ผู้จัดการรายวัน - ซูชิ อาหารญี่ปุ่นที่กำลังมาแรง สามารถพบเห็นได้ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นตลาดหรูอย่างศูนย์การค้า หรือ แม้แต่ตลาดที่ติดดินอย่างตลาดนัด ราคาก็แตกต่างกันไปตามสถานที่ ส่วนรูปร่างหน้าตาและความหลากหลายของซูชิ มีความแตกต่างเช่นกัน และจุดต่างระหว่างซูชิในศูนย์การค้า หรือ ร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำ กับ ซูชิที่ขายอยู่ตามตลาดนัด ทำให้เกิดช่องว่าง ผลักดันการแจ้งเกิด Mr.SUSHI อย่างเต็มตัว
หลายคนที่ได้มีโอกาสเดินงานแสดงสินค้า หรือ พบเห็นร้าน Mr.SUSHI จะเห็นถึงความแตกต่างของร้านชูชิ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าของซูชิ ที่มีให้เลือกมากกว่า 20 หน้า พ่อครัวที่ยืนปั้นกันสดเต็มหน้าร้าน เหล่านี้ สามารถเรียกลูกค้าให้มามุงกันเต็มหน้าร้านได้ไม่ยาก และบวกกับราคาที่ไม่สูง และรสชาติจากการเลือกวัตถุดิบคุณภาพดี ทั้งหมดเป็นช่องว่างระหว่างชูชิในศูนย์การค้า และซูชิที่ตลาดนัด ทำให้ Mr.SU SHI ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว
ปัญญา ปะวะเสนะ ผู้จัดการทั่วไป Mr.SU SHI เล่าว่า จุดเด่นของซูชิเราอยู่ที่เน้นความสด โดยมีทีมงานพ่อครัวมาปั้นกันสดหน้าร้าน และเลือกใช้วัตถุดิบเกรดเอ นำมาขายในราคาชิ้นละ 10 บาท เราเชื่อว่าในคุณภาพเดียวกันไม่มีใครสามารถที่นำมาขายในราคานี้ได้ แต่ที่เราสามารถทำได้เพราะเราเป็นบริษัทผู้นำเข้าวัตถุดิบเหล่านี้อยู่แล้วจึงมีคอร์สต้นทุนวัตถุดิบในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ขายในท้องตลาด
สำหรับ Mr.SU SHI ได้ถือกำเนิดมาได้ประมาณ 5-6 ปี โดย คุณสุริยัน ปะวะเสนะ ได้มีประสบการณ์จากการทำภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น ในเมืองไทย มากว่า 5 ปี หลังจากนั้นได้ลาออกมาเพราะต้องการจะมาทำกิจการส่วนตัว เริ่มจากการเปิดสอน ส่วนมากเน้นสอนคอร์สซูชิ ค่าเรียนคอร์สละ 20,000 บาท พร้อมไปกับการเปิดกิจการร้าน Mr.SU SHI ไปด้วย มีผู้สนใจมาเรียนทำซูชิค่อนข้างมาก เพราะอยู่ในกระแสของอาหารญี่ปุ่นที่มาแรงในประเทศไทย และซูชิ เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ทำง่ายไม่ยุ่งยาก ที่มาของชื่อ Mr.SU SHI ต้องการที่จะให้มันไม่เป็นญี่ปุ่นเสียที่เดียว คือ มีคำว่า Mr.ที่เป็นอินเตอร์สามารถไปขายได้ทั่วโลก เพราะในอนาคตอันใกล้นี้เรามีแผนที่จะขยายตลาดไปต่างประเทศด้วย
