xs
xsm
sm
md
lg

ความต่างระหว่างทฤษฎีแนวร่วมฯ กับพันธมิตร

เผยแพร่:   โดย: ป.เพชรอริยะ

.
“กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ” เป็นขบวนการไข่แม้ว ซึ่งสังคม ผู้สื่อข่าวทั่วไปต่างประณามว่าเป็นขบวนการปล้นแผ่นดิน โกงกินชาติ ฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ใหญ่โตที่สุด หนักที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์การเมืองไทย นับแต่ขบวนการรัฐธรรมนูญได้ยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 พวกเขาหาสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดีไม่

ทั้งนี้จะโทษขบวนการทักษิณอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะ เหตุแห่งความเลวร้ายที่แท้จริง ที่ได้ทำลายประเทศไทยให้ทรุดหนักลงอย่างน่าใจหาย นั่นก็คือขบวนการรัฐธรรมนูญหรือลัทธิรัฐธรรมนูญที่ครอบงำผู้ปกครองไทยทุกยุคทุกสมัยให้เข้าใจ เห็นผิด พูดผิด ทำผิด อย่างร้ายกาจที่สุด ดุจมารซาตานครอบงำ คือ ร่างรัฐธรรมนูญสร้างระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่พิสูจน์ชัดแล้วว่ามันล้มเหลว ล้มเหลวอย่างซ้ำซาก แม้แต่ผู้ปกครองชุดปัจจุบันก็เช่นกัน ทั้งๆ ที่ทำรัฐประหารล้มรัฐบาลทักษิณ ภายใต้เผด็จการรัฐธรรมนูญไปแล้ว ใครๆ ก็หวังว่า ผู้ปกครองชุดใหม่ (คมช. และรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์) จะได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ ในการสถาปนาระบอบการเมืองโดยธรรมให้เป็นจริงเสียที แต่น่าเสียดายยิ่งนักที่ผู้ปกครองชุดนี้ก็ไม่ได้ฉุกคิด ไม่ได้เฉลียวใจแม้แต่น้อย ยังคงเดินตามแนวทางลัทธิรัฐธรรมนูญเช่นเดิม คือร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย มรรควิธีนี้จะร่างสักร้อยปี ร้อยชาติ ร้อยร่าง พันฉบับก็ไม่มีวันจะได้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

ผู้เขียนได้แนะนำว่า
การสร้างระบอบ (หลักการปกครอง) ที่ถูกต้องนั้น จะต้องสร้างด้วยนโยบาย ไม่ใช่สร้างด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมาย กฎหมายมีหน้าที่สะท้อนระบอบ(หลักการปกครอง) คือสะท้อนความเป็นจริงที่ดำรงอยู่นั้น แต่ในความจริงในเมื่อประเทศไทยไม่เคยมีประสบการณ์ในการสร้างระบอบประชาธิปไตยเลยแม้เพียงสักครั้งเดียว ในช่วงเวลา 75 ปี เป็นประสบการณ์การสร้างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยทั้งสิ้น (รวมทั้งฉบับปัจจุบันมากถึง 18 ฉบับนี้ด้วย) ผลปรากฏว่าวิกฤตท่วมประเทศ เพราะรัฐธรรมนูญคือกฎหมาย จะร่างมากี่ฉบับๆ ใช้เงินไปมากมาย รัฐธรรมนูญมันก็จะสะท้อนความเป็นจริง คือเป็นสังคมเป็นเผด็จการ อันเป็นสภาวการณ์ที่แท้จริงอันยาวนานมากถึง 75 ปีแล้วนั่นเอง (ผู้ปกครองไม่มีใครเข้าใจเลยหรือ)

