xs
xsm
sm
md
lg

ล่าเจ้าของอาวุธสงคราม พบ70อินโดฯโผล่ป่วนใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตำรวจยะลา-ปัตตานีสนธิกำลังกว่า 100 นายบุกค้นพื้นที่เป้าหมายรอยต่อ 2 จังหวัด ยึดเครื่องกระสุน อาวุธสงคราม อุปกรณ์ประกอบระเบิดหลายรายการ เตรียมขยายผลตามล่าตัวเจ้าของบ้านมาดำเนินคดี สืบพบประวัติเป็นแกนนำและฝึกแนวป่วนใต้ หน่วยข่าวเผยพบความเคลื่อนไหว ชาวอินโดนีเซีย 70 คนเข้าไทยฝังตัวในพื้นที่เพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายช่วง 8-15 มิ.ย.นี้ ขณะที่โจรใต้อุกอาจล้อมยิงตำรวจรือเสาะกลางตลาดสดท่ามกลางชาวบ้านที่กำลังจ่ายตลาดนับร้อยคน ขณะเดียวกันวางเพลิงสถานที่ราชการในพื้นที่สายบุรีรวม 5 แห่งทั้งโรงเรียน-สถานีอนามัย ยันรถไฟสายใต้เริ่มเปิดบริการวันนี้ พร้อมเสริมกำลังทหาร ตำรวจดูแลความปลอดภัยเข้มขึ้นอีก

ช่วงเที่ยงวานนี้ (7 มิ.ย.) กำลังตำรวจจาก สภ.ต.จะกว๊ะ อ.รามันและตชด.44 ค่ายพญาลิไท จ.ยะลา และ สภ.อ.กะพ้อ จ.ปัตตานีกว่า 100 นายสนธิกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายบริเวณรอยต่อบ้านปูรามอง ม.6 ต.เกะรอ อ.รามัน และบ้านกะรุบี หมู่ 2 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ หลังจากช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำลายวัตถุต้องสงสัยที่คนร้ายวางไว้บนสะพานบ้านปาแตรายอ ต.เกะรอ อ.รามัน และพบว่าเป็นระเบิดปลอม
จากการตรวจค้นพื้นที่บ้านปูรามอง ในบ้านพักไม่มีเลขที่ 2 หลัง เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางเป็นกระสุนปืนสงครามหลายชนิดได้จำนวนหนึ่ง พร้อมเอกสารต้องสงสัย โทรศัพท์มือถือ วิทยุสื่อสาร ประทัด มีด หมวกไหมพรม และอุปกรณ์ประกอบระเบิด จึงเก็บรวบรวมไว้เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด สำหรับเจ้าของบ้านทั้ง 2 หลังที่ขณะตรวจค้นไม่อยู่ในบ้านนั้นเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สืบทราบประวัติ 1 ใน 2 ว่า เป็นทั้งแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ดังกล่าวและยังเป็นคนฝึกกลุ่มแนวร่วมด้วย
 
ระหว่างการตรวจค้นพบผู้ต้องสงสัย 5 คนได้วิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ไปได้ ชุดสุนัขดมกลิ่นของ ตชด.ที่ 44 ได้พิสูจน์พบรองเท้าแตะของคนร้าย 1 คู่ และบ้องกัญชา 1 อัน นอกจากนี้ยังพบการพ่นสีสเปรย์บนถนน สะพาน เส้นทางที่มุ่งหน้าจาก ต.เกะรอ อ.รามัน ไปยัง อ.กะพ้อ มีข้อความถึงเจ้าหน้าที่ทหารไว้หลายจุด

ขณะที่หน่วยข่าวความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แจ้งว่า มีแนวร่วมที่เป็นชาวอินโดนีเซียลักลอบเข้ามาเคลื่อนไหวเพื่อก่อวินาศกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 70 คน โดยกระจายกันอยู่กับแนวร่วมในหมู่บ้านสีแดง และในชุมชนในตัวเมืองในคราบของนักท่องเที่ยวและครูสอนศาสนา จึงแจ้งเตือนกองกำลังในพื้นที่ให้ทำการตรวจสอบหาข่าวความเคลื่อนไหว และนำตัวผู้ต้องสงสัยมาทำการสอบสวนเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น โดยให้คุมเข้มการก่อการร้ายภายในห้วงเวลาวันที่ 8-15 มิ.ย.นี้เนื่องจากพบว่าแนวร่วมมีแผนในการก่อการร้ายครั้งใหญ่อีกครั้ง
 