"ลักษณะร้านของMr.SU SHI ในช่วงแรกเป็นบาร์ที่ขายเฉพาะซูชิ ปัจจุบันมีสาขาด้วยกัน 4 สาขา ที่เสรีเซ็นเตอร์ ซีคอนสแควร์ อิมพีเรียล สำโรง และโลตัสสะพานใหม่ และในส่วนร้านเต็มรูปแบบที่ขายอาหารญี่ปุ่นทั้งหมด จะเปิดที่ตึก SCBในเดือนหน้า ส่วนการเปิดขายแฟรนไชส์ ยังไม่มีแพลนที่จะเปิดขายในช่วงนี้ เพราะต้องใช้เวลาศึกษาเรื่องของแฟรนไชส์ให้ดี ก่อนเพื่อป้องกันการผิดพลาด และปัจจุบันมีลูกศิษย์ที่เรียนไปและก็ไปเปิดร้านอยู่แล้วไม่ต้องการที่จะไปแย่งลูกค้ากัน"
ปัญญา บอกกับเราว่า ในส่วนแผนการตลาดที่ Mr.SU SHI ให้ความสำคัญกับการรับจัดอาหารสำหรับงานปาร์ตี้มากขึ้น โดยลูกค้าต้องสั่งซูชิขั้นต่ำประมาณ 5,000 บาท หรือ ประมาณ 500 ชิ้น ซึ่งเราจะมีพนักงานพร้อมให้บริการถึงที่ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม ปัจจุบันมีทีมงานสำหรับการจัดปาร์ตี้ ประมาณ 4 ทีม เดือนหนึ่งจะได้ลูกค้าจากงานปาร์ตี้ประมาณ 10 ราย นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการในลักษณะของดิลิเวอรี่ ที่มีบริการส่งให้ลูกค้าถึงที่ โดยต้องสั่งขั้นต่ำ 180 บาท เฉพาะเขตในกรุงเทพคิคค่าส่ง 30 บาท สั่ง 1,000 บาท จัดส่งให้ฟรี
ทั้งนี้ การที่ Mr.SU SHI เลือกที่ใช้การปั้นแบบสดหน้าร้าน เพราะการทานซูชิให้อร่อยควรที่จะรับประทานทันทีที่ปั้นเสร็จใหม่ ถ้าทิ้งไว้นานรสชาติจะไม่เหมือนเดิม ซึ่งการให้บริการหน้าร้าน หนึ่งร้านจะใช้พ่อครัวประมาณ 3-5 คนแล้วแต่ว่าลูกค้ามากน้อย และมีพนักงานแต่งชุดกิมิโนคอยให้บริการ 1 คน ซึ่งการปั้นซูชิ 1 ชิ้นจะใช้เวลาประมาณ 5 วินาที คนหนึ่งสามารถปั้นได้ต่อวันเป็นหลักพัน ชิ้น
สำหรับยอดขายของแต่ละสาขาเฉลี่ยประมาณหลายพันชิ้นต่อวัน บางวันช่วงเสาร์-อาทิตย์ต่อสาขาสามารถขายได้เป็นหมื่นชิ้น ส่วนกำไรต่อชิ้นประมาณไม่ถึง 10% ซึ่งซูชิ 1 ชิ้นจะใช้ข้าวประมาณ 20 กรัม เป็นขนาดมาตรฐานของชูชิแบบต้นตำรับ ส่วนรายอื่นๆที่ขายทั่วไปอาจจะมีการลดขนาดให้เล็กลง เพื่อขายในราคาที่ถูกลง ข้าวที่ใช้เป็นข้าวญี่ปุ่นอย่างดี ไม่ผสมข้าวไทย ความแตกต่างของซูชิแต่ละรายต่างกันที่การปรุงรสของข้าวด้วย
ส่วนหน้าของ Mr.SU SHI มีด้วยกัน 25 หน้า แต่ละสาขาพยายามจะทำให้ครบทั้ง25 หน้าบางหน้าจะมีเฉพาะบางฤดูกาล ทั้งนี้ เรายังมีแผนที่จะเพิ่มหน้าใหม่ ขึ้นมาอยู่เรื่อย เพื่อให้ลูกค้าไม่เกิดความซ้ำซากจำเจ ซึ่งทุก 3 เดือนจะมีการประชุมและมาเรียนทำหน้าใหม่ และเพื่อเป็นการมาทดสอบฝีมือร่วมกัน ในส่วนแผนการตลาด จะใช้การไปเปิดบูทจำหน่ายพร้อมแนะนำสินค้าตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตึกสำนักงาน หรือ ตามงานแสดงสินค้า เชื่อว่าลูกค้าที่ได้มารู้จักและได้ชิมซูชิของเราจะต้องกลับมาซื้ออีกในครั้งต่อไป เพราะด้วยรสชาติ และราคา
