xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อถึงยุคที่พระจะกินหมา

เผยแพร่:   โดย: ยอดธง ทับทิวไม้

เมื่อไม่กี่วันมานี้ เมืองไทยเต็มไปด้วยข่าวที่ไม่เคยมีเคยเป็นมาก่อน หนังสือพิมพ์ของเราได้ร่วมกันเสนอข่าวต่างๆ เหล่านั้นอย่างถึงอกถึงใจทุกข่าว

ข่าวที่ว่านั้น หนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ” พาดหัวได้ถึงอกถึงใจหรือเตะตาที่สุดก็คือหัวข่าวในวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 ที่นำขึ้นมาพาดหัวเป็นข่าวธุรกิจประจำวันของการเป็นหัวหลักหัวตอหรือเป็นครกกระบากสากกะเบือของผู้รับผิดชอบบ้านเมืองที่ทำหน้าที่ปกครองด้วยความสมานฉันท์และกะล่อนปลิ้นปล้อนไปวันๆ เพราะไม่มีความรู้ไม่มีความสามารถ และไม่มีความรับผิดชอบในหน้าที่อย่างน่าอนาถใจ นั่นคือข่าวที่น่าสยองไม่น้อยไปกว่ากัน ได้แก่ข่าวการก่อการร้ายอย่างเสรีใน 4 จังหวัดภาคใต้ มีความว่า,

“บึ้มวินาศกรรม 8 จุด -หาดใหญ่-โกลาหลป่วนเมือง-หน้าห้าง-โรงแรม-ผับ-ร้านยาเหยื่อบริสุทธิ์บาดเจ็บระนาว”

นี่เป็นข่าวประจำวันที่เกิดขึ้นใน 4 จังหวัดภาคใต้ (ไม่ใช่ 3 จังหวัดเมื่อเพิ่มสงขลาเข้าอีกจังหวัดหนึ่งซึ่งหาดใหญ่จะเป็นจุดดึงดูดให้เกิดการก่อการร้ายในจังหวัดภาคใต้อื่นๆ ต่อไป เช่น สตูล พัทลุง) ซึ่ง “ไทยรัฐ” รายงานต่อไปว่า ;

“ไฟใต้ลามขยายวง กลุ่มคนร้ายลอบวางระเบิดทั่วเมืองหาดใหญ่พร้อมกันถึง 8 จุดย่านกลางใจเมืองและแหล่งท่องเที่ยว ประชาชนบาดเจ็บระนาวถึง 13 ราย” ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากขนคนเจ็บเข้าโรงพยาบาลไปก่อนและก็ไม่มีใครรู้ว่าอะไรเป็นอะไร หรือใครเป็นคนทำ ไม่มีใครตอบได้ แม้แต่จะเป็นพวกข้าราชการ เจ้าขุนมูลนาย หรือพวกกินบ้านกินเมืองทั่วไป ทุกคนอาจจะนั่งสมาธิกันอยู่หรือเมื่อถึงเวลาที่จะมีลูกผู้ชายที่มีความรับผิดชอบบ้านเมืองรายใหม่เกิดขึ้นมาทำหน้าที่เพื่อชาติไทย และคนไทยพากันลุกขึ้นมาเหยียบสวะที่กินบ้านกินเมืองพวกนี้ก็เป็นไปได้

ข่าวนี้ไม่ใช่ข่าวใหม่แต่เป็นข่าวที่เกิดมานานแล้วตั้งแต่ยุครัฐบาลสัมภเวสีชุดก่อนได้ทำเอาไว้ซึ่งเกิดจากความโง่อันถึงขนาดในการบริหาร และการปกครองบ้านเมืองที่แสดงว่าไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยนอกจากรอรับส่วนบุญจากนักชายชาติที่กำลังเร่ร่อนไปเห่าหอนอยู่ในที่ต่างๆ ทั่วโลก และเฉพาะอย่างยิ่งไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียวว่าศัตรูหรือคู่ต่อสู้เป็นใคร?