ณ วันนี้พวกเขาก็ได้เผยธาตุแท้ออกมาแล้วในนามขบวนการ “กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ” พวกเขาหวังจะกลับมามีอำนาจดังเดิม และขณะนี้ก็เริ่มจะมีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น และพวกเขาพร้อมที่จะก่อการจลาจลเพื่อล้ม คมช. และรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ อย่างรีบเร่งที่สุด โดยไม่เกรงใจใครอีกแล้ว พวกเขาพร้อมที่จะเหยียบย่ำทำลายโค่นสถาบันหลักของชาติ เห็นชัดว่าหมอเหวง โตจิราการ ตั้งศาลประชาชนขึ้นกลางสนามหลวง พวกเขาลอกเลียนแบบการปฏิวัติแนวทางรุนแรงในประเทศฝรั่งเศส เมื่อ ค. ศ. 1789 โดยนายวอลแตร์ และรุสโซ พวกเขาปลุกระดม และจะจับผู้ที่ต่อต้าน หรือฝ่ายตรงข้ามนำมาตัดคอประจานด้วยเครื่องกิลโยติน ครั้งนั้นแม้แต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางแมรี่อังตัวเนต ก็ไม่เว้น คราวนี้ถ้าพวกเขาชนะ พวกเขาพูดกันว่า จะจับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองพลเอกคนหนึ่ง มาขึ้นศาลประชาชนเป็นคนแรกให้ได้

พวกเขาเหิมเกริมกันมาก พวกเขาทำทุกวิถีทางตามแนวลัทธิรุนแรงที่พวกเขาเชื่อถือ (อำนาจรัฐต้องมาจากปากกระบอกปืน หรือด้วยการลุกขึ้นสู้) ถ้าพวกเขายึดอำนาจกลับคืนไม่สำเร็จ อย่างน้อยพวกเขาจะได้รื้อฟืนสงครามกลางเมืองในรอบสองขึ้นมาให้ได้ จะเห็นได้ชัดว่า ขบวนการทักษิณ โกงกินชาตินี้ จะพยายามทุกวิถีทางนับตั้งแต่การจ้างคนมาร่วมชุมนุมหัวละห้าร้อยถึงหนึ่งพันบาท สามพัน ห้าพัน เมื่อมาแล้วก็จะถูกปลุกเร้าต่างๆ นานา จากนั้นก็จะพาออกมาเดินขบวนตามท้องถนนราชดำเนิน ทั้งก็เพื่อหาเรื่องกดดัน บีบคั่นเจ้าหน้าที่จนทนไม่ได้ และทำการปราบปราม ก็จะเกิดชุลมุนวุ่นวาย จากนั้นก็จะโยนระบิดบ้าง ยิงบ้าง แล้วก็กล่าวหาว่ารัฐบาลเป็นคนทำ จากนั้นก็จะปลุกระดมประชาชนให้มากขึ้นอีก จุดสูงสุดของพวกเขาก็คือล้ม คมช. และรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ ให้ได้ในเร็ววัน เพื่อให้ผู้นำกลับมามีอำนาจให้ได้ ตามที่พวกเขาประกาศว่า “ทักษิณต้องกลับมามีอำนาจสูงสุดไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคต” ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม

ผู้นำของพวกเขาเคลิ้ม เมื่อได้เข้าใจตามนี้ หารู้ไหมว่าตัวเขาเองก็ได้ตกเป็นแนวร่วมทางตรง ชั้นสูง ตามแนวทางลัทธิคอมมิวนิสต์ ทั้งนี้ก็เพื่อต่อท่อน้ำเลี้ยงให้แก่กลุ่มแนวร่วมฯ ที่ซุ่มซ่อนอยู่

อดีตผู้นำพรรคฯ เป็นพ่อค้านายทุนฉลาดแกมโกง หารู้ไหมว่าในพรรคไทยรักไทยนั้นมีพวกแนวคิดลัทธิมาร์กซ์ (Marxism) อยู่เป็นจำนวนมากทั้งในพรรค และนอกพรรค ทั้งนี้พวกเขาเข้าไปทำแนวร่วมกับนายทุน เพื่อจะให้นายทุนหัวหน้าใหญ่ โดยลวงเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทย แต่ความจริงพวกเขาต้องการเงินทุนจากนายทุนหัวหน้าใหญ่ที่มีเงินอยู่มหาศาลจ่ายร้อยชาติ พันชาติก็ไม่หมด เพื่อเอามาขยายแนวร่วมอย่างลับๆ แล้วพวกเขาก็ทำได้สำเร็จในระดับหนึ่ง