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจ้าหน้าที่เป็นห่วงมากที่สุด คือท่อประปา 35 ท่อนที่คนร้ายได้ขโมยไป หลังจากที่เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ได้พบว่าคนร้ายได้นำไปประกอบระเบิดแล้วนำไปฝังไว้ใต้ถนนในพื้นที่ ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จึงเชื่อว่าที่เหลือน่าจะนำไปประกอบเป็นระเบิดเช่นเดียวกัน ซึ่ง พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้กำลังในพื้นที่ตรวจค้นหาข่าวของระเบิดทั้งหมดแล้วว่าถูกซุกซ่อนไว้ที่ไหนเพื่อป้องกันแนวร่วมนำระเบิดที่เหลือก่อวินาศกรรม โดยให้ระวังการนำระเบิดไปก่อวินาศกรรมเส้นทางรถไฟ และถนนสายต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ
 
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังรุนแรงรายวันเมื่อเวลา 06.25 น. วานนี้ ขณะที่ ด.ต.สุริยา มาลัยมาลย์ ผู้บังคับหมู่ งานป้องกันและปราบปราม สภ.อ. รือเสาะ จ.นราธิวาส เตรียมขับรถยนต์กระบะออกจากตลาดสดภายในเขตเทศบาลรือเสาะ หลังจากช่วยภรรยาขายข้าวแกงในตลาด ถูกคนร้ายประมาณ 8 คนใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ 4 คันดักรออยู่เข้าล้อมรถยนต์ ด.ต.สุริยา แล้วใช้อาวุธปืนพก ขนาด 9 มม.และ 11 มม.กระหน่ำยิงใส่ ด.ต.สุริยา จนเสียชีวิตภายในรถยนต์ท่ามกลางสายตาประชาชนจำนวนมากที่กำลังจับจ่ายซื้อสินค้าภายในตลาดอย่างอุกอาจ
 
วันเดียวกันตำรวจ สภ.อ.สายบุรี จ.ปัตตานี พร้อมเจ้าหน้าที่วิทยาการปัตตานี ได้เข้าตรวจสอบความเสียหายเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงโรงเรียนและสถานที่ราชการในพื้นที่ ต.มะนังดาลัม รวม 5 จุดด้วยกันโดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 03.40 น.ที่ผ่านมา คือ 1.โรงเรียนบ้านมะนังดาลัม ม.1 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี อาคารเรียนเสียหายทั้งหลัง 2.โรงเรียนบ้านป่าม่วง ม.1 ต.มะยังดาลำ อ.สายบุรี อาคารเรียนเสียหายทั้งหลัง 3.สถานีอนามัยบ้านมะนังดาลัม ม.1 ต.มะยังดาลำ อ.สายบุรี เสียหายชั้นบนบางส่วน 4.สถานีอนามัยจลากู ม.2 ต.มะนังดาลำ ต.มะยังดาลำ อ.สายบุรี ได้รับความเสียหายชั้นบน 5.สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลมะนังดาลัม ม.1 ต.มะยังดาลำ อ.สายบุรี ทำให้อุปกรณ์ภายในสำนักงานเสียหาย
 
ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ระบุในการประชุมวาระพิเศษของ กอ.รมน.วานนี้นี้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้กำชับให้ทุกหน่วยมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด มีการประสานงานระหว่างหน่วยงานอย่างแน่นแฟ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกส่วนสามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที กรณีมีเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมๆ กันหลายจุด พร้อมให้มีการบูรณาการนำเครื่องมือพิเศษเสริมการปฏิบัติงานมากยิ่งขึ้น อาทิ เครื่องตรวจค้นวัตถุระเบิด และอาวุธ กระสุน รวมทั้งการนำเครื่องบินตรวจการณ์ติดกล้องมาใช้บินตรวจ พร้อมเพิ่มมาตรการตรวจเส้นทางรถไฟให้เข้มงวดมากขึ้น ทั้งกลางวันและกลางคืน
 
