เอเจนซี - คนส่วนใหญ่มักเคยพบพานเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า ‘déjà vu’ มาก่อน ล่าสุด นักวิจัยสามารถระบุได้ว่า สมองส่วนใดที่นำมาซึ่งประสบการณ์นี้ และเชื่อว่าการค้นพบนี้จะนำไปสู่วิธีใหม่ในการบำบัดโรคที่เกี่ยวข้องกับความจำ เช่น อัลไซเมอร์
‘déjà vu’ มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่าเคยเห็นมาแล้ว ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายอาการที่คนเรารู้สึกว่า เคยเจอเหตุการณ์ สถานที่ หรือคนคนนั้นมาก่อน แม้ในใจตระหนักว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ตาม
นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตส์ (เอ็มไอที) ในเคมบริดจ์ ระบุว่าศูนย์กลางของสมองส่วนที่เรียกว่าฮิปโปแคมปัส เป็นส่วนที่สร้างแผนที่ทางความคิดของสถานที่และประสบการณ์ใหม่ และบันทึกไว้เพื่อรอใช้ในอนาคต
แต่เมื่อพบประสบการณ์ 2 อย่างที่คล้ายกันมาก แผนที่ทางความคิดอาจซ้อนทับกันและพร่าเลือน
สึสึมุ โทเนกาวะ ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาและประสาทวิทยาศาสตร์ของเอ็มไอที อธิบายไว้ในวารสารไซนส์ว่า เดจาวูเกิดขึ้นเมื่อความสามารถดังกล่าวถูกท้าทาย ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นความบกพร่องของสมองในการจัดลำดับข้อมูลใหม่ หรือที่เรียกว่า ความจำเกี่ยวกับเหตุการณ์
โทเนกาวะ และทีมนักวิจัยของเอ็มไอทีร่วมกันศึกษาเรื่องนี้จากหนูที่ผ่านการตัดต่อทางพันธุกรรมโดยตัดทิ้งยีนในสมองส่วนฮิปโปแคมปัสที่ชื่อ dentate gyrus ซึ่งพบว่ามีความสำคัญต่อการสร้างความสามารถในการเรียงลำดับประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
ผลปรากฏว่า หนูที่ไม่มีความสามารถดังกล่าวจะย้ายจากกรงแรกไปกรงที่ 2 ที่มีลักษณะคล้ายกัน แล้ววิ่งกลับมากรงแรก โดยที่กรง 1 ใน 2 มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าช็อตเท้าหนู แต่อีกกรงไม่มี
หนูกลายพันธุ์เชื่อมโยงกรงทั้งสองเข้าด้วยกันด้วยความรู้สึกถึงอันตราย และตัวสั่นเมื่อถูกจับใส่ไม่ว่าในกรงใดเพราะไม่สามารถแยกแยะได้ว่ากรงไหนที่มีไฟช็อต
ในทางตรงข้าม หนูที่ไม่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมเรียนรู้ความแตกต่างระหว่าง 2 กรงอย่างรวดเร็ว และจะตัวสั่นเฉพาะเวลาอยู่ในกรงที่อันตราย
เมื่อนักวิจัยตรวจสอบกิจกรรมในสมองของหนู พบว่าหนูกลายพันธุ์มีปฏิกิริยาแบบเดียวกันในทั้ง 2 กรง ขณะที่กิจกรรมในสมองของหนูปกติแตกต่างกันในแต่ละกรง
โทเนกาวะกล่าวว่า ประเภทของความจำที่ทำให้คนเราแยกแยะความแตกต่างของใบหน้าและสถานที่อาจเสื่อมถอยลงเมื่อวัยล่วงเลย และเสริมว่า การค้นพบนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาวิธีรักษาโรคที่มีการทำลายของเซลล์ประสาทในสมอง เช่น อัลไซเมอร์
‘déjà vu’ มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่าเคยเห็นมาแล้ว ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายอาการที่คนเรารู้สึกว่า เคยเจอเหตุการณ์ สถานที่ หรือคนคนนั้นมาก่อน แม้ในใจตระหนักว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ตาม
นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตส์ (เอ็มไอที) ในเคมบริดจ์ ระบุว่าศูนย์กลางของสมองส่วนที่เรียกว่าฮิปโปแคมปัส เป็นส่วนที่สร้างแผนที่ทางความคิดของสถานที่และประสบการณ์ใหม่ และบันทึกไว้เพื่อรอใช้ในอนาคต
แต่เมื่อพบประสบการณ์ 2 อย่างที่คล้ายกันมาก แผนที่ทางความคิดอาจซ้อนทับกันและพร่าเลือน
สึสึมุ โทเนกาวะ ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาและประสาทวิทยาศาสตร์ของเอ็มไอที อธิบายไว้ในวารสารไซนส์ว่า เดจาวูเกิดขึ้นเมื่อความสามารถดังกล่าวถูกท้าทาย ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นความบกพร่องของสมองในการจัดลำดับข้อมูลใหม่ หรือที่เรียกว่า ความจำเกี่ยวกับเหตุการณ์
โทเนกาวะ และทีมนักวิจัยของเอ็มไอทีร่วมกันศึกษาเรื่องนี้จากหนูที่ผ่านการตัดต่อทางพันธุกรรมโดยตัดทิ้งยีนในสมองส่วนฮิปโปแคมปัสที่ชื่อ dentate gyrus ซึ่งพบว่ามีความสำคัญต่อการสร้างความสามารถในการเรียงลำดับประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
ผลปรากฏว่า หนูที่ไม่มีความสามารถดังกล่าวจะย้ายจากกรงแรกไปกรงที่ 2 ที่มีลักษณะคล้ายกัน แล้ววิ่งกลับมากรงแรก โดยที่กรง 1 ใน 2 มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าช็อตเท้าหนู แต่อีกกรงไม่มี
หนูกลายพันธุ์เชื่อมโยงกรงทั้งสองเข้าด้วยกันด้วยความรู้สึกถึงอันตราย และตัวสั่นเมื่อถูกจับใส่ไม่ว่าในกรงใดเพราะไม่สามารถแยกแยะได้ว่ากรงไหนที่มีไฟช็อต
ในทางตรงข้าม หนูที่ไม่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมเรียนรู้ความแตกต่างระหว่าง 2 กรงอย่างรวดเร็ว และจะตัวสั่นเฉพาะเวลาอยู่ในกรงที่อันตราย
เมื่อนักวิจัยตรวจสอบกิจกรรมในสมองของหนู พบว่าหนูกลายพันธุ์มีปฏิกิริยาแบบเดียวกันในทั้ง 2 กรง ขณะที่กิจกรรมในสมองของหนูปกติแตกต่างกันในแต่ละกรง
โทเนกาวะกล่าวว่า ประเภทของความจำที่ทำให้คนเราแยกแยะความแตกต่างของใบหน้าและสถานที่อาจเสื่อมถอยลงเมื่อวัยล่วงเลย และเสริมว่า การค้นพบนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาวิธีรักษาโรคที่มีการทำลายของเซลล์ประสาทในสมอง เช่น อัลไซเมอร์