นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเจริญสัมพันธไมตรีอย่างแน่นแฟ้นกับสหรัฐอเมริกา ด้วยการพระราชทานช้างให้กับประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาแล้ว ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นมิตรประเทศของประเทศไทยมาเป็นเวลายาวนานจนกระทั่งถึงบัดนี้
ในหลายสถานการณ์สำคัญของโลก ทั้งสองประเทศได้ร่วมแรงร่วมใจและเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะประเทศไทยนั้นได้คบหาสหรัฐอเมริกาด้วยความจริงใจ ด้วยความสัตย์สุจริตตามสัญญาสัมพันธไมตรีทุกประการ
แต่ในบางครั้งสหรัฐอเมริกากลับแสดงท่าทีทอดทิ้งประเทศไทย ประพฤติตนเสมือนคนขี้ขลาดตาขาว ดังเช่นการหนีออกจากสถานการณ์ในเอเชียอาคเนย์หลังจากกองทัพเวียดนามได้กรีฑาทัพเข้ายึดกัมพูชาแล้ว ทอดทิ้งและปล่อยให้ประเทศไทยเผชิญหน้ากับแสนยานุภาพอันมหึมานั้นแต่ลำพัง
เราได้เห็นความไม่จริงใจในครั้งนั้นอย่างชัดเจน และโชคดีที่ผู้นำประเทศไทยในยุคนั้นปรีชาสามารถ ปรับตัวได้ทันท่วงทีด้วยการเปิดเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศจีนและนำไปสู่สงครามสั่งสอน อันเป็นเหตุให้กองทัพเวียดนามต้องเคลื่อนพลจากชายแดนไทยกลับเวียดนามขึ้นไปยันศึกทางด้านเหนือ ทำให้สถานการณ์ในเอเชียอาคเนย์มีเสถียรภาพและมีความสงบสุขตั้งแต่บัดนั้นมา
ประเทศไทยได้ลงทุนลงแรงสนับสนุนนโยบายของสหรัฐอเมริกาในห้วงเวลาสงครามเย็นอย่างเต็มที่ เอาตัวเอาชาติบ้านเมืองเข้าเสี่ยงตามพันธะสัญญาไมตรีระหว่างกันด้วยความซื่อสัตย์ จริงจัง และจริงใจ แต่พอเอาเข้าจริงกลับถูกทอดทิ้งอย่างหน้าตาเฉย
และหลังจากนั้นฝ่ายนิติบัญญัติและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้บีบคั้นข่มเหงเอาเปรียบประเทศไทยให้เห็นเป็นที่ชัดเจนมาโดยลำดับ กระทั่งสนับสนุนระบอบที่โกงชาติบ้านเมืองอย่างออกนอกหน้า โดยไม่นำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของประชาชนชาวไทย
หลายครั้งหลายหนปล่อยปละละเลยเพิกเฉยให้มีการย่ำยีพระพุทธศาสนาอันเป็นการเหยียบย่ำน้ำใจคนไทยทั้งประเทศอย่างไม่ไยดี
ในยุครัฐบาลทักษิณ โดยเฉพาะห้วงเวลาที่สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับโลกมุสลิมเนื่องจากการเปิดสงครามรุกรานอิรัก และต้องการแสวงหาพันธมิตรให้กับกลุ่มนาโต้ หรือกลุ่มสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ อันมิได้เกี่ยวข้องอันใดกับประเทศไทยเลย ก็ยังดึงเอาประเทศไทยเข้าไปเป็นบริษัทบริวาร โดยการยินยอมพร้อมใจของรัฐบาลทักษิณ
สหรัฐอเมริกาผูกมัดประเทศไทยให้ยืนอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับโลกมุสลิม ด้วยการแต่งตั้งให้ประเทศไทยเป็น “พันธมิตรนอกนาโต้” เนื้อแท้ก็คือการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านให้กับประเทศไทย ลากประเทศไทยเข้าไปเผชิญหน้ากับโลกมุสลิม จนเกิดเหตุการณ์ปั่นป่วนวุ่นวายไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เรื่อยมาถึงวันนี้