ขณะที่ กอ.รมน.จะขยายโครงการต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่เกิดขึ้น เช่น ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว และเน้นให้งานต่างๆ เกิดเป็นรูปธรรม เข้าถึง และเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ โดยจะไม่ใช้แนวทางที่รุนแรงในการควบคุมสถานการณ์การชุมนุมด้วย
 
ส่วนสถานการณ์ที่เกิดความรุนแรงใน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ขณะนี้นั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จะยังไม่ประกาศเคอร์ฟิวเพิ่ม เพราะมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วนกรณีที่ม็อบไปยึดมัสยิดกลางปัตตานีนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร ซึ่งได้รับทราบข้อมูลที่น่าสนใจหลายเรื่องส่วนกรณีนักศึกษารามคำแหงที่ไปร่วมประท้วงนั้นทางตำรวจรับทราบแล้ว
 
นายทนงศักดิ์ พงศ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์ภาคใต้ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางการรถไฟได้เปิดจำหน่ายตั๋วให้กับประชาชนที่ต้องการเดินทางด้วยรถไฟทั้งขาขึ้นและขาล่องตั้งแต่กรุงเทพฯถึงสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ทุกขบวนแล้ว ก่อนที่จะเปิดเดินรถอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เนื่องจากการกู้ขบวนรถไฟที่ตกรางในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้เสร็จสิ้นลง
 
“ในส่วนของการเดินทางด้วยรถไฟในจังหวัดชายแดนภาคนั้นหลังจากนี้จะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นภายหลังจากที่ศูนย์ภาคใต้การรถไฟฯ ได้หารือกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งกองทัพภาคที่ 4 ตำรวจรถไฟเพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยการเดินรถไฟตั้งแต่สถานีหาดใหญ่ถึงสถานีสุไหงโก-ลก โดยได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจภูธรภาค 9 ทหาร ตชด. และกำลังเสริมจากหน่วยนาวิกโยธิน และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ คอยรักษาความปลอดภัยให้กับการเดินรถไฟทั้งระบบไม่ว่าเป็นเส้นทางขบวนรถไฟ บริเวณสถานี ทางแยกที่มีเครื่องกั้นถนน ความปลอดภัยของพนักงานซ่อมเส้นทาง และเสาส่งสายสัญญาณ”
 
นายทนงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการที่จะเน้นเป็นพิเศษนอกเหนือจากยุทธวิธีที่ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ คือ ก่อนรถไฟขบวนแรกออกวิ่งทั้งขาขึ้นและขาล่องตั้งแต่สถานีหาดใหญ่ - สถานีสุไหงโก-ลก จะมีการเคลียร์เส้นทางอย่างละเอียดโดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วงเพื่อความปลอดภัยในระดับสูงสุด และจะรายงานตรงมายังศูนย์ควบคุมการเดินรถ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ทางศูนย์ควบคุมการเดินรถก็จะปล่อยรถไฟเที่ยวแรกออกวิ่งในเวลาประมาณ 06.30 น.ของทุกๆ วันโดยรถไฟเที่ยวแรกที่ออกให้บริการเป็นขบวนรถไฟท้องถิ่นมี 4 ขบวน ออกจากสถานีหาดใหญ่ 1 ขบวน สถานียะลา 2 ขบวนและสถานีสุไหงโก-ลก 1 ขบวน
 
ในส่วนของการกำหนดพื้นที่การทำงานของกำลังแต่ละหน่วยนั้น กำลังของตำรวจภูธรภาค 9 จะดูแลในเรื่องของทางแยกทางเชื่อมที่มีเครื่องกั้นถนน กำลัง ตชด.จะลาดตระเวนช่วงตอนบนของพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ส่วนกำลังทหารดูแลเส้นทาง และสถานีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้จะมีกำลังเสริมจากหน่วยนาวิกโยธิน หน่วยปฏิบัติการพิเศษรวมทั้งทหารพรานเข้ามาเสริม ซึ่งการกำหนดยุทธวิธีนั้นเป็นเรื่องของกองกำลังแต่ละหน่วยจะเป็นผู้กำหนดเพื่อความเหมาะสม ขณะเดียวกันการทำงานของทุกหน่วยนั้นจะประสานกับหน่วยข่าวกรองเพราะหากพบสิ่งผิดปกติก็จะสามารถปรับเปลี่ยนแผนการทำงานว่าควรจะป้องกันในจุดไหนอย่างไรเป็นพิเศษ
กำลังโหลดความคิดเห็น