มีข้อสังเกตว่า ในอดีตเมื่อผู้นำรัฐบาลนั้นๆ หลังถูกรัฐประหารแล้ว ไม่สามารถที่จะมีพลพรรคออกมาเคลื่อนไหวได้อีก แต่ขบวนการทักษิณโกงกินชาติ พวกเขายังทำได้ โกงชาติและประชาชนไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ แต่ก็ยังกร่าง และกำลังเป็นฝ่ายรุกทางการเมือง ส่วน คมช. และรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ ตกเป็นฝ่ายรับทางการเมือง ทั้งนี้ก็เพราะฝ่าย คมช. และรัฐบาล เป็นอนุบาลทางการเมือง นั่นเอง แต่ก็น่าเห็นใจ คมช. และรัฐบาลสุรยุทธ์ ที่ขาดที่ปรึกษาที่ชาญฉลาดรู้เท่าทัน

ย้อนกลับมาดูทฤษฎีแนวร่วมของเหมา เจ๋อ ตุง


ตามคำสั่งที่ 66/2523 โดย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนโยบายต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ยุติสงครามกลางเมืองให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการรุกทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เน้นหนักในการปฏิบัติทั้งปวง เพื่อลิดรอนทำลายขบวนแนวร่วมและกองกำลังติดอาวุธเพื่อยุติสถานการณ์ปฏิวัติ ยับยั้งการปฏิวัติเพื่อสร้างสถานการณ์สงคราม และขยายผลจากโอกาสที่เปิดให้เพื่อเปลี่ยนแนวทางการต่อสู้ด้วยอาวุธมาเป็นการต่อสู้ในแนวทางสันติ

พรรคคอมมิวนิสต์ประกอบด้วย

(1) พรรคหรือองค์การนำมีเพียงไม่กี่คน (ปิดลับที่สุด)

(2) กองกำลังติดอาวุธ (ถูกสลายไปแล้วเมื่อปี 2525 แต่รอวันเวลาจะฟื้นตัวเร็ววัน)

(3) แนวร่วม คำว่า “แนวร่วม” (United front) เป็นยุทธวิธีการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ชาญฉลาดยิ่งนัก ยากที่จะมองเห็นได้ง่ายๆ แต่ก็มีคนรู้ทัน ได้แก่

(1) แนวร่วมทางตรง ได้แก่ผู้สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ตาม และมองเห็นได้ยากเพราะพวกเข้าไปฝังตัวแบบบิดบังซ่อนเร้น ซึ่งคุณทักษิณเองก็ยังไม่รู้เลยว่า ตนกำลังตกเป็นแนวร่วมชั้นสูง

(2) แนวร่วมมุมกลับ
ได้แก่ ระบอบการเมืองเผด็จการทุกรูปแบบ โดยเฉพาะรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร นักการเมืองที่เกลียดคอมมิวนิสต์ แล้วปราบคอมมิวนิสต์แบบเหวี่ยงแห ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ นายทุน อิทธิพลเถื่อนที่กดขี่ ขูดรีด หวยเถื่อน ผู้เอาเปรียบประชาชน แนวร่วมมุมกลับ และแนวร่วมชั้นสูง นี้เองที่ช่วยให้พรรคคอมฯ เติบโตขึ้นทุกวันและทำให้พรรคคอมฯ (หรือแนวทางรุนแรง) ได้รับชัยชนะมาแล้วในอดีต เช่น ในจีน ลาว เวียดนาม เป็นต้น