มิหนำซ้ำยังชักพาประเทศไทยให้ส่งทหารเข้าไปในประเทศอิรัก ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็นสถานการณ์ของการทำสงครามรุกรานโลกมุสลิม และยังยึดครองอยู่ไม่วางมือจนถึงวันนี้ โดยให้เพียงคำมั่นสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะสนับสนุนให้นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นเลขาธิการสหประชาชาติ และมีการบิดพลิ้วต่อมาอย่างหน้าตาเฉย
โชคดีที่มีการแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที โดยที่ผู้รับผิดชอบในยุคนั้นได้แต่งคณะทำงานไปทำความเข้าใจกับคณะทำงานของสภาผู้นำศาสนาอิสลามโลก และเมื่อมีความเข้าใจที่ดีต่อกันแล้ว ภายใต้การประสานงานของคณะทำงานสภาผู้นำศาสนาอิสลามโลก กองทหารไทยที่ส่งเข้าไปในอิรักจึงไม่ถูกรบกวนทำร้ายจากพี่น้องชาวมุสลิมเลย
และเพื่อจะชักลากประเทศไทยให้เผชิญหน้ากับโลกมุสลิมมากขึ้น ยังมีการวางแผนขอยืมมือประเทศไทยให้จับนายฮัมบาลีแกนนำคนสำคัญของขบวนการอัลกออิดะห์ แล้วโหมประโคมข่าวให้ประเทศมุสลิมโกรธแค้นชิงชังประเทศไทยมาจนถึงวันนี้
นั่นเป็นผลงานชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านของรัฐบาลที่ผ่านมา และสร้างปัญหายุ่งยากมากมายให้กับประเทศไทย
สิ่งที่เรียกว่า “พันธมิตรนอกนาโต้” นั้นไม่ได้มีอะไรมาก แค่อาจหยิบยืมหรือขอความช่วยเหลือทางการทหารบางประการได้เท่านั้น ซึ่งต้องเข้าใจให้ดีว่าไม่มีของฟรีหรือสิ่งใดให้เปล่าสำหรับสหรัฐอเมริกา
ไม่เห็นหรือว่าในอดีตนั้นหากเกิดศึกเหนือเสือใต้ขึ้นมา ประเทศไทยเราก็ต้องซื้อหาด้วยเงินตราของประเทศไทยจนเป็นหนี้เป็นสินเอาเองทั้งนั้น ไม่ได้มีบุญคุณหรือการให้เปล่าใด ๆ ต่อกันเลย
คนไทยทั้งประเทศจึงต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าสิ่งที่เรียกว่า “พันธมิตรนอกนาโต้” ที่สหรัฐอเมริกาเข้าใจว่าเป็นการให้สิทธิ์ ให้เกียรติแก่ประเทศไทยเป็นพิเศษนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงมายาภาพ และเป็นการดึงประเทศไทยออกไปเผชิญหน้ากับโลกมุสลิมที่มีแต่จะเสียหายแก่ประเทศไทยสถานเดียวเท่านั้น
ประเทศไทยไม่ควรเป็น “พันธมิตรนอกนาโต้” เลย
ในวันนี้พี่น้องชาวไทยทั้งประเทศจงรับรู้พร้อมกันเถิดว่าสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อว่านายเคิร์ด ซึ่งไม่รู้ว่ามีความเกี่ยวข้องอันใดกับขบวนการล็อบบี้ยิสต์ กำลังข่มเหงรังแกประเทศไทยด้วยการเสนอร่างกฎหมายต่อสภาคองเกรสเพื่อให้ถอดถอนประเทศไทยออกจากความเป็น “พันธมิตรนอกนาโต้”
โดยมีข้ออ้างที่สุดแสนจะบัดซบว่า สหรัฐอเมริกามีภาระหน้าที่ต้องยืนเคียงข้างชาวไทยเพื่อป้องกันรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ดำเนินการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนชาวไทยในอนาคต และอีกเหตุผลหนึ่งว่าประเทศไทยปกครองด้วยเผด็จการทหารที่ล้มล้างรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ไม่สมควรที่จะได้รับสถานการณ์เป็นชาติพันธมิตรหลักนอกกลุ่มนาโต้