หลับหูหลับตาไปวันๆ แล้วก็พล่ามไปวันๆ ก็จบ

และเป็นที่น่าเชื่อได้ว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้า เหตุการณ์ใน 3 จังหวัดภาคใต้จะขยายตัวและลุกลามไปยิ่งขึ้น และแน่นอนที่สุดจะต้องถึงกรุงเทพฯ ที่เป็นเหยื่อขนาดใหญ่ของผู้ก่อการร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อดูจากการบริหารความรับผิดชอบและการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นของผู้นำที่ชำนาญการหลับหูหลับตาพากันเป่าสากอยู่ในขณะนี้

ผมเคยทำมาหากินในภาคใต้สมัยที่ยังเต็มไปด้วยขบวนการคอมมิวนิสต์ และโจรมลายูหลายกลุ่มที่ผมรู้จัก จากการทำงานตามยุทธวิธีของมาร์กซ์-เลนินที่ใช้กันมานานปีในประเทศมุสลิมในสหภาพโซเวียต ผู้ก่อการร้ายพวกนี้มีความชำนาญพอที่จะก่อกวนและทำลายพวกนักการเมืองหน้าโง่ของไทยที่รับผิดชอบอยู่ในขณะนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ลองเชื่อผมสักนิดก็จะไม่เสียใจ ให้ตายเถอะ!

สู้กับโจรก่อการร้ายพวกนี้ อย่าใช้ความโง่และความอหังการเป็นอันขาด

ไม่เพียงเท่านั้น ในหนังสือพิมพ์ยังมีข่าวพาดหัวต่อไปอีกข่าวหนึ่งว่า

“เด็กไทยหมกมุ่นคลิก “เซ็กซ์” ถึง 5.8 ล้านครั้ง”

และก็ให้รายละเอียดต่อไปว่า

“ปลัด ศธ. แฉเด็กไทยหมกมุ่นสื่อลามกหนัก เฉพาะปี 2545 เข้าเว็บไซต์ค้นหาคำว่า “เซ็กซ์” สูงถึง 5.8 ล้านครั้ง ในขณะที่เดือนม.ค.ที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียวทำสถิติถึง 500,000 กว่าครั้ง เรื่องยอดฮิตที่นิยมค้นหา 4 อันดับแรกมีทั้งเกม ดูดวง ฟังเพลง แอบถ่าย และมือถือ”

หมายถึงว่าเด็กไทยทุกวันนี้ขลุกอยู่กับความชั่วนานาชนิดเท่าที่มีอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ซึ่งได้ถูกนำมาอบรมสั่งสอนให้รู้จักวัฒนธรรมประเพณีของประเทศชาติของตัวเอง ด้วยการดำเนินชีวิตที่ไร้แก่นสาร นอกรีตนอกรอยจากคนรุ่นก่อนหน้าเขาได้ประพฤติปฏิบัติกันมา

เรามีเจ้าหน้าที่บ้านเมือง มีผู้รับผิดชอบดูแลสิ่งไม่ถูกต้อง แต่เรื่องเลวร้ายเหล่านี้จะไม่มีใครมีความรู้ ไม่มีใครเข้าใจจะไม่รับผิดชอบ และไม่รู้ว่าความรับผิดชอบคืออะไร

ข่าวเหล่านี้เป็นข่าวที่อ่านเพื่อความสนุกสนานในแต่ละวันก็จริง แต่เมื่อพิจารณากันสักเล็กน้อยเราจะมองเห็นอนาคตของชาติไทยหรือสังคมไทยแล้ว ไม่มีอะไรในความเป็นไทยที่เคยมีเคยเป็นกันมาแต่ก่อน นอกจากความไม่มียางอาย ขอเพียงให้ได้อยู่รอดไปวันๆ อย่างสัตว์ชั้นต่ำทั่วไปนั่นเอง

เฉพาะอย่างยิ่ง ลูกไทยหลานไทยที่เป็นผู้หญิงซึ่งในประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยไม่เคยมีใครประพฤติปฏิบัติกันมาก่อน ในปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่เด็กผู้หญิงรุ่นใหม่จะต้องยึดถือทุกคนจะต้องยอมรับมาปฏิบัติกันทั่วทุกหนแห่ง ยึดมั่นถือมั่นในการสร้างตัวเองให้เป็นโสเภณีที่สามารถจะนำไปสมสู่ตามที่สาธารณะไม่ผิดกับการสมสู่ของสัตว์ทั่วๆ ไปที่เห็นกันได้ตามริมถนนหนทาง

ก็หนังสือพิมพ์อีกนั่นแหละที่นำมาเป็นข่าวสำคัญเพื่อให้เป็นตัวอย่างสำหรับความรู้ของคนไทยทั่วไปว่าเราจะเอากันอย่างนี้หรืออยู่กันอย่างนี้ตลอดไป หรือพยายามแก้ความเป็นสัตว์ป่าของพวกเราให้มันเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาสักเล็กน้อยกว่าเดิมกันบ้าง ถ้าเราจะคิดว่ามันไม่สายจนเกินไป?