(3) แนวร่วมทางอ้อม คือผู้รักความเป็นธรรม เช่น นักศึกษา, ผู้ปฏิบัติธรรม, นักวิชาการ ฯลฯ กลุ่มนี้ร้อนแรงทางการเมือง แต่ไม่รู้เท่าทันการเมืองที่ซับซ้อน ก็จะออกมาประท้วง เดินขบวน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ประชาชนไม่ยอมรับการปกครองของรัฐบาล อันเป็นปัจจัยในการรัฐประหาร และเมื่อรัฐบาลแนวร่วมถูกรัฐประหารโดยกองทัพ แนวร่วมทั้งหมดโดยการชี้นำของพรรคคอมฯ ก็จะโหมกระพือเพื่อโค่นรัฐบาลทหารลงอีกครั้งเพื่อทำลายกองทัพแห่งชาติ แล้วสถาปนาการปกครองใหม่ตามที่พวกเขาต้องการ แต่แผนการทั้งหมดไม่สำเร็จเพราะมีนักปราชญ์คนสำคัญล่วงรู้ทัน ความผิดพลาดและความพ่ายแพ้ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในช่วงของการทำรัฐประหารขบวนการแนวร่วมฯ ทุกระดับกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ยากที่จะหยุดยั้ง ถ้าไม่รีบเร่งขจัดเงื่อนไขแห่งความไม่เป็นธรรมทั้งปวงในแผ่นดินให้สิ้นซาก คือ รัฐบาลจะต้องประกาศสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม ไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญ เสร็จแล้วก็จะรีบจัดให้มีเลือกตั้ง รัฐบาลเข้าใจว่าฉันทำดีที่สุด ที่ไหนได้เหตุแห่งวิกฤตชาติยังไม่ได้รับการแก้ไข และจะสร้างเหตุวิกฤตในรอบใหม่ซ้อนขึ้นมาอีก และขอให้รู้พรรคการเมืองที่มีอยู่ในทุกวันนี้ ขนาดพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีปัญญาเลยสักคน ส่วนพรรคอื่นๆ ก็ยิ่งแย่เข้าไปอีก

อีกนัยหนึ่งทฤษฎีแนวร่วม (United front theory) เป็นทฤษฎีที่แยบคายยิ่งนัก ที่สามารถเอาคนทุกชนชั้น ทุกภาคส่วนมาเป็นกำลังให้แก่ตนได้ แนวร่วมอุปมาดุจนั่งร้าน นั่นเอง คือผู้ที่ไม่รู้เท่าทันจะถูกชักชวนให้มาร่วมกันสร้างตึก แต่เมื่อสร้างตึกสำเร็จสมใจแล้ว (ประโยชน์ชั่วคราว) ภารกิจต่อไปก็เอานั่งร้านลง คอมมิวนิสต์ไม่เคยปล่อยให้พวกแนวร่วมชั้นสูงมีชีวิตรอดอยู่ได้สักคน

พันธมิตร เป็นทฤษฎีสังฆสามัคคีธรรม จริงใจ ร่วมมือฟันฝ่าอุปสรรคของชาติ เป็นทฤษฎีแก่นแท้ของคนไทยที่รับมาจากพระพุทธศาสนา อุปมา สร้างตึก (ธรรมาธิปไตย 9) สำเร็จแล้วทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันในบ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุขโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ

ทางแก้ไข ณ วันนี้ คือ ยกระดับรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ ขึ้นเป็นรัฐบาลสามัคคีธรรมแห่งชาติ สลายทุกพรรค ทุกขั้วการเมืองชั่วคราว แล้ว เชิญคนเก่งของทุกพรรค (ที่ไม่มีชนักติดหลัง) มาร่วม รัฐบาล ตั้งสภาที่ปรึกษาพัฒนาการเมืองโดยธรรมดึงนักปราชญ์มาช่วยงานอย่างกว้างขวาง รอบด้าน ขณะเดียวกันก็ควร จะขยายจำนวนสมาชิกรัฐสภาแห่งชาติ ที่มีอยู่เดิมให้กว้างขวางมากที่สุด ไม่ใช่เดินหลงทางไปสร้างรัฐธรรมนูญแล้วเลือกตั้ง มันไม่ได้มีอะไรใหม่เกิดขึ้น มันเลือดเย็นต่อประเทศชาติและปวงชนเกินไป มีอำนาจต้องทำให้ถูก แล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตา คิดค้น สถาปนาหลักการปกครอง(ระบอบ) โดยธรรมที่ดีที่สุดให้สำเร็จลงเสียก่อน ไม่ใช่ไปทำผิดอย่างซ้ำซาก ควรหยุดการยกร่างรัฐธรรมนูญลงชั่วคราว เราเตือนคุณเป็นครั้งที่ 100 แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อหยุดทฤษฎีแนวร่วม แล้วมาสร้างเสริมทฤษฎีพันธมิตร ถ้าคิดว่ายังเห็นแก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
กำลังโหลดความคิดเห็น