และยังอ้างเหตุผลอย่างหน้าตาเฉยว่า วัตถุประสงค์ในการยื่นร่างกฎหมายฉบับนี้เพื่อนำประชาธิปไตยสู่ประเทศไทย และเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างให้กับกองทัพของประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และกดดันให้กองทัพของทุกชาติในเอเชียเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ก็เห็นได้ชัด ๆ ว่าการกระทำดังกล่าวนี้คือการสนับสนุนระบอบทักษิณนั่นเอง และไม่เพียงแต่สนับสนุนระบอบทักษิณเท่านั้น ยังเข้าแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย เหยียดหยามรัฐบาลและการบริหารราชการของประเทศไทย ซึ่งก็คือการย่ำยีคนไทยทั้งประเทศนั่นเอง
พูดได้อย่างไรว่าเป็นการกระทำเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับกองทัพประเทศใด ๆ ในเอเชีย นี่คือการโกหกหลอกลวงชาวโลก
ก็รัฐบาลปากีสถานที่สหรัฐอเมริกาสนับสนุนอย่างเต็มตัวนั้นก็มาจากการรัฐประหารไม่ใช่หรือ
ก็รัฐบาลจีน เวียดนาม ลาว ต่างล้วนก็เป็นรัฐบาลแห่งสังคมนิยม ที่แต่ละพรรคต่างก็มีกองทัพเป็นของตนเองและสถาปนาอำนาจรัฐบาลของตนเองขึ้นโดยอาศัยกองทัพทั้งสิ้น
ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ทำไมสหรัฐอเมริกาจึงยังคบหาและสนับสนุน ตลอดจนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างเต็มที่ ไม่มีการกดดันข่มเหงรังแกเหมือนที่กระทำกับประเทศไทยเล่า?
ความจริงหากจะปล่อยให้ดำเนินการต่อไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร มีแต่จะเป็นผลดีกับประเทศไทยด้วยซ้ำไป แต่ใคร ๆ อาจจะฉวยโอกาสเอามาย่ำยีประเทศไทยต่อไปได้
ดังนั้นในโอกาสอันดีนี้ เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล คมช. และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตลอดจนประชาชนชาวไทยทั้งมวลได้พร้อมเพรียงน้ำใจกันดำเนินการให้ประเทศไทยถอนตัวออกมาจากความเป็นสมาชิกหลักของ “พันธมิตรนอกนาโต้” เสีย
ถอนตัวประเทศไทยออกมาจากการเป็นลิ่วล้อบริวารของสหรัฐอเมริกา และยุติการเผชิญหน้ากับโลกมุสลิมในทันที จักเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีแก่ประเทศไทยและคนไทยเป็นอย่างยิ่ง
และเพื่อความแข็งแกร่ง ตลอดจนความมั่นคงอันมีเสถียรภาพของประเทศไทยและมิตรประเทศในเอเชีย ประเทศไทยควรถือโอกาสนี้ทำความตกลงร่วมมือทางการทหารกับประเทศจีนชุดหนึ่ง กับกัมพูชา ลาว และพม่าอีกชุดหนึ่ง ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป!
ขอให้ทำอย่างนี้เถิด สหรัฐอเมริกาจะวิ่งแจ้นเข้ามาหาอ้อนวอนเอาอกเอาใจเอง โดยที่ไม่ต้องเสียศักดิ์ศรีของประเทศไทยให้ไอ้ ส.ส. คนนี้ที่ประพฤติตนเป็นปรปักษ์กับคนไทยนำไปเป็นเครื่องมือข่มขู่ข่มเหงประเทศไทยอีกต่อไป
คณะผู้บริหารและสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกา ขอได้โปรดพิจารณาและตระหนักในเรื่องนี้แล้วช่วยกันตบปากไอ้ ส.ส. คนนี้เพื่อคนไทยสักทีจะได้ไหม?