นั่นคือเรื่องราวที่หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวว่า

“สาวหลากอาชีพขายบริการริมทางรถไฟ”

แล้วในรายละเอียดก็มีการบรรยายต่อไปว่า

“ผกก.มักกะสัน แฉนศ.-พยาบาล-พนักงานบริษัท -นางงามตู้กระจกแห่ขายบริการริมทางรถไฟเพียบ บางคนขับรถหรูอ้างขัดสนเงิน เผยศุกร์-เสาร์มากที่สุด 5 เดือนจับมาแล้ว 8,000 คน”

นั่นแสดงว่าในเดือนนั้นจะมีอีกหลายหมื่นคนก็ได้ที่ไม่ได้จับกุมหรือปล่อยให้หาเงินกันไป ซึ่งถือเสียว่าเป็นการทำบุญทำทานของเจ้าหน้าที่ต่อประชาชนที่เป็นเพศหญิงยากจนที่แน่นอนว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวันตามจำนวนของประชากรที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี

ปัญหาที่น่าสนใจก็คือว่า กรุงเทพฯ มีสถานีรถไฟหลายแห่งที่มีเนื้อที่กว้างขวางแม้แต่สถานีหัวลำโพงเอง ผู้หญิงที่นอกเหนือไปจาก 8,000 คนนี้จะมีอีกกี่หมื่นกี่พันคนที่จะต้องไปมีอาชีพเสริมด้วยการเป็นโสเภณีริมถนน ผู้สนใจสามารถจะนึกเอาเองได้ว่ามันจะต้องไม่น้อยทีเดียว เพราะว่าการเป็นโสเภณีริมทางรถไฟของผู้หญิงไทยเป็นอาชีพเสรีที่ใครๆ สามารถจะเข้ามาร่วมจรรโลงวิธีการเป็นโสเภณีอาชีพที่สามารถไม่เหนื่อยยากแต่อย่างใดด้วย

หัวหน้าครอบครัวคนหนึ่งที่สกลนครซึ่งมีอาชีพขับสามล้อรับจ้าง ซึ่งเป็นครอบครัวที่ยากจนรายหนึ่งซึ่งรู้จักกับผมมาเกือบ 20 กว่าปี และมีลูกผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะโตเป็นสาวแต่ผมไม่มีโอกาสพบเธออีก ก็เลยถามคนที่เป็นพ่อว่า “แกไปไหน ทำงานอะไรที่ไหน?”

“ไปกรุงเทพฯ” เขาตอบแบบห้วนๆ “ที่นี่หาเงินยาก เห็นว่าในกรุงเทพฯ สะดวกกว่า คนมันเยอะ ที่ทางก็เยอะ ริมทางรถไฟที่ไหนก็ได้”

ผมพยักหน้า

นั่นคือความเป็นคนไทยในสังคมไทย ที่ทุกคนจะต้องหาทางเอาตัวรอด

ไม่มีคนไทยที่ไหนจะให้ความช่วยเหลืออะไรใครได้ แม้แต่นายกรัฐมนตรียังต้องเอาชาติไปขายเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียอย่างที่มีคนประกาศออกมา หรือแม้แต่จะเป็นรัฐบาลใหม่กลุ่มใหม่เข้ามาก็จะเหมือนเดิมคือไม่ยอมรับผิดชอบทำได้เพียงอย่างเดียวคือพูดพล่อยๆ เป็นการให้สัมภาษณ์หากินไปเป็นครั้งเป็นคราว ปัญหาของประชาชนซึ่งเป็นปัญหาคอขาดบาดตายเกือบทุกปัญหาเพียงแต่จะรับฟังหรือพยักหน้าขอไปทีเท่านั้น

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่มันสำคัญอยู่ว่าผู้หญิงโสเภณีริมทางรถไฟเหล่านี้ในจำนวน8,000 คนที่จับได้แต่ละเดือนมันอาจจะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และเมื่อรวมกับสถานีรถไฟที่อื่นหรือที่มีอาณาบริเวณพอที่จะทำเป็นซ่องเปิดขึ้นมาได้เมื่อมันเพิ่มจำนวนมากขึ้น และมีลูกมีหลานกันต่อไป ลูกหลานเหล่านี้ก็จะไม่มีทางไหนนอกจากพากันยึดอาชีพโสเภณีของชาติต่อไป เมื่อเราลองหลับตาและเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนของเราที่มีราคาเป็นเพียงเศษมนุษย์เท่านั้น และเช่นเดียวกับเด็กผู้ชายที่กำลังหลงใหลอินเทอร์เน็ตกันอยู่เป็นล้านๆ คนนั้น คนพวกนั้นมันจะไม่เป็นอะไรไปได้มากไปกว่าเกิดมาและมีชีวิตอยู่อย่างเศษสวะที่ไม่มีราคาค่างวดอะไรเลยก็ได้