สนใจโทร.0-2741-2162,0-6301-3724
หลายคนที่ได้มีโอกาสเดินงานแสดงสินค้า หรือ พบเห็นร้าน Mr.SUSHI จะเห็นถึงความแตกต่างของร้านชูชิ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าของซูชิ ที่มีให้เลือกมากกว่า 20 หน้า พ่อครัวที่ยืนปั้นกันสดเต็มหน้าร้าน เหล่านี้ สามารถเรียกลูกค้าให้มามุงกันเต็มหน้าร้านได้ไม่ยาก และบวกกับราคาที่ไม่สูง และรสชาติจากการเลือกวัตถุดิบคุณภาพดี ทั้งหมดเป็นช่องว่างระหว่างชูชิในศูนย์การค้า และซูชิที่ตลาดนัด ทำให้ Mr.SU SHI ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว
ปัญญา ปะวะเสนะ ผู้จัดการทั่วไป Mr.SU SHI เล่าว่า จุดเด่นของซูชิเราอยู่ที่เน้นความสด โดยมีทีมงานพ่อครัวมาปั้นกันสดหน้าร้าน และเลือกใช้วัตถุดิบเกรดเอ นำมาขายในราคาชิ้นละ 10 บาท เราเชื่อว่าในคุณภาพเดียวกันไม่มีใครสามารถที่นำมาขายในราคานี้ได้ แต่ที่เราสามารถทำได้เพราะเราเป็นบริษัทผู้นำเข้าวัตถุดิบเหล่านี้อยู่แล้วจึงมีคอร์สต้นทุนวัตถุดิบในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ขายในท้องตลาด
สำหรับ Mr.SU SHI ได้ถือกำเนิดมาได้ประมาณ 5-6 ปี โดย คุณสุริยัน ปะวะเสนะ ได้มีประสบการณ์จากการทำภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น ในเมืองไทย มากว่า 5 ปี หลังจากนั้นได้ลาออกมาเพราะต้องการจะมาทำกิจการส่วนตัว เริ่มจากการเปิดสอน ส่วนมากเน้นสอนคอร์สซูชิ ค่าเรียนคอร์สละ 20,000 บาท พร้อมไปกับการเปิดกิจการร้าน Mr.SU SHI ไปด้วย มีผู้สนใจมาเรียนทำซูชิค่อนข้างมาก เพราะอยู่ในกระแสของอาหารญี่ปุ่นที่มาแรงในประเทศไทย และซูชิ เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ทำง่ายไม่ยุ่งยาก ที่มาของชื่อ Mr.SU SHI ต้องการที่จะให้มันไม่เป็นญี่ปุ่นเสียที่เดียว คือ มีคำว่า Mr.ที่เป็นอินเตอร์สามารถไปขายได้ทั่วโลก เพราะในอนาคตอันใกล้นี้เรามีแผนที่จะขยายตลาดไปต่างประเทศด้วย
"ลักษณะร้านของMr.SU SHI ในช่วงแรกเป็นบาร์ที่ขายเฉพาะซูชิ ปัจจุบันมีสาขาด้วยกัน 4 สาขา ที่เสรีเซ็นเตอร์ ซีคอนสแควร์ อิมพีเรียล สำโรง และโลตัสสะพานใหม่ และในส่วนร้านเต็มรูปแบบที่ขายอาหารญี่ปุ่นทั้งหมด จะเปิดที่ตึก SCBในเดือนหน้า ส่วนการเปิดขายแฟรนไชส์ ยังไม่มีแพลนที่จะเปิดขายในช่วงนี้ เพราะต้องใช้เวลาศึกษาเรื่องของแฟรนไชส์ให้ดี ก่อนเพื่อป้องกันการผิดพลาด และปัจจุบันมีลูกศิษย์ที่เรียนไปและก็ไปเปิดร้านอยู่แล้วไม่ต้องการที่จะไปแย่งลูกค้ากัน"