ในหลายสถานการณ์สำคัญของโลก ทั้งสองประเทศได้ร่วมแรงร่วมใจและเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะประเทศไทยนั้นได้คบหาสหรัฐอเมริกาด้วยความจริงใจ ด้วยความสัตย์สุจริตตามสัญญาสัมพันธไมตรีทุกประการ
แต่ในบางครั้งสหรัฐอเมริกากลับแสดงท่าทีทอดทิ้งประเทศไทย ประพฤติตนเสมือนคนขี้ขลาดตาขาว ดังเช่นการหนีออกจากสถานการณ์ในเอเชียอาคเนย์หลังจากกองทัพเวียดนามได้กรีฑาทัพเข้ายึดกัมพูชาแล้ว ทอดทิ้งและปล่อยให้ประเทศไทยเผชิญหน้ากับแสนยานุภาพอันมหึมานั้นแต่ลำพัง
เราได้เห็นความไม่จริงใจในครั้งนั้นอย่างชัดเจน และโชคดีที่ผู้นำประเทศไทยในยุคนั้นปรีชาสามารถ ปรับตัวได้ทันท่วงทีด้วยการเปิดเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศจีนและนำไปสู่สงครามสั่งสอน อันเป็นเหตุให้กองทัพเวียดนามต้องเคลื่อนพลจากชายแดนไทยกลับเวียดนามขึ้นไปยันศึกทางด้านเหนือ ทำให้สถานการณ์ในเอเชียอาคเนย์มีเสถียรภาพและมีความสงบสุขตั้งแต่บัดนั้นมา
ประเทศไทยได้ลงทุนลงแรงสนับสนุนนโยบายของสหรัฐอเมริกาในห้วงเวลาสงครามเย็นอย่างเต็มที่ เอาตัวเอาชาติบ้านเมืองเข้าเสี่ยงตามพันธะสัญญาไมตรีระหว่างกันด้วยความซื่อสัตย์ จริงจัง และจริงใจ แต่พอเอาเข้าจริงกลับถูกทอดทิ้งอย่างหน้าตาเฉย
และหลังจากนั้นฝ่ายนิติบัญญัติและรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้บีบคั้นข่มเหงเอาเปรียบประเทศไทยให้เห็นเป็นที่ชัดเจนมาโดยลำดับ กระทั่งสนับสนุนระบอบที่โกงชาติบ้านเมืองอย่างออกนอกหน้า โดยไม่นำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของประชาชนชาวไทย
หลายครั้งหลายหนปล่อยปละละเลยเพิกเฉยให้มีการย่ำยีพระพุทธศาสนาอันเป็นการเหยียบย่ำน้ำใจคนไทยทั้งประเทศอย่างไม่ไยดี
ในยุครัฐบาลทักษิณ โดยเฉพาะห้วงเวลาที่สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับโลกมุสลิมเนื่องจากการเปิดสงครามรุกรานอิรัก และต้องการแสวงหาพันธมิตรให้กับกลุ่มนาโต้ หรือกลุ่มสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ อันมิได้เกี่ยวข้องอันใดกับประเทศไทยเลย ก็ยังดึงเอาประเทศไทยเข้าไปเป็นบริษัทบริวาร โดยการยินยอมพร้อมใจของรัฐบาลทักษิณ
สหรัฐอเมริกาผูกมัดประเทศไทยให้ยืนอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับโลกมุสลิม ด้วยการแต่งตั้งให้ประเทศไทยเป็น “พันธมิตรนอกนาโต้” เนื้อแท้ก็คือการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านให้กับประเทศไทย ลากประเทศไทยเข้าไปเผชิญหน้ากับโลกมุสลิม จนเกิดเหตุการณ์ปั่นป่วนวุ่นวายไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เรื่อยมาถึงวันนี้