เท่าที่เรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ท่ามกลางข่าวชั่วร้ายร้อยแปดในแต่ละวันมันก็สยดสยองพออยู่แล้ว แล้วเราจะต้องมานึกถึงว่าคนไทยวันหนึ่งก็จะฆ่ากันไปอย่างมันมืออย่างที่กำลังฆ่ากันอยู่ในภาคใต้ขณะนี้ ก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับความชั่วทุกอย่างทางอินเทอร์เน็ตกันเป็นล้านคนหรือจะต้องไปนอนขายตัวอยู่ตามริมทางรถไฟเป็นพันเป็นหมื่นคนในแต่ละวันนั้น คนไทยและเมืองไทยจะเอาสวรรค์วิมานอะไรที่ไหนมาสร้างสังคมให้มันสวยสดงดงามไปกว่าสังคมเดียรัจฉานที่กำลังมีชีวิตอยู่กันทุกวันนี้ แม้แต่เป็นนักการเมืองเป็นรัฐบาลมันยังหากินด้วยการขายบ้านขายเมือง!

จะไม่มีใครสักคนหนึ่งเชียวหรือที่มีสติปัญญาและความเป็นผู้นำพอสมที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาอันมืดมนเหล่านี้ได้

ที่น่าอนาถที่สุดก็คือความชั่วและความโง่เขลาที่เราเอามาบ่นกันอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงแต่เรื่องสัพเพเหระเท่านั้นที่มันชั่วสาหัส แม้แต่เรื่องการปกครองบ้านเมืองการทำหน้าที่เพื่อประชาธิปไตยต้องอาศัยความชั่วและความคิดที่ต่ำทรามปล้นบ้านกินเมืองกันถึงขนาดต้องยุบพรรค

ก็ข่าวหนังสือพิมพ์อีกนั่นแหละที่พาดหัวลงไปว่า แม้แต่การเมืองหรือชนชั้นปกครองของเราก็อยู่กันด้วยความคิดชั่ว ทำชั่ว และกัดไม่ได้หยุดถึงกับยุบพรรคที่ถึงกับพาดหัวข่าวว่า “ทรท.อวสานยุบ/ตัดสิทธิ 5 ปี-ปชป.-รอด” (มติชน 31 พฤษภาคม 2550) ซึ่งก็เป็นข่าวใหญ่ แต่ฝ่ายนักการเมืองปล้นชาติปล้นแผ่นดินรับไม่ได้จะสู้เพื่อปล้นบ้านปล้นเมืองต่อไปอีกจนกว่าบ้านเมืองจะฉิบหาย

นี่คือสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบันนี้ มันจะชั่วไปหมดตลอดหัวตลอดหาง ที่น่าขำที่สุดก็คือข่าวร้ายอีกข่าวหนึ่งที่หนังสือพิมพ์พาดหัวลงไปว่าถึงเวลาแล้วที่พระจะต้องกินหมา!!

ข่าวนั้นรายงานว่า “พระเมาจะกินเนื้อหมาดำ”

“ไล่จับ- ใช้มีดฟันจับโยนไฟ” รายงานข่าวให้รายละเอียดว่า “2 พระธุดงค์และลูกศิษย์ตั้งวงก๊งเหล้า เมาได้ที่อุตริอยากกินเนื้อหมาดำแกล้มเหล้า ถลกจีวรออกวิ่งไล่จับหมาชาวบ้านเอามาย่างเป็นเมนูเด็ด” (ไทยรัฐ 29 พฤษภาคม 2550)

ไม่รู้จะว่ายังไง เมืองไทยทุกวันนี้มันจะชั่วมากเกินไปมากแล้วขนาดพระอยู่ดีๆ ยังต้องตั้งวงเหล้าและวิ่งจับหมามาเผาเพื่อจะเอามากินแกล้มเหล้า

ต่อไปคนไทยจะทำอะไรกันอีก?
กำลังโหลดความคิดเห็น