลูลาร์ 900 จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท) โดยมีคนช่วยเหลือคือนายไพบูลย์ ลิมปพยอม อดีต ผอ.ทศท ซึ่งต่อมานายไพบูลย์ก็ได้มาทำงานกับกลุ่มชินฯ จนทุกวันนี้
“คุณทักษิณ ชินวัตร ได้มาซึ่งสัมปทาน ด้วยการใกล้ชิดสนิทสนมกับบรรดาข้าราชการทั้งหลาย และนักการเมือง แน่นอนที่สุดก็ต้องมีการจ่ายเงินจ่ายทองกันใต้โต๊ะ หรือที่พวกเราคนจีนเรียกกันว่า เก๋าเจี๊ยะ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่าคุณทักษิณ ชินวัตรนั้นเริ่มจะเป็นคนรวยได้ด้วยวิถีทางที่ไม่ชอบธรรม จริยธรรมในการได้งานมานั้นก็ไม่มีมาตั้งแต่ต้นแล้ว”
นายสนธิกล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนกลัวภรรยา เพราะเป็นคนดูแลกิจการให้และตัวเองอยู่ในตำแหน่งตำรวจได้เพราะพ่อตาเป็นบันดาลให้ การจะทำอะไรภรรยาต้องไฟก่อนเขียวตลอด น้องๆ มาขอเงิน ถ้าภรรยาไม่ให้ ทักษิณก็ไม่กล้าให้ โครงการที่เสนอเข้ามาในชินคอร์ปฯ ถ้าไม่คุยกับภรรยาให้รู้เรื่องก่อน โครงการนั้นล้มทุกที เพราะฉะนั้นตอนหลังโผตำรวจ ทหาร ไม่ได้ทำที่ สตช. ทบ. ทอ. แต่ทำที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ทุกคนจึงวิ่งเข้าหา คุณหญิงพจมานจึงเป็นนางพญาในตอนนั้น
“คุณทักษิณ และคุณพจมาน ชีวิตวิ่งเต้นมาตลอด มีอยู่ครั้งหนึ่ง พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ ถูกตั้งกรรมการสอบสวนคดีเบนซ์แวน ข้อหาอนุมัติให้รถเบนซ์ ซึ่งจะต้องเสียภาษีตามพิกัดรถเก๋งนั่ง แต่ให้เสียภาษีตามพิกัดรถแวนได้ โดนตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษทางวินัย พจมาน ชินวัตร ซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียว แค้นแทนพ่อบ้าง คุณทักษิณ ชินวัตร เคยเข้าไปพบคนๆ หนึ่งซึ่งเป็นคนสุโขทัย ชื่อสุวิทย์ มหาแถลง ที่เสียชีวิตไปแล้ว เพื่อไปวิ่งเต้นขอให้ช่วยพ่อเขา”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า คนที่รักพ่อมาก แค้นมากที่พ่อตัวเองโดนแกล้ง หรือแค้นมากที่พ่อตัวเองโดนคดี ความเจ็บช้ำน้ำใจมีอยู่ในหัวใจ ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีความสุขหรอกที่ต้องไปนั่งเยี่ยมเฉลิม อยู่บำรุง ทุกวันที่ทำเนียบฯ เอาบะหมี่ไปให้ เอาก๋วยเตี๋ยวไปให้ ซื้อเนกไทไปให้ ไม่มีความสุขหรอกที่ต้องไปนั่งหน้าห้องปลัดกระทรวงคมนาคม ไม่มีความสุขที่เจอใครก็ตามต้องยกมือไหว้ เพียงเพื่อได้สัมปทานมา และเมื่อได้สัมปทานมาแล้วก็ต้องรักษาสัมปทานเพื่อไม่ให้ใครแย่งไป ตรงนี้คือปมด้อยในชีวิต เมื่อนิสัยดั้งเดิมของทักษิณ ชินวัตรเป็นคนยะโสโอหัง ต้องเก่งกว่าเพื่อน ฉลาดกว่าใครทุกคน
เมื่อมีเงินมากขึ้น พ.ต.ท.ก็อยากเล่นการเมือง ก็เขามาในพรรคพลังธรรม พอเข้าไป ก็ออกนิสัยผูกขาด ไม่ฟังใคร ขัดแย้งกับน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ พ.อ.วินัย สมพงษ์ จนพรรคแตก พอเกิดเหตุการณ์ลดค่าเงินบาท วันที่ 1 ก.ค. 2540 คนอื่นเจ๊งหมด แต่พ.ต.ท.ทักษิณร่ำรวย เพราะมีคนของตัวเองคือนายทนง พิทยะ และนายโภคิน พลกุล รู้ล่วงหน้า เมื่อคนอื่นเจ๊ง ทักษิณมองเห็นว่า เป็นโอกาสที่จะยึดประเทศไทย และโชคร้ายที่พรรคประชาธิปัตย์มีธารินทร์ นิมมานเหมินร์ ดำเนินนโยบายผิดพลกาดเรื่อง ปรส. ทักษิณจึงกลายเป็นดาวจรัสแสง พูดอะไรถูกใจคนไทยไปหมด ก็ตั้งพรรคไทยรักไทย
เมื่อตั้งพรรคลงเลือกตั้ง ก็ยังใช้ความคิดผูกขาด ซื้อไว้ล่วงหน้า หลังเลือกตั้งจึงยุบพรรคต่างๆ เข้ามารวม จุดเปลี่ยน สำคัญคือคดีซุกหุ้น ที่ทักษิณชนะ 8 ต่อ 7 เสียง ซึ่งมีเรื่องที่เชื่อได้ว่า ที่ชนะเพราะมีการให้เงินตุลาการ จากการให้การของพยานในคดีที่น.ต.ประสงค์ ถูกฟ้องหมิ่นประมาทแล้วศาลยกฟ้อง
“วันนั้นคุณทักษิณพูดว่าอย่างไรหลังจากชนะแล้ว "วันนี้ขอให้เมฆหมอกที่ผ่านมา ประเทศไทยผ่านไปด้วยดี ผมพร้อมจะทุ่มเททำงานเพื่อประเทศชาติ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันอย่าแบ่งฝ่าย แต่แบ่งหน้าที่กันทำงาน ถ้าเราแบ่งฝ่ายแล้วทะเลาะกันจะถูกหัวเราะเยาะ ผมพร้อมจะให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.ในการปราบคอร์รัปชั่น และใจกว้างพอที่จะให้ทุกๆ คนมาช่วยกันมาสร้างเครดิต ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อประเทศชาติ และในหลวงของเราที่ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายทุ่มเททำงาน เพราะต้องการให้คนไทยหายจน วันนี้ขอให้รวมกันทำงานเพื่อในหลวงของเรา"
“พ่อแม่พี่น้องครับ 3 สิงหาคม 2544 มาดู ณ วันนี้ 15 มิถุนายน 2550 เกือบ 6 ปี หันไปดูที่สนามหลวง ไปดูซิพ่อแม่พี่น้องจะเห็นได้ชัดว่าคนถ้ามันจะโกหกตอแหล ตะบัดสัตย์ ชั่วช้าในเรื่องพฤติกรรม วันนึงตัวตนที่แท้จริงมันต้องโผล่ออกมา โผล่ออกมานานแล้ว เพราะหลังจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญครั้งนั้น เรื่องซุกหุ้นครั้งหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด พูดกับคนใกล้ชิด คุณสุธรรม แสงประทุม ยังเคยพูดกับผม พูดว่า พวกองค์กรอิสระต้องเอาให้อยู่ในมือเราให้หมด ไม่งั้นแล้วเราจะถูกเช็กบิลโดยองค์กรอิสระ”นายสนธิกล่าว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณคุมองค์กรอิสระโดยการคุมวุฒิสภาก่อน เพราะวุฒิสภาเป็นผู้แต่งตั้งองค์กรอิสระ ซึ่งเมื่อคุมได้แล้วก็กลั่นแกล้งคู่แข่งทางการเมือง ไม่ชอบใครก็ให้ ปปง.ไปอายัดทรัพย์ เช่น กรณ๊ นสพ.เดอะเนชั่น และอีกหลายฉบับ รวมทั้งกรณีกำนันเซียะที่กาญจนบุรี ซึ่งถูกยึดทรัพย์ เพราะไม่ยอมย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์ไปอยู่ไทยรักไทย
“วันนี้ คุณพจมาน ชินวัตร รู้สึกยังไงที่คุณถูกอายัดทรัพย์ คุณนี่ตรวจสอบทรัพย์สินชาวบ้านเขา อายัดทรัพย์คนเขาเป็นแถว เพียงเพราะว่าคุณไม่ชอบเขา วันนี้คุณถูกอายัดทรัพย์ด้วยกระบวนการขั้นตอนที่ถูกต้อง คณะกรรมการ คตส. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา คุณไปตั้งคำถามถามคุณหญิงจารุวรรณได้อย่างไรเรื่องความซื่อสัตย์ คุณไม่มีสิทธิ ท่านอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีตรองประธานศาลฎีกา ไม้บรรทัดยังสู้ความตรงของท่านไม่ได้ กล้านรงค์ จันทิก ท่านนาม ยิ้มแย้ม ท่านสัก กอแสงเรือง”นายสนธิ กล่าว และว่า เรื่องราวเบื้องหลังของพ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่หมด จะนำมาพูดต่อในสัปดาห์ถัดไป