มิหนำซ้ำยังชักพาประเทศไทยให้ส่งทหารเข้าไปในประเทศอิรัก ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็นสถานการณ์ของการทำสงครามรุกรานโลกมุสลิม และยังยึดครองอยู่ไม่วางมือจนถึงวันนี้ โดยให้เพียงคำมั่นสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ ว่าจะสนับสนุนให้นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นเลขาธิการสหประชาชาติ และมีการบิดพลิ้วต่อมาอย่างหน้าตาเฉย
โชคดีที่มีการแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที โดยที่ผู้รับผิดชอบในยุคนั้นได้แต่งคณะทำงานไปทำความเข้าใจกับคณะทำงานของสภาผู้นำศาสนาอิสลามโลก และเมื่อมีความเข้าใจที่ดีต่อกันแล้ว ภายใต้การประสานงานของคณะทำงานสภาผู้นำศาสนาอิสลามโลก กองทหารไทยที่ส่งเข้าไปในอิรักจึงไม่ถูกรบกวนทำร้ายจากพี่น้องชาวมุสลิมเลย
และเพื่อจะชักลากประเทศไทยให้เผชิญหน้ากับโลกมุสลิมมากขึ้น ยังมีการวางแผนขอยืมมือประเทศไทยให้จับนายฮัมบาลีแกนนำคนสำคัญของขบวนการอัลกออิดะห์ แล้วโหมประโคมข่าวให้ประเทศมุสลิมโกรธแค้นชิงชังประเทศไทยมาจนถึงวันนี้
นั่นเป็นผลงานชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านของรัฐบาลที่ผ่านมา และสร้างปัญหายุ่งยากมากมายให้กับประเทศไทย
สิ่งที่เรียกว่า “พันธมิตรนอกนาโต้” นั้นไม่ได้มีอะไรมาก แค่อาจหยิบยืมหรือขอความช่วยเหลือทางการทหารบางประการได้เท่านั้น ซึ่งต้องเข้าใจให้ดีว่าไม่มีของฟรีหรือสิ่งใดให้เปล่าสำหรับสหรัฐอเมริกา
ไม่เห็นหรือว่าในอดีตนั้นหากเกิดศึกเหนือเสือใต้ขึ้นมา ประเทศไทยเราก็ต้องซื้อหาด้วยเงินตราของประเทศไทยจนเป็นหนี้เป็นสินเอาเองทั้งนั้น ไม่ได้มีบุญคุณหรือการให้เปล่าใด ๆ ต่อกันเลย
คนไทยทั้งประเทศจึงต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าสิ่งที่เรียกว่า “พันธมิตรนอกนาโต้” ที่สหรัฐอเมริกาเข้าใจว่าเป็นการให้สิทธิ์ ให้เกียรติแก่ประเทศไทยเป็นพิเศษนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงมายาภาพ และเป็นการดึงประเทศไทยออกไปเผชิญหน้ากับโลกมุสลิมที่มีแต่จะเสียหายแก่ประเทศไทยสถานเดียวเท่านั้น
ประเทศไทยไม่ควรเป็น “พันธมิตรนอกนาโต้” เลย
ในวันนี้พี่น้องชาวไทยทั้งประเทศจงรับรู้พร้อมกันเถิดว่าสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อว่านายเคิร์ด ซึ่งไม่รู้ว่ามีความเกี่ยวข้องอันใดกับขบวนการล็อบบี้ยิสต์ กำลังข่มเหงรังแกประเทศไทยด้วยการเสนอร่างกฎหมายต่อสภาคองเกรสเพื่อให้ถอดถอนประเทศไทยออกจากความเป็น “พันธมิตรนอกนาโต้”
โดยมีข้ออ้างที่สุดแสนจะบัดซบว่า สหรัฐอเมริกามีภาระหน้าที่ต้องยืนเคียงข้างชาวไทยเพื่อป้องกันรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ดำเนินการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนชาวไทยในอนาคต และอีกเหตุผลหนึ่งว่าประเทศไทยปกครองด้วยเผด็จการทหารที่ล้มล้างรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ไม่สมควรที่จะได้รับสถานการณ์เป็นชาติพันธมิตรหลักนอกกลุ่มนาโต้
