xs
xsm
sm
md
lg

“โอโตยะ”ติดลมร้านอาหารญี่ปุ่นเบทาโกรสั่งลุยคาดรายได้ปีนี้300ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โอโตยะ ติดลมบนธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น เบทาโกรทุ่มงบลุยต่อเนื่อง ผุดอีก 3 สาขาปีนี้ เน้นรูปแบบมาตรฐาน รับตลาดไทยเติบโตดีและเป็นตลาดอาหารญี่ปุ่นใหญ่อันดับที่ 5 ของโลก เผยรายได้ปีนี้ถึง 300 ล้านบาทแน่

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฎิบัติการกลุ่มธุรกิจเครือเบทาโกร และประธานกรรมการ บริษัท เบทาโกร โอโตยะ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ “โอโตยะ” เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจร้านอาหารต่างชาติโดยเฉพาะร้านอาหารญี่ปุ่นจะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ซึ่งกลุ่มเบทาโกรเองก็ได้รับการติดต่อและทาบทามจากกลุ่มทุนร้านอาหารหลายราย ทั้งในแง่ของการดึงให้มาร่วมลงทุนด้วยหรือการร่วมเป็นซัปพลายเออร์ด้านวัตถุดิบอาหารให้

โดยมูลค่าตลาดรวมร้านอาหารญี่ปุ่นตามที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานก่อนหน้านี้พบว่า มีมูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาท มีร้านอาหารให้บริการประมาณ 660 แห่งทั่วประเทศ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10-15% ต่อปี ซึ่งไทยถือเป็นตลาดธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก รองจาก อเมริกา จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม กลุ่มเบทาโกรจะต้องทำการพิจารณาถึงความเหมาะสมก่อนการลงทุน และจะต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบทางตรงและทางอ้อมกับธุรกิจร้านอาหารโอโตยะ ที่เป็นธุรกิจที่กลุ่มเบทาโกรร่วมทุนกับญี่ปุ่นไปก่อนหน้านี้เมื่อปี 2548 โดยมีทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท แบ่งการถือหุ้นเป็นฝ่ายโอโตยะ ญี่ปุ่น สัดส่วน 44% กลุ่มเบทาโกร 42% และที่เหลือ 14% เป็นกลุ่มอื่นๆรวมกันเช่น บริษัทญี่ปุ่นในไทย สถาบันการเงิน บริษัทธุรกิจอาหาร เป็นต้น

“ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น โอโตยะ เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เปิดโอกาสให้เบทาโกรแสดงความสามารถในการจัดหาวัตถุดิบท้องถิ่นที่มีคุณภาพสูง และให้บริการด้านอาหารแก่ร้านอาหารและภัตตาคารชั้นนำจากต่างประเทศ ภายใต้นโยบายอาหารปลอดภัย การขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องของร้านโอโตยะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเบทาโกรในธุรกิจบริการด้านอาหารภายในประเทศได้เป็นอย่างมาก ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าร้านอาหารญี่ปุนโอโตยะจะช่วยหนุนให้เบทาโกรบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ 15% ภายในปีนี้ได้อย่างแน่นอน” นายวสิษฐกล่าว

สำหรับแผนการลงทุนจากนี้ไปคาดว่าในปีนี้จะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 3 แห่ง ใช้งบลงทุนรวมต่ำกว่า 30-40 ล้านบาท เฉลี่ยลงทุนสาขาละ 10 กว่าล้านบาท โดยจะมีพื้นที่ประมาณ 200-280 ตารางเมตร จำนวน 60-80 ที่นั่ง เช่น ที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และที่เจรจาอยู่เช่น ซีคอนสแควร์และศูนย์การค้าเซ็นทรัล ส่วนครึ่งปีแรกปีหน้าจะเปิดอีก 2 สาขา โดยจะเน้นการเปิดในรูปแบบร้านขนาดใหญ่มาตรฐานที่มีชื่อเต็มว่า โอโตยะ โกฮัง โดโคโระ ซึ่งปัจจุบันมีเปิดบริการแล้ว 9 สาขา ที่ เจอเวนิวพลาซ่าทองหล่อ, สยามพารากอน, ดิเอ็มโพเรี่ยม, บิ๊กซีเอกมัย, เซ็นทรัลเวิลด์พล่าซ่า, ธนิยะพลาซ่า, เซ็นทรัลลาดพร้าว, เอสพละนาด, ดิอเวนิวแจ้งวัฒนะ

ส่วนอีก 2 รูปแบบที่เปิดแล้วเช่นกันคือ โอโตยะคิทเช่น 1 สาขาที่สยามพารากอน และโอโตยะเดลี่ 1 สาขาที่อิเซตัน แต่คงไม่ได้ขยายรูปแบบนี้เพิ่มมากนัก นอกจากได้ทำเลและสถานที่ที่เหมาะสม โดยยังคงเน้นการเปิดสาขาในกรุงเทพฯเป็นหลักก่อนตามศูนย์การค้าทั่วไป ส่วนการขยายสาขาต่างจังหวัดขณะนี้ยังไม่มี อาจจะอีก 2-3 ปีน่าจะมีความเป็นไปได้

ทั้งนี้ หลังจากเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีแรกที่สาขาทองหล่อมีรายได้ประมาณ 33 ล้านบาท และเมื่อปีที่สองคือปี 2549 มียอดขาย 97 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมียอดขายรวม 300 ล้านบาท เติบโตกว่า 200% ซึ่งคาดว่าปีนี้จะเริ่มมีกำไรแล้ว โดยสาขาเก่าที่เปิดแล้วมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5-10% ส่วนสาขาใหม่เฉลี่ยเติบโต 20%
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของโอโตยะ เจาะทั้งกลุ่มคนไทยและกลุ่มคนต่งชาติโดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งทีผ่านมาอยู่ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน 50%-50% แต่ก็ขึ้นอยู่กับทำเลเป็นหลักด้วย โดยจับกลุ่มรายได้ระดับบีบวกขึ้นไป มีเมนูให้เลือกมากกว่า 40 เมนูประจำ ที่ผ่านมามีอัตราค่าใช้จ่ายของลูกค้าเฉลี่ย 280-300 บาทต่อคนต่อครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น