ปัญญา บอกกับเราว่า ในส่วนแผนการตลาดที่ Mr.SU SHI ให้ความสำคัญกับการรับจัดอาหารสำหรับงานปาร์ตี้มากขึ้น โดยลูกค้าต้องสั่งซูชิขั้นต่ำประมาณ 5,000 บาท หรือ ประมาณ 500 ชิ้น ซึ่งเราจะมีพนักงานพร้อมให้บริการถึงที่ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม ปัจจุบันมีทีมงานสำหรับการจัดปาร์ตี้ ประมาณ 4 ทีม เดือนหนึ่งจะได้ลูกค้าจากงานปาร์ตี้ประมาณ 10 ราย นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการในลักษณะของดิลิเวอรี่ ที่มีบริการส่งให้ลูกค้าถึงที่ โดยต้องสั่งขั้นต่ำ 180 บาท เฉพาะเขตในกรุงเทพคิคค่าส่ง 30 บาท สั่ง 1,000 บาท จัดส่งให้ฟรี
ทั้งนี้ การที่ Mr.SU SHI เลือกที่ใช้การปั้นแบบสดหน้าร้าน เพราะการทานซูชิให้อร่อยควรที่จะรับประทานทันทีที่ปั้นเสร็จใหม่ ถ้าทิ้งไว้นานรสชาติจะไม่เหมือนเดิม ซึ่งการให้บริการหน้าร้าน หนึ่งร้านจะใช้พ่อครัวประมาณ 3-5 คนแล้วแต่ว่าลูกค้ามากน้อย และมีพนักงานแต่งชุดกิมิโนคอยให้บริการ 1 คน ซึ่งการปั้นซูชิ 1 ชิ้นจะใช้เวลาประมาณ 5 วินาที คนหนึ่งสามารถปั้นได้ต่อวันเป็นหลักพัน ชิ้น
สำหรับยอดขายของแต่ละสาขาเฉลี่ยประมาณหลายพันชิ้นต่อวัน บางวันช่วงเสาร์-อาทิตย์ต่อสาขาสามารถขายได้เป็นหมื่นชิ้น ส่วนกำไรต่อชิ้นประมาณไม่ถึง 10% ซึ่งซูชิ 1 ชิ้นจะใช้ข้าวประมาณ 20 กรัม เป็นขนาดมาตรฐานของชูชิแบบต้นตำรับ ส่วนรายอื่นๆที่ขายทั่วไปอาจจะมีการลดขนาดให้เล็กลง เพื่อขายในราคาที่ถูกลง ข้าวที่ใช้เป็นข้าวญี่ปุ่นอย่างดี ไม่ผสมข้าวไทย ความแตกต่างของซูชิแต่ละรายต่างกันที่การปรุงรสของข้าวด้วย
ส่วนหน้าของ Mr.SU SHI มีด้วยกัน 25 หน้า แต่ละสาขาพยายามจะทำให้ครบทั้ง25 หน้าบางหน้าจะมีเฉพาะบางฤดูกาล ทั้งนี้ เรายังมีแผนที่จะเพิ่มหน้าใหม่ ขึ้นมาอยู่เรื่อย เพื่อให้ลูกค้าไม่เกิดความซ้ำซากจำเจ ซึ่งทุก 3 เดือนจะมีการประชุมและมาเรียนทำหน้าใหม่ และเพื่อเป็นการมาทดสอบฝีมือร่วมกัน ในส่วนแผนการตลาด จะใช้การไปเปิดบูทจำหน่ายพร้อมแนะนำสินค้าตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตึกสำนักงาน หรือ ตามงานแสดงสินค้า เชื่อว่าลูกค้าที่ได้มารู้จักและได้ชิมซูชิของเราจะต้องกลับมาซื้ออีกในครั้งต่อไป เพราะด้วยรสชาติ และราคา
สนใจโทร.0-2741-2162,0-6301-3724