และยังอ้างเหตุผลอย่างหน้าตาเฉยว่า วัตถุประสงค์ในการยื่นร่างกฎหมายฉบับนี้เพื่อนำประชาธิปไตยสู่ประเทศไทย และเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างให้กับกองทัพของประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และกดดันให้กองทัพของทุกชาติในเอเชียเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ก็เห็นได้ชัด ๆ ว่าการกระทำดังกล่าวนี้คือการสนับสนุนระบอบทักษิณนั่นเอง และไม่เพียงแต่สนับสนุนระบอบทักษิณเท่านั้น ยังเข้าแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย เหยียดหยามรัฐบาลและการบริหารราชการของประเทศไทย ซึ่งก็คือการย่ำยีคนไทยทั้งประเทศนั่นเอง
พูดได้อย่างไรว่าเป็นการกระทำเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับกองทัพประเทศใด ๆ ในเอเชีย นี่คือการโกหกหลอกลวงชาวโลก
ก็รัฐบาลปากีสถานที่สหรัฐอเมริกาสนับสนุนอย่างเต็มตัวนั้นก็มาจากการรัฐประหารไม่ใช่หรือ
ก็รัฐบาลจีน เวียดนาม ลาว ต่างล้วนก็เป็นรัฐบาลแห่งสังคมนิยม ที่แต่ละพรรคต่างก็มีกองทัพเป็นของตนเองและสถาปนาอำนาจรัฐบาลของตนเองขึ้นโดยอาศัยกองทัพทั้งสิ้น
ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ทำไมสหรัฐอเมริกาจึงยังคบหาและสนับสนุน ตลอดจนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างเต็มที่ ไม่มีการกดดันข่มเหงรังแกเหมือนที่กระทำกับประเทศไทยเล่า?
ความจริงหากจะปล่อยให้ดำเนินการต่อไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร มีแต่จะเป็นผลดีกับประเทศไทยด้วยซ้ำไป แต่ใคร ๆ อาจจะฉวยโอกาสเอามาย่ำยีประเทศไทยต่อไปได้
ดังนั้นในโอกาสอันดีนี้ เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล คมช. และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตลอดจนประชาชนชาวไทยทั้งมวลได้พร้อมเพรียงน้ำใจกันดำเนินการให้ประเทศไทยถอนตัวออกมาจากความเป็นสมาชิกหลักของ “พันธมิตรนอกนาโต้” เสีย
ถอนตัวประเทศไทยออกมาจากการเป็นลิ่วล้อบริวารของสหรัฐอเมริกา และยุติการเผชิญหน้ากับโลกมุสลิมในทันที จักเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีแก่ประเทศไทยและคนไทยเป็นอย่างยิ่ง
และเพื่อความแข็งแกร่ง ตลอดจนความมั่นคงอันมีเสถียรภาพของประเทศไทยและมิตรประเทศในเอเชีย ประเทศไทยควรถือโอกาสนี้ทำความตกลงร่วมมือทางการทหารกับประเทศจีนชุดหนึ่ง กับกัมพูชา ลาว และพม่าอีกชุดหนึ่ง ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป!
ขอให้ทำอย่างนี้เถิด สหรัฐอเมริกาจะวิ่งแจ้นเข้ามาหาอ้อนวอนเอาอกเอาใจเอง โดยที่ไม่ต้องเสียศักดิ์ศรีของประเทศไทยให้ไอ้ ส.ส. คนนี้ที่ประพฤติตนเป็นปรปักษ์กับคนไทยนำไปเป็นเครื่องมือข่มขู่ข่มเหงประเทศไทยอีกต่อไป
คณะผู้บริหารและสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกา ขอได้โปรดพิจารณาและตระหนักในเรื่องนี้แล้วช่วยกันตบปากไอ้ ส.ส. คนนี้เพื่อคนไทยสักทีจะได้